[CR] Tasmania - สัมผัสประวัติศาสตร์ และดื่มด่ำธรรมชาติ



ทริปนี้ได้รับแรงบันดาลใจ จากเพื่อนที่กะจะฉายเดี่ยว Alone In Melbourne  ก็เลยหากระทู้อ่าน พบว่าเมืองนี้น่าสนใจไม่น้อย
หมกหมุ่นแล้วเก็บไปคิด จากนั้น 2 วันต่อมา กดจองตั๋วตามมันไปทันที

ช่วงเดินทาง เป็นช่วงสิงหาคม 2560 แต่ครั้นจะอยู่ใน Melbourne ตลอดทริป ก็คิดว่ามันคงน่าเบื่อหน่อยๆ
ก็เลยหาข้อมูลเพิ่มว่าสามารถแว๊บ ไปเที่ยวไหนต่อได้บ้าง หวยเลยมาออกที่ Tasmania นี่แหละครับ
พอโน้มน้าวแกมบังคับเพื่อนได้ ก็จัดการจองตั๋วบินข้ามรัฐเลย  Let's Go....

กระทู้ขอพูดถึงเฉพาะช่วงที่เดินทางใน Tasmania เป็นเวลา 4 วัน 3 คืนครับ

DAY 1
วันแรกรีบตื่น นั่งรถ Skybus ไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน Avalon ทางตอนใต้ของ Melbourne
ตัวสนามบินค่อนข้างเล็ก เป็นอาคารชั้นเดียว อยู่กลางทุ่งโล่งๆ
ดูแล้วทำให้นึกถึง สนามบินเฉพาะกิจ เวลาเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เหมือนที่เคยเห็นในหนังอ่ะครับ เสียดายลืมถ่ายรูปมา
จากนั้น นั่งเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา เราก็มาถึง Hobart ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ Tasmania นั่นเอง
มาถึงก็ต้องถ่ายรูปสนามบินตามระเบียบ ว่าแต่ใครเอาถังไปไว้ตรงนั้น คงไม่ใช่ถังขยะนะ


ออกมาก็มารับรถที่เช่าไว้ครับ
เป็นรถ Hyundai i20 ของบริษัท Bargian ซึ่งจองผ่าน www.airportrentals.com เพราะเห็นว่าถูกดี
แนะนำให้เช่า GPS ด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมกับเพื่อนไม่ได้ซื้อซิมหรือมี Pocket Wifi ใดๆ
และพนักงานจะให้ใบที่มีข้อมูล ว่ารถคันของเรามีรอยขีดข่วน รอยบุบอยู่แล้ว ตรงไหนบ้าง และให้เราไปเช็คด้วยตัวเองครับ
ถ้าเอารถมาคืน แล้วบุบสลายเกินจากที่มีข้อมูลอยู่ เราก็บรรลัย แต่เราไม่แคร์ครับ ซื้อประกันมาแล้วเอาระดับสูงสุดเลย
ค่าประกันแพงกว่าค่าเช่ารถอีกนะเว้ย จริงๆ


แผนการเดินทางคร่าวๆครับ หมายเลข 1 คือสนามบิน Hobart



Port Arthur Historic Site (หมายเลข 2)

ประมาณชั่วโมงกว่าๆ จากสนามบินก็มาถึงที่นี่ ซึงเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1830 ตอนแรกใช้เป็นที่กักขังและดัดสันดารนักโทษของอาณานิคมออสเตรเลีย
จากนั้นผ่านไปก็มีผู้อพยพที่ไม่ใช่นักโทษ มาตั้งรกรากในบริเวณนี้เพิ่มขึ้น
มีอุตสาหกรรมตัดไม้ การสร้างเรือ งานเหล็ก งานฝีมือต่างๆ เพื่อป้อนให้กับอาณานิคม
ดังนั้น Port Arthur จึงไม่ใช่เพียงแค่คุก แต่เป็นมีลักษณะเป็นชุมชน ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ เกือบ 30 แห่ง
เช่น สถานกักขัง สถานีตำรวจ ศาล โรงพยาบาล โบสถ์ บ้านพัก ฯลฯ
ต่อมามีการทยอยย้ายนักโทษไปไว้ที่อื่น และผู้คนก็ย้ายออกไป จนในที่สุดชุมชนนี้ซบเซาลงในปี 1877
โดยมีการถอนรื้อสิ่งปลูกสร้างบางแห่ง บางส่วนก็ถูกไฟเผา
ในปี 1920 Port Arthur กลายเป็นสถานที่ตากอากาศ อาคารหลายแห่งที่เหลือกลายเป็นโรงแรม ร้านอาหาร และบางส่วนก็เป็นพิพิธภัณฑ์
Port Arthur กลับมาเป็นข่าวทั่วโลกอีกครั้งเมื่อมีฆาตกรโรคจิตทำการสังหารหมู่ด้วยปืน ในปี 1996
เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตรวม 35 คน หากต้องการอ่านรายละเอียดให้ Search ว่า Port Arthur massacre


ค่าเข้าชม Port Arthur คนละ 39 AUD สามารถชมได้ทั้งหมดทุกส่วน และมีบริการล่องเรือพาไปยัง Island of Dead ซึ่งก็คือเกาะที่ใช้เป็นสุสานนั่นเอง ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีทัวร์พาเดินลัดเลาะไปตามอาคารต่างๆ พร้อมทั้งฟังเรื่องเล่าจะไกด์ เรียกว่า Ghost tour อันนี้ต้องซื้อตั๋วเพิ่มเองครับ

มองมุมนี้ดูหดหูหน่อยๆครับ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเอเชียกลุ่มอื่นเยอะพอควร ไม่ต้องบอกนะว่าชาติไหน เสียงจะทะลุภาพออกมาอยู่แล้ว



ภาพ Port Arthur ในปี 1860 สังเกตว่าเดิมมีจำนวนอาคารเยอะมาก



จะว่าไปก็เป็นคุกที่วิวดีพอสมควร อาคารหลายหลัง หายไปตามกาลเวลา


นักโทษจะได้ชมวิวแบบนี้ทุกวันมั้ย เกาะเล็กๆที่เห็นไกลๆคือ Island of Dead นั่นเอง



ภายในอาคารที่