ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่กับ HIV

เริ่มต้นจากเด็กที่มีความขยันตั้งใจเรียนมาก เรียกว่าเด็กเรียนเลยก็ว่าได้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด ของมึนเมา อาจจะมีกินเหล้ากินเบียร์บ้างเป็นเรื่องปกติ ใช้ชีวิตวัยรุ่นที่สนุกไปวันวัน แต่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเพศนะ จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย เข้าเมืองกรุงเพื่อหางานทำ เลี้ยงดูตัวเอง ก็เริ่มมั่วสุมกับเรื่องเพศมากขึ้น ครั้งแรกก็อาจรู้สึกกล้าๆกลัวๆ แต่พอได้ลองก็เริ่มอยากลองไปเรื่อยๆ เรียกว่ามั่วเลยก็ว่าได้ อ่อลืมบอกไปว่า มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกเสียใจมาตลอดชีวิตว่าทำไมผมถึงต้องเกิดมาเป็นเกย์ด้วย แต่เรื่องนี้พ่อกับแม่ผมไม่รู้นะว่าผมเป็น  จริงๆผมก็เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ แต่ไม่ค่อยแสดงออก อาจจะมีแสดงออกตอนเรียนประถม มัธยมบ้าง แต่พอขึ้น ม.ปลายผมก็ไม่ได้แสดงออก ถ้าไม่สนิทก็จะไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นเกย์หรือบางคนที่สนิทก็ไม่รู้เหมือนกัน จุดเริ่มต้นก็เริ่มตั้งแต่ที่ผมเข้ามาทำงาน ก็อาจจะเริ่มจากความอยากรู้อยากลอง โดยเริ่มมีเพศสัมพันธ์ แรกๆก็รู้สึกกลัว แต่พอได้ลองก็อยากจะลองเรื่อยๆ จนกระทั่งครั้งหนึ่งที่ผมมีอะไรกับคนๆหนึ่งเสร็จ เค้าก็ทักมาบอกกับผมว่า เคยไปตรวจเลือดมั้ย ผมก็บอกว่าไม่เคย เค้าชวนผมให้ไปตรวจด้วยกันแต่ผมก็รู้สึกกล้าๆกลัวแล้วก็บอกให้เค้าไปตรวจก่อนเลยแล้วมาบอกด้วยนะ แต่ทันใดนั้น ผมก็เริ่มรู้สึกกังวลมาก กระวนกระวาย จึงตัดสินใจไปตรวจในวันนั้น พอไปถึงก็บอกหมอว่ามาตรวจเลือดครับ หมอก็ถามว่าตรวจหาอะไร ผมก็ตอบไปว่าหาเชื้อ HIV ครับ ซึ่งที่ที่ผมไปตรวจเป็นคลิกนิกทั่วไปนะครับไม่ใช่คลินิกนิรนาม แต่ตอนนั้นไม่มีคนพอดี พอเจาะเลือดเสร็จหมอก็บอกให้รอผลตวจ 1 วัน ซึ่งคืนนั้นผมก็นอนคิดทั้งคืน กระวนกระวาย กังวลมาก และเริ่มหาข้อมูลของ HIV พอไปอ่านเจอก็พบว่ามีอาการเริ่มต้นของ HIV เลยนี่ว่ะ เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่เคยป่วยเลย แต่หลังๆเริ่มป่วยบ่อยขึ้น พอถึงวันที่ไปฟังผลตรวจผมก็รู้สึกกลัวมาก พอไปถึงหมอก็พูดคำเดียวเลยว่า " พบ " และปลอบผมว่าไม่ต้องตกใจ ทำตัวปกติและใช้ชีวิตปกติ แล้วก็ให้ไปรับยาต้านที่ศูนย์อะไรสักอย่างซึ่งผมก็จำไม่ได้
ณ ตอนนั้น ผมก็ใจหายทันทีแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้นะ เพราะก่อนหน้านั้นผมก็มีทำใจไว้บ้างแล้ว แต่พอมาถึงห้องก็เริ่มน้ำตาตกและร้องไห้ได้สักพัก และก็ได้แต่ภาวนา ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงต่อไป ผมก็เริ่มไปหาหมอที่โรงพยาบาลโดยใช้สิทธิ์ประกันสังคม เพื่อขอรับการรักษา (อ่อลืมบอกไปว่าคนที่บอกให้ผมไปตรวจ เค้าไปตรวจมาแล้วแต่ไม่พบ) ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไปรับเชื้อจากใครมา เพราะผมไม่ได้ป้องกันหลายครั้งมาก
          ผมเริ่มหาหมอและไปตามนัดหมอทุกครั้ง ซึ่งก็จะเริ่มรับยาในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ผมกลัวและกังวลมากก็คือผมไม่ได้บอกพ่อกับแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพราะผมกลัวว่าท่านจะเสียใจ เพราะท่านคงไม่คิดว่าผมจะเป็นคนแบบนี้ เพราะผมเคยเป็นเด็กดีมาตลอด และนี่ก็คือตราบาปในชีวิตของผม ผมกลัวว่ามันจะมีผลต่อหน้าที่การงานของผม กลัวไปทุกอย่าง แต่ผมก็คงทำไรไม่ได้เพราะมันเกิดจากการกระทำของผมเองได้แต่ทำใจยอมรับ
