ขอออกตัวก่อนว่า กระทู้นี้ไม่ได้แอนตี้ศัลยกรรมเพื่อเสริมความงามนะคะ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล หลายคนทำแล้วออกมาสวยเราก็ชื่นชมค่ะ
แต่เรามองว่า เฮ้ย..นี่ผู้หญิงเรายอมเจ็บตัวเพื่อความสวยกันขนาดนี้เลยเหรอ
ศัลยกรรมความงามที่เราพูดถึงนี้ หมายถึงต้องมีการเจ็บตัว มีการผ่าตัดเอาบางส่วนของร่างกายออก หรือใส่อย่างอื่นเข้ามาในร่างกาย เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่สวยงามตามต้องการ เช่น ตัดกราม ตัดโหนกแก้ม เสริมจมูก เสริมคาง เสริมหน้าอก ฯลฯ (จัดฟัน ฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม เราไม่นับรวมนะ)
จะว่ามาชวนคุยเรื่องศัลยกรรมความงามก็ไม่เชิงแฮะ
เอาเป็นว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับความงามที่แลกมาด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงอ่ะค่ะ (เต็มใจเจ็บเพื่อความสวยตามสมัยนิยม)
คือ ค่านิยมเรื่องความสวยความงามของแต่ละยุคแต่ละสมัยก็เปลี่ยนไปเรื่อย บางอย่างพอเรามองย้อนไปก็รู้สึกว่า เฮ้ย.. สวยแบบนั้นมันคุ้มกันมั้ย
เช่น หญิงจีนสมัยก่อนก็นิยมเท้าเล็กๆ ที่เขาเรียก"เท้าดอกบัว" ซึ่งเท้าขนาดยาวสามนิ้วนี่ถือเป็นสุดยอดความงามเลย
แล้ววิธีการที่จะได้เท้าดอกบัวนี่ก็โหดใช่ย่อย เด็กหญิงวัยห้าหกขวบ จับมาดัดเท้า หักนิ้วโป้งพับไปถึงปลายส้นเท้าแล้วรัดด้วยผ้าให้แน่น
แล้วมีการปรับผ้ารัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการ
แต่เด็กร่างกายก็โตขึ้น กระดูกกระเดี้ยวก็ยาวขึ้นตามธรรมชาติของมัน เพียงแต่มันยืดยาวออกมาปกติไม่ได้ กระดูกที่มันยาวขึ้นเลยคดงอผิดรูป ออกมาเป็นเหมือนรองเท้าส้นสูง แถมบางคนนิ้วเน่า เล็บยาวแทงเนื้อตัวเอง ติดเชื้อเสียชีวิตไปก็มี
มันคือการทำเท้าดีๆให้กลายเป็นเท้าพิการน่ะ เป็นความงามที่เราไม่อาจเข้าใจ
(รูปประกอบจากในเน็ต)
หรืออย่างเทรนด์เอวคอด ที่ใส่corsetรัดจนเอวเล็กมากๆ เอวสิบกว่านิ้ว เคยอ่านมาว่ามันมีผลกับอวัยวะภายในของผู้หญิงด้วย
นี่ยอมแลกสุขภาพเพื่อความงามขนาดนี้เลยเหรอ
อย่างไรก็ตาม ศัลยกรรมความงามแบบปัจจุบันก็ยังดีขึ้นมาหน่อย คือ ทำแล้วไม่ได้ผิดแปลกไปจากธรรมชาติเท่าไหร่ และให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากขึ้น แต่เราก็ยังต้องยอมเจ็บตัวเพื่อแลกมาอยู่ดี
แต่ก็ไม่แน่นะ คนในอนาคตเขาอาจจะมองว่าคนยุคเราแปลกก็ได้
แล้วเขาก็อาจจะมีเทรนด์ความงามใหม่ๆที่เราตะลึงก็ได้ ใครจะไปรู้
เช่น เขาอาจจะมีเทรนด์นมแบน แล้วแปลกใจว่าคนยุคเราจะเสริมเต้าไปทำไม (จะมีวันนั้นมั้ย 55)
ส่วนตัวเราคิดว่า สวยที่สุดคือการมีสุขภาพที่ดีค่ะ ถ้าทำแล้วสวยขึ้นและสุขภาพไม่เสียก็โอเค แต่ถ้าทำแล้วสุขภาพแย่ก็ไม่คุ้ม
