การสงครามในยุคAI และ Autonomous Weapon

อีลอน มัสก์ ต่อมุมมองการทหารดิจิตอล 4.0 จะนำโลกไปสู่จุดใหน?
September 5, 2017 Dark Roastต่างประเทศ, เทคโนโลยี


อีลอน มัสก์ CEOและผู้ก่อนตั้งบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก
ไม่รู้ว่าอะไรกวนใจให้อีลอน มัสก์ CEOและผู้ก่อตั้งTesla, SpaceX, Hyperloop, OpenAI นอนไม่หลับและลุกขึ้นมาทวิตกลางดึก?

อาจจะเพราะก่อนนอนดื่มกาแฟมากเกินไป

หรืออาจจะเป็นเพราะสปีชของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่เจ้าตัวได้อ่านและรีทวีตก่อนนอน ข่าวรายงานโดยRTไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ปูตินกล่าวมีใจความว่า…

“Artificial intelligence is the future, not only for Russia, but for all humankind. It comes with colossal opportunities, but also threats that are difficult to predict. Whoever becomes the leader in this sphere will become the ruler of the world.”

“ปัญญาประดิษฐ์คืออนาคต, ไม่ใช่สำหรับแค่รัสเซีย, แต่สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด. มันมาพร้อมกับศักยภาพอันยิ่งใหญ่ แต่ก็มีอันตรายที่ยากจะคาดการณ์. ใครก็ตามที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้นั้นจะกลายเป็นผู้นำโลกในที่สุด”


อาจจะเพราะข่าวความตึงเครียดกับสถานการณ์ใกล้เข้าสู่สงครามกับประเทศเกาหลีเหนือ และการเสริมกำลังในคาบสมุทรเกาหลีของกองทัพสหรัฐ ที่เขาเคยเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของรัฐบาลในหลายๆเรื่อง

หรืออาจจะเป็นเพราะแนวคิดดั้งเดิมของอีลอน มัสก์ ที่ว่าAI เป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ ที่เคยเป็นดราม่าใหญ่ทั่วโลกเมื่อครั้งที่ฟาดปาดฟากคำกับMark Zuckerburg เจ้าพ่อFacebook

แต่อีลอน ก็ระเบิดภาพของสถาณการณ์วันสิ้นโลกออกมาทั้งหมดภายใต้ทวีตเดียวของเขาในเวลาตีสี่ของสหรัฐอเมริกา!?




“จีน, รัสเซีย, และในไม่ช้า, ประเทศทั้งหมดที่แข็งแกร่งเรื่องวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ทั้งหมด. การแข่งขันระหว่างรัฐในการพัฒนาAI จะก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่3”

และพี่อีลอนแกก็ยังไล่ตอบreplyของfollowersอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ บางอย่างที่พอจะสะท้อนให้เห็นความคิดของอีลอนต่อกรณีความขัดแย้งในเกาหลีเหนือเช่น

“เกาหลีเหนือควรจะจัดอยู่ในลำดับล่างๆของความเสี่ยงที่จะทำให้มนุษย์ชาติสูญพันธุ์. เกาหลีเหนือไม่มีพันธมิตรมากพอที่จะแบ่งขั่วโลกให้เข้าสู่สงคราม”

“บางทีสงครามโลกครั้งที่3อาจจะไม่ได้เริ่มต้นด้วยคำสั่งของประมุขของประเทศ, แต่เป็นคำสั่งของ AI. ถ้ามันติดสินใจแล้วว่าการ โจมตีก่อน เป็นหนทางที่มีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับชัยชนะ”

“รัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำตามกฏหมาย, เมื่อมีปืนจ่อหัว เค้าสามารถที่จะได้มาซึ่งเทคโนโลยีAI จากบริษัทผู้พัฒนาเมื่อไรก็ได้. หากว่ามันจำเป็น”


..

ทวีตออกมาซะขนาดนี้ วันนี้เลยกลายเป็นพาดหัวข่าวทั่วโลกทีเดียว..

อาจไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับมุมมองอีลอน มัสก์ แต่ทุกคนประจักษ์ข้อเท็จจริงอันนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า…

อีลอน มัสก์ รู้อะไรบางอย่าง..
ไม่เหมือน จอน สโนว์ ที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย…


อีลอน มัสก์เคยเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีความเชี่ยวชาญในหลายๆเรื่องที่คนอื่นไม่มี โดยเฉพาะด้านที่เขาถนัด นั่นรวมถึง AI, การสำรวจอวกาศและพลังงานทดแทน ด้วย และได้ล่วงรู้ถึงข้อมูล “วงใน” ในรัฐบาลวอชิงตัน ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

อีลอน เป็นนักเทคโนโลยีระดับหัวแถวของโลก เป็นCEOบริษัทที่มีอิทธิพลที่จะเปลี่ยนอนาคตของโลกในอีก100ปีข้างหน้าหลายบริษัท และแวดวงของอีลอนเองนั้น ค่อนข้างกว้างขวางอยู่ในกลุ่มชนระดับ”อีลิท”ของสหรัฐอเมริกา เราจะบอกว่าคำพูดของคนระดับนี้ไม่มีราคาไม่ได้!

อีลอน มัสก์ รู้อะไรบางอย่าง..
และนั่นดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับ AI การทหารสหรัฐฯ และ รัสเซีย


ก่อนหน้านี้ อีลอนและผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์จำนวนมาก ได้รวมตัวกันยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงUN ให้ “แบน” การพัฒนาระบบอาวุธอัตโนมัติ “Autonomous Weapon System” ซึ่งรวมถึง โดรน รถถัง และปืนกลที่สามารถทำงานได้เองโดยไม่มีผู้ควบคุมหรือตัดสินใจ

จริงๆแล้วAIได้เข้าไปมีอิทธิพลในทางการทหารมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ส่วนมากใช้ในงานที่ไม่ใช่การทำสงครามโดยตรง เช่น งานข่าวกรอง โดรนถ่ายภาพมุมสูง หรือหุ่นกู้ระเบิด แต่ไม่มีครั้งใหนที่AIได้รับการติดอาวุธเหมือนอย่างทุกวันนี้

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงภัยของอาวุธประเภทนี้ได้แก่ ปืนกลประเภทตั้งอยู่กับที่ (Sentry Machine Gun)รุ่น Samsung SGR-A1 (ใช่แล้วครับ Samsung เดียวกันกับที่ผลิตมือถือนั่นแหละ!) ซึ่งเป็นปืนกลที่ไม่ต้องใช้คนควบคุม ที่ถูกสร้างมาเพื่อ “ผลิต” และ “ขาย” เชิงพาณิชย์รุ่นแรก ปัจจุบันมีข้อมูลว่าถูกติดตั้งในเขตปลอดทหาร “DMZ” ระหว่างชายเดนเกาหลีเหนือ – เกาหลีใต้ ส่วนจำนวนที่ติดตั้งนั้น ถือเป็นความลับขั้นสุดยอด


Spec เทพๆของซัมซุงรุ่นใหม่ ใครจะเป็นพรีเซนเตอร์ดี?


ความพิเศษของเจ้า Samsung SGR-A1 นี้อยู่ที่ สามารถเซลฟี่กล้องหน้าได้ถึง12ล้านพิกเซล !!! ไม่ใช่ละ !! แต่อยู่ที่ความสามารถของMachine Visionในการหมุนทิศทางปืนติดตามคนที่เคลื่อนไหวอยู่ สามารถแยกแยะคนได้ว่าเป็นทหารฝั่งใคร(โดยใช้Machine Vision) เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนใหวและความร้อน ระบบVoice-Recognition ที่อาจจะใช้การสั่งการด้วยเสียง หรือใช้ดักฟังเสียงจากระยะไกล รัศมีการยิงของมันไกลถึง3กิโลเมตร

ว่าง่ายๆ เจ้าSGR-A1นี้ เหมือนจะเป็นกล้องCCTVระดับเทพที่ติดปืนและใช้มือถือควบคุม! และที่สำคัญคือมันมีอัลกอริทึ่มที่ตัดสินใจยิง/ไม่ยิง ด้วยตัวมันเองอีกต่างหาก ทางยุทธศาสตร์การทหารแล้ว แค่มีเจ้านี่ไปตั้งอยู่บนถนนที่ต้องการปิดล้อมแค่ไม่กี่เครื่อง มีผลมากกว่าการใช้ทหารประจำการหลายกองร้อยซะอีก

ถ้าแค่ปืนกลอัจฉริยะ ยังไม่ทำให้ท่านพอใจได้เหมือนกับป้ายแท็กซี่อัจฉริยะของกทม.ล่ะก็ เรายังมีทีเด็ดจากประเทศอังกฤษส่งเข้าประกวด นั่นคือเจ้าBAE System “Tannaris” ซึ่งเป็นเครื่องบินไร้คนขับ (UCAV) ที่พัฒนาโดยบริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจของอังกฤษชื่อว่า BAE System ที่ทางผู้ผลิตอ้างว่าเป็นอากาศยานในการสงครามแห่งอนาคต ซึ่งดูจากสเป็คแล้วก็คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ

BAE Systems Tanneris “Raptor” สุดยอดยนตรกรรมแห่งความตายพร้อมเปิดตัวในงานMotorExpo

เจ้า Tannaris นี้เป็นเครื่องบินรบระดับเร็วเหนือเสียง ที่ปฏิบัติการในภารกิจระยะไกลข้ามทวีปได้ ติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่โจมตี้เป้าหมายได้ทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน (Air-to-Air and Air-to-Ground) ติดตั้งเทคโนโลยีล่องหน และควบคุมได้จากทุกที่บนโลกผ่านทางดาวเทียม! ลองคิดถึงโดรนขนาดใหญ่ที่ติดตั้งหัวรบและบินข้ามโลกด้วยความเร็ว 1,200กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูสิ !

ทั้งSGR-A1 และ Tannaris นั้นเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งในการใช้งานAIในอุตสาหกรรมอาวุธ ในปัจจุบันมีโครงการมากมายสามารถใช้AIยกระดับศักยภาพในการ “ฆ่า” ได้ คาดการณ์ว่าอาวุธประเภท Drone-Swarm robotic ที่ใช้ค้นหาและทำลายแบบหมู่จะมีการผลิตใช้งานเร็วๆนี้ ในปฏิบัติการที่ต้องเข้ายึดพื้นที่แบบใน อิรักและซีเรีย

ภาพในจินตนาการของ Swarm Intelligence Aerial Robotic ที่สามารถติดอาวุธขนาดเล็กเพื่อใช้กวาดล้างฐานที่มั่นทางการทหาร

ไม่ใช่แค่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือเกาหลีใต้ เท่านั้น ที่พัฒนาอาวุธอัจฉริยะเหล่านี้ แต่ประเทศอื่นๆอย่าง จีน รัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส เอง ก็ดูเหมือนจะลงทุนไปมหาศาลกับเทคโนโลยีใหม่ทางการทหารด้านAI ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะนำไปสู่การแข่งขันการพัฒนาอาวุธระดับชาติ ที่ อีลอน มัสก์ ออกมาเตือนว่าการคิดแบบ “Preemtive strike” แบบAIนั้น จะนำไปสู่การชิงลงมือโจมตีก่อนเพื่อสร้างความได้เปรียบ และจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่3ที่ มนุษย์ ไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน

เรื่องนี้น่าคิดต่อไปว่า เทคโนโลยีที่มีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์นี้ จะส่งผลกระทบอย่างไรในการเมืองและความมั่นคงระดับโลก การแบนAutonomous Weapon จะเป็นไปได้หรือไม่? ประเทศไทยจะมีความเห็นอย่างไร และการจัดซื้อจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร?

ข่าวและบทความ ก๊อปมาจาก:
https://www.facebook.com/caffeineclubTH/
http://caffeineblog.co/2017/09/05/อีลอน-มัสก์-ต่อมุมมองการ/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่