ผมมักจะเรียกการไปร่วมประชุมผู้ถือหุ้นว่า
ไปตากอากาศกลางสนามรบตลาดหุ้น
บริษัทไหนผลประกอบการดี มีปันผล
การประชุมก็จะค่อนข้างราบรื่น คนไปกันน้อย
ถ้าบริษัทไหนผลประกอบการแย่ แถมเจ้ามือตัวจริงชอบซิกแซก
คนมักจะไปประชุมกันแน่น เพื่อรอสหบาทาผ่านไมโครโฟน เผลอๆอาจจะมีแก้วน้ำเป็นของแถม
การไปประชุมบริษัทที่โดนตะเพิดออกจากตลาดไปแล้ว
ผมเรียกว่า ไปตากอากาศกลางสุสานหุ้น
พฤหัสที่แล้ว ไปประชุมที่นี้
รออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จึงครบองค์ประชุม ๒๕ คน
ไม่ต้องจัดประชุมใหม่อีกรอบ ซึ่งการเรียกประชุมครั้งที่สองจะมากี่คนก็ได้ ถือว่าครบองค์ประชุม
มาสามสี่ปีมานี้ ทางผู้ชำระบัญชีบริษัทบนเวที แก้ปัญหาแบบวินวินเกม
โดยระบุไว้ในหมายเรียกประชุมเลยว่า ประชุมเสร็จก็..
ผู้เข้าร่วมประชุม จะมีขาประจำหกเจ็ดคน
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผมเอง ฮาฮา
ก็ไม่มีอะไรทำ ไม่ได้ดูหุ้นอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
จะเอาชนะตลาดหุ้น ราคาหุ้นให้ได้ แบบรายนาที รายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์
ก็หาอะไรที่มันเพลิดเพลินทำดีกว่า เคยชินกับความผันผวนของตลาดหุ้น ราคาหุ้นมานานมากๆ
เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ผมเลยถามผู้ตรวจสอบบัญชีบนเวทีไปว่า
ศรีนคร มีผู้ถือหุ้นตอนนี้ทั้งหมดกี่คน
คำตอบทำเอาแปลกใจคือ มีแค่ ๑,๘๘๗ คน
แสดงว่าความเสียหายจากหุ้นในช่วงฟองสบู่แตก ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ
เฉพาะคนที่เข้าตลาดหุ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเท่านั้น
ความเสียหายจำนวนเงินมากที่สุด อยู่ที่หนี้สินเงินตราต่างประเทศของพวกบริษัทใหญ่ๆ
ส่วนความเสียหายในตอนนี้
ความเสียหายมากสุด จะตกกับผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ถือหุ้นบริษัทนั้นๆนับหมื่นคน
ส่วนเจ้ามือตัวจริงกับเจ้ามือแด๊กส่ด่วน เขาโกยกำไรกันไปหมดแล้ว
ค่าใช้จ่ายที่วงแดงในภาพประกอบก็คือ
ค่าเรียกคนมากินบุฟเฟต์ เอ๊ยมาประชุมเพื่อไม่ต้องประชุมซ้ำอีกรอบ
และค่าส่งเอกสารให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน
หารแล้วเท่ากับว่า มีค่าใช้จ่ายด้านเอกสารให้คนมาประชุมได้ ๒๘ คน ประมาณคนละ ๒,๖๐๐ บาท
ของ ifec น่าจะมีค่าใช้จ่ายนับล้านบาทต่อครั้ง
ผมถือว่า ใครผ่านความหฤโหดของตลาดหุ้นช่วงฟองสบู่แตก มาจนถึงทุกวันนี้ได้
น่าจะเป็นคนที่อยู่รอดได้ด้วยประสบการณ์แนวตั้งของตัวเอง ?
ถ้ามีแต่ประสบการณ์แบบแนวนอน วนลูป กำไรขาดทุนไปๆมาๆ
ในที่สุด ก็คงจะซ้ำรอยเดิม
ผู้ชำระบัญชีประมาณว่า คดีความของธนาคารทั้งหมด จะจบสิ้นภายในปีหน้า
เลยคิดในใจ คงได้กินบุฟเฟต์ เอ๊ยประชุมอีกซักคร้งสองครั้ง
ลองคิดคร่าวๆแล้ว ชำระบัญชีเสร็จ
จะได้เงินคืนอีกไม่เกิน ๑ บาทต่อหุ้น
เพื่อกระจายความเสื่อมจากราคาหุ้นที่ซื้อ
ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นซื้อไว้สองหมื่นหุ้นที่ราคาหนึ่งบาทต้นๆ ?
สรุปว่า จะได้กินบุฟเฟต์มื้อละ ห้าพันกว่าบาท
กินไปสามสี่มื้อแล้ว ถือว่าคืนทุน ฮาฮา
เคยได้เงินคืนมาแล้วบางส่วน
ตากอากาศกลางสุสานหุ้นงวดนี้ ได้เจอกับผู้จัดการห้องค้าของคู่แข่งหยวนน่า
พาลูกค้าที่ถือหุ้นศรีนครมายี่สิบกว่าปี มานั่งกินบุฟเฟต์ด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้กำลังลุ้นระทึกว่า
ตัวนี้จะเป็นแค่การไปตากอากาศกลางสนามรบหุ้น หรือในที่สุดจะเป็นการไปตากอากาศกลางสุสานหุ้นคือ....
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็รับได้อยู่แล้ว
เพราะมีประสบการณ์แนวตั้งมานานแล้วคือ
ใดใดในตลาดหุ้นล้วน อาจจะเป็น polar earth ifec ฯลฯ
ต้องยึดการลงทุนแนวสวนสัตว์เขาดิน และขายเอาทุน + กำไรบางส่วนขึ้นมาก่อน พอร์ตสอนไว้
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ตากอากาศกลางสุสานหุ้น
ไปตากอากาศกลางสนามรบตลาดหุ้น
บริษัทไหนผลประกอบการดี มีปันผล
การประชุมก็จะค่อนข้างราบรื่น คนไปกันน้อย
ถ้าบริษัทไหนผลประกอบการแย่ แถมเจ้ามือตัวจริงชอบซิกแซก
คนมักจะไปประชุมกันแน่น เพื่อรอสหบาทาผ่านไมโครโฟน เผลอๆอาจจะมีแก้วน้ำเป็นของแถม
การไปประชุมบริษัทที่โดนตะเพิดออกจากตลาดไปแล้ว
ผมเรียกว่า ไปตากอากาศกลางสุสานหุ้น
พฤหัสที่แล้ว ไปประชุมที่นี้
รออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จึงครบองค์ประชุม ๒๕ คน
ไม่ต้องจัดประชุมใหม่อีกรอบ ซึ่งการเรียกประชุมครั้งที่สองจะมากี่คนก็ได้ ถือว่าครบองค์ประชุม
มาสามสี่ปีมานี้ ทางผู้ชำระบัญชีบริษัทบนเวที แก้ปัญหาแบบวินวินเกม
โดยระบุไว้ในหมายเรียกประชุมเลยว่า ประชุมเสร็จก็..
ผู้เข้าร่วมประชุม จะมีขาประจำหกเจ็ดคน
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผมเอง ฮาฮา
ก็ไม่มีอะไรทำ ไม่ได้ดูหุ้นอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
จะเอาชนะตลาดหุ้น ราคาหุ้นให้ได้ แบบรายนาที รายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์
ก็หาอะไรที่มันเพลิดเพลินทำดีกว่า เคยชินกับความผันผวนของตลาดหุ้น ราคาหุ้นมานานมากๆ
เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ผมเลยถามผู้ตรวจสอบบัญชีบนเวทีไปว่า
ศรีนคร มีผู้ถือหุ้นตอนนี้ทั้งหมดกี่คน
คำตอบทำเอาแปลกใจคือ มีแค่ ๑,๘๘๗ คน
แสดงว่าความเสียหายจากหุ้นในช่วงฟองสบู่แตก ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ
เฉพาะคนที่เข้าตลาดหุ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเท่านั้น
ความเสียหายจำนวนเงินมากที่สุด อยู่ที่หนี้สินเงินตราต่างประเทศของพวกบริษัทใหญ่ๆ
ส่วนความเสียหายในตอนนี้
ความเสียหายมากสุด จะตกกับผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ถือหุ้นบริษัทนั้นๆนับหมื่นคน
ส่วนเจ้ามือตัวจริงกับเจ้ามือแด๊กส่ด่วน เขาโกยกำไรกันไปหมดแล้ว
ค่าใช้จ่ายที่วงแดงในภาพประกอบก็คือ
ค่าเรียกคนมากินบุฟเฟต์ เอ๊ยมาประชุมเพื่อไม่ต้องประชุมซ้ำอีกรอบ
และค่าส่งเอกสารให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน
หารแล้วเท่ากับว่า มีค่าใช้จ่ายด้านเอกสารให้คนมาประชุมได้ ๒๘ คน ประมาณคนละ ๒,๖๐๐ บาท
ของ ifec น่าจะมีค่าใช้จ่ายนับล้านบาทต่อครั้ง
ผมถือว่า ใครผ่านความหฤโหดของตลาดหุ้นช่วงฟองสบู่แตก มาจนถึงทุกวันนี้ได้
น่าจะเป็นคนที่อยู่รอดได้ด้วยประสบการณ์แนวตั้งของตัวเอง ?
ถ้ามีแต่ประสบการณ์แบบแนวนอน วนลูป กำไรขาดทุนไปๆมาๆ
ในที่สุด ก็คงจะซ้ำรอยเดิม
ผู้ชำระบัญชีประมาณว่า คดีความของธนาคารทั้งหมด จะจบสิ้นภายในปีหน้า
เลยคิดในใจ คงได้กินบุฟเฟต์ เอ๊ยประชุมอีกซักคร้งสองครั้ง
ลองคิดคร่าวๆแล้ว ชำระบัญชีเสร็จ
เพื่อกระจายความเสื่อมจากราคาหุ้นที่ซื้อ
ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นซื้อไว้สองหมื่นหุ้นที่ราคาหนึ่งบาทต้นๆ ?
สรุปว่า จะได้กินบุฟเฟต์มื้อละ ห้าพันกว่าบาท
กินไปสามสี่มื้อแล้ว ถือว่าคืนทุน ฮาฮา
เคยได้เงินคืนมาแล้วบางส่วน
ตากอากาศกลางสุสานหุ้นงวดนี้ ได้เจอกับผู้จัดการห้องค้าของคู่แข่งหยวนน่า
พาลูกค้าที่ถือหุ้นศรีนครมายี่สิบกว่าปี มานั่งกินบุฟเฟต์ด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้กำลังลุ้นระทึกว่า
ตัวนี้จะเป็นแค่การไปตากอากาศกลางสนามรบหุ้น หรือในที่สุดจะเป็นการไปตากอากาศกลางสุสานหุ้นคือ....
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็รับได้อยู่แล้ว
เพราะมีประสบการณ์แนวตั้งมานานแล้วคือ
ใดใดในตลาดหุ้นล้วน อาจจะเป็น polar earth ifec ฯลฯ