เคยคิดอยากมีครอบครัว อยากมีลูก อยากมีความรักดีๆ แต่ตอนนี้ผมมีไม่ได้แล้ว ทุกครั้งที่ผมเห็นคู่รักอื่นเค้ารักกันผมก็รู้สึกเสียใจและน้ำตาตกทุกครั้ง เพราะผมคงไม่มีโอกาสที่จะรักใครได้อีกแล้ว พอนึกถึงอนาคตตัวเองทีไรก็รู้สึกท้อทุกครั้ง ได้แต่คิดว่าทำไมเราถึงไม่ทำตัวดีๆ ทำไมถึงไปทำแบบนั้น แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ทุกวันนี้ก็พยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขแต่พอนึกถึงตัวเองทีไรก็รู้สึกทุกใจทุกครั้ง ได้แต่ถามตัวเองว่าถ้าคนอื่นรู้แล้วเค้าจะรังเกียจเรามั้ย
เราไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้น้ำตาผมก็ไหลทุกครั้ง แม้กระทั่งตอนนี้ที่ผมกำลังพิมพ์อยู่ ผมได้แต่หวังว่าสักวันผมคงกล้าบอกพ่อกับแม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นผมก็ไม่อาจจะโทษใครได้นอกจากโทษตัวเอง ผมได้แต่คิดว่ามันคงเป็นเวรเป็นกรรมของผมที่ผมเคยทำมา ผมเลยต้องมาชดใช้ในชาตินี้ และผมก็ยังหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้ผมหายจากโรคนี้ได้ แม้อาจจะเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ
         ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและฝากเตือนให้กับทุกคนว่าอย่าใช้ชีวิตแบบที่ผมเคยเป็นเลย จงใช้ชีวิตปกติของตัวเองให้ดีดี เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกของคนที่มีเชื้อ HIV มันเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน โดยไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นเวลาแค่สั้นๆ ที่ทำให้ผมติดเชื้อมา ตอนผมอายุ 23 ผมยังปกติดีทุกอย่าง แต่พอผม 24 ก็ได้รู้ว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม มันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆจริงๆที่ทำให้ผมต้องใช้ชีวิตอย่างผิดพลาดไปทั้งชิวิตกับการกระทำของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปในอนาคตผมจะเป็นยังไงบ้างแต่ผมจะพยายามรักษาตัวเองให้ดีที่สุด แม้ชีวิตผมจะต้องเจออะไรก็ตามผมก็คงได้แต่ทำใจยอมรับความเจ็บปวดนี้ไว้ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนแม้กระทั่งตัวผมเอง และจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีที่สุด ทำให้พ่อแม่สุขสบายก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาส เพราะผมไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ แต่หากเป็นแล้วก็อยากให้ จขกท มองชีวิตให้เป็นกลาง อย่ามองว่าตัวเองโชคร้ายมากๆ คนป่วยหรือไม่ป่วยก็ต้องมีเจ็บ มีตายด้วยกันทั้งนั้น ในบรรดาคนที่ป่วยด้วยกันอย่างโรคมะเร็ง หรือ หรือ เบาหวาน ก็ล้วนมีความทรมานใจ และ กาย ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เผลอๆ คนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง อาจจะอายุสั้นกว่า คนที่มีเชื้อด้วยซ้ำ ใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า ดูแลสุขภาพให้ดี ทำใจยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีความสุขร่วมกับเชื้อ HIV ให้ได้ คุณก็มีความสุขได้ครับ สู้สู้ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่