คิดว่าอีกร้อยปีพันปีข้างหน้า สังคมจะมองเรื่องศัลยกรรมความงามในยุคเรากันแบบไหนคะ
แต่เรามองว่า เฮ้ย..นี่ผู้หญิงเรายอมเจ็บตัวเพื่อความสวยกันขนาดนี้เลยเหรอ
ศัลยกรรมความงามที่เราพูดถึงนี้ หมายถึงต้องมีการเจ็บตัว มีการผ่าตัดเอาบางส่วนของร่างกายออก หรือใส่อย่างอื่นเข้ามาในร่างกาย เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่สวยงามตามต้องการ เช่น ตัดกราม ตัดโหนกแก้ม เสริมจมูก เสริมคาง เสริมหน้าอก ฯลฯ (จัดฟัน ฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม เราไม่นับรวมนะ)
จะว่ามาชวนคุยเรื่องศัลยกรรมความงามก็ไม่เชิงแฮะ
เอาเป็นว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับความงามที่แลกมาด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงอ่ะค่ะ (เต็มใจเจ็บเพื่อความสวยตามสมัยนิยม)
คือ ค่านิยมเรื่องความสวยความงามของแต่ละยุคแต่ละสมัยก็เปลี่ยนไปเรื่อย บางอย่างพอเรามองย้อนไปก็รู้สึกว่า เฮ้ย.. สวยแบบนั้นมันคุ้มกันมั้ย
เช่น หญิงจีนสมัยก่อนก็นิยมเท้าเล็กๆ ที่เขาเรียก"เท้าดอกบัว" ซึ่งเท้าขนาดยาวสามนิ้วนี่ถือเป็นสุดยอดความงามเลย
แล้ววิธีการที่จะได้เท้าดอกบัวนี่ก็โหดใช่ย่อย เด็กหญิงวัยห้าหกขวบ จับมาดัดเท้า หักนิ้วโป้งพับไปถึงปลายส้นเท้าแล้วรัดด้วยผ้าให้แน่น
แล้วมีการปรับผ้ารัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการ
แต่เด็กร่างกายก็โตขึ้น กระดูกกระเดี้ยวก็ยาวขึ้นตามธรรมชาติของมัน เพียงแต่มันยืดยาวออกมาปกติไม่ได้ กระดูกที่มันยาวขึ้นเลยคดงอผิดรูป ออกมาเป็นเหมือนรองเท้าส้นสูง แถมบางคนนิ้วเน่า เล็บยาวแทงเนื้อตัวเอง ติดเชื้อเสียชีวิตไปก็มี
มันคือการทำเท้าดีๆให้กลายเป็นเท้าพิการน่ะ เป็นความงามที่เราไม่อาจเข้าใจ
(รูปประกอบจากในเน็ต)
หรืออย่างเทรนด์เอวคอด ที่ใส่corsetรัดจนเอวเล็กมากๆ เอวสิบกว่านิ้ว เคยอ่านมาว่ามันมีผลกับอวัยวะภายในของผู้หญิงด้วย
นี่ยอมแลกสุขภาพเพื่อความงามขนาดนี้เลยเหรอ
อย่างไรก็ตาม ศัลยกรรมความงามแบบปัจจุบันก็ยังดีขึ้นมาหน่อย คือ ทำแล้วไม่ได้ผิดแปลกไปจากธรรมชาติเท่าไหร่ และให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากขึ้น แต่เราก็ยังต้องยอมเจ็บตัวเพื่อแลกมาอยู่ดี
แต่ก็ไม่แน่นะ คนในอนาคตเขาอาจจะมองว่าคนยุคเราแปลกก็ได้
แล้วเขาก็อาจจะมีเทรนด์ความงามใหม่ๆที่เราตะลึงก็ได้ ใครจะไปรู้
เช่น เขาอาจจะมีเทรนด์นมแบน แล้วแปลกใจว่าคนยุคเราจะเสริมเต้าไปทำไม (จะมีวันนั้นมั้ย 55)
ส่วนตัวเราคิดว่า สวยที่สุดคือการมีสุขภาพที่ดีค่ะ ถ้าทำแล้วสวยขึ้นและสุขภาพไม่เสียก็โอเค แต่ถ้าทำแล้วสุขภาพแย่ก็ไม่คุ้ม