กองทัพเกาหลีใต้กับกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นใครมีศักยภาพที่ดีกว่ากันครับ

ทั้งกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในปัจจุบันต่างมีเทคโนโลยีที่ดีเป็นแนวหน้าของเอเชียอยากทราบว่าถ้าเทียบกันปอนด์ต่อปอนดผ์ทั้งทัพบกเรืออากาศตลอดจนอุตสาหกรรมอาวุธ2ชาตินี้ใครดีกว่ากันอาจรวมถึงประสบการ์ณรบจริงๆด้วยความพร้อมรบใครมีมากกว่ากันเงินทุนทำสงครามพันธมิตร
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
กำลังทางบก

เกาหลีใต้  เหนือกว่าญี่ปุ่น ทั้งปริมาณ  และ คุณภาพ    (ห้าแสนคน ต่อ แสนห้าหมื่น)
เพราะ เกาหลีใต้ เน้นตั้งรับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งน่าจะบุกจากทางบก  
เกาหลีใต้ เลยมีกองทัพบกที่เพียบพร้อมด้วยปริมาณและคุณภาพ

เอาเฉพาะรถถังตัว top  เกาหลีใต้ มี K2  สามร้อยกว่าคัน   ญี่ปุ่น มี type-10 ไม่ถึงร้อย    และสมรรถนะทั้งคู่ไม่แตกต่างกันมากนัก

ยังไม่รวมปืนใหญ่ เครื่องยิงจรวด เฮลิคอบเตอร์ ที่เกาหลีใต้มีเยอะกว่ามาก  


กำลังทางอากาศ

เกาหลีใต้ มี F-15 K 60 เครื่อง   ญี่ปุ่น มี F-15 ประมาณ 200 เครื่อง ( แต่พึ่งได้รับการอัพเกรดแค่ประมาณ ครึ่งเดียว)
และ เกาหลีใต้มี F-16 อีกประมาณ 150-170 เครื่อง  ญี่ปุ่นมี F-2 ประมาณ  80 เครื่อง  
เกาหลีใต้  สั่งซื้อ F-35  40 เครื่อง  ญี่ปุ่น 42 เครื่อง

ด้านปริมาณ  ญี่ปุ่น ดูจะเหนือกว่านิดๆ   เทคโนโลยีญี่ปุ่นก็เหนือกว่าหน่อยๆ ตรงที่ผลิตจรวด AA ได้เองแล้ว ทั้งระยะสั้นและระยะกลาง  
  (แต่ทั้งคู่ก็ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากสหรัฐเหมือนกัน)  

กำลังทางเรือ
เกาหลีใต้  มี Aegis 3 ลำ  ญี่ปุ่น มี 6+2
เรือรบเกาหลีใต้ จะเน้นการโจมตีทางบก โดยใช้ cruise missiles  ในขณะที่ญี่ปุ่น เน้นการป้องกันภัยทางอากาศโดยใช้ SM-3
เรือรบผิวน้ำเกรดรองลงมา  ญี่ปุ่นดูจะเหนือกว่าด้านปริมาณ   ข่วงหลังรู้สึกเกาหลีใต้ เน้นต่อเรือ frigate ขนาดไม่เกิน 4000 ตัน ขายตลาดต่างประเทศด้วย
เรือบรรทุกเฮลิคอบเตอร์  ญี่ปุ่นเหนือกว่าชัดเจนมาก
เรือดำน้ำ  ต่อเองได้ทั้งคู่  แต่เกาหลีใต้ ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากเยอรมันอยู่  ส่วนญี่ปุ่น ทำเองล้วนๆแล้ว
ญี่ปุ่นยังเหนือกว่าเกาหลีใต้ ด้านเทคโนโลยี และ ปริมาณอยู่พอสมควร


ประสบการณ์รบ

หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา  ทหารญี่ปุ่นก็ไม่เคยเข้าสู่พื้นที่สงครามอีกเลย
(กองกำลังญี่ปุ่นสามารถไปรักษาสันติภาพ ในพื้นที่ที่ไม่ใช่ warzone ได้ )
ส่วนเกาหลีใต้  เคยไปลุยสงครามเวียดนามมาแล้ว    อิรัก และ อัฟกานิสถาน  เกาหลีใต้ก็ไป  แต่ไม่ได้ปะทะกับฝ่ายตรงข้ามแบบหนักๆ
และมีการรับมือกับเกาหลีเหนืออยู่เรื่อยๆ  (ออกแนวโดนยิงฝ่ายเดียวก่อน)


เพิ่มอีกข้อ

จรวดทางยุทธวิธี

เรื่องจรวดนี้  ถึงญี่ปุ่น  จะมีจรวดพลเรือน ส่งดาวเทียมออกไปสำรวจอวกาศได้แล้ว
แต่ถ้าจะดัดแปลงให้ใช้งานทางทหาร ต้องใช้เวลาอีกมาก และมีข้อจำกัดด้านกฎหมายอีก

ส่วนเกาหลีใต้  มีจรวดพื้นสู่พื้นแบบ Hyunmoo-3C  ระยะยิง 1500 กม  พร้อมใช้งานได้ทันที
สามารถยิงจาก บูซานไปถล่ม โตเกียว หรือ ซัปโปโร ได้สบายๆ


สรุป

เทคโนโลยีของตัวเอง  ญี่ปุ่นดูจะเหนือกว่าเกาหลีใต้ อยู่ ระดับหนึ่ง  แต่ไม่ได้ทิ้งกันมาก

เกาหลีใต้ ดูจะได้เปรียบญี่ปุ่น ในเรื่องของข้อกฎหมายทำให้สามารถครอบครองอาวุธเชิงรุกได้

แต่ทั้งนี้ เทคโนโลยีระดับชี้ขาด ผลของสงคราม  ทั้งคู่ยังต้องนำเข้าจากสหรัฐอยู่เหมือนกัน  


การส่งออกอาวุธ

ปัจจุบัน ถึงแม้ญี่ปุ่นจะแก้กฎหมายให้ส่งออกอาวุธได้แล้ว  แต่อาวุธญี่ปุ่นมีราคาแพง  มีแต่ลูกค้ากำลังซื้อสูงเท่านั้นที่จะซื้อของญี่ปุ่นได้
และต้องเจอกับเจ้าตลาดอย่างสหรัฐ หรือ ยุโรปตะวันตก  ทำให้อาวุธ made in Japan ขายไม่ออก

ส่วนเกาหลีใต้ อนาคตค่อนข้างสดใสทีเดียว  หลังจากสามารถเปิดตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
เน้นตลาดกลางถึงล่าง  หลีกเลี่ยงการสู้กับเจ้าเทคโนโลยีอย่างสหรัฐ หรือ ยุโรป โดยครง
คู่แข่งมี จีนแดง กับรัสเซีย  ทั้งนี้ อาวุธเกาหลีใต้เองก็ใช้ชิ้นส่วนหลายอย่างจากสหรัฐและยุโรป  ทำให้ลูกค้าที่ส่วนใหญ่ก็พันธมิตรสหรัฐ (เบ๊สหรัฐ)
ไม่มีปัญหาเรื่องการเมืองระหว่างประเทศมากนักในการจัดซื้อ เมื่อเทียบกับอาวุธ จีนแดง หรือ รัสเซีย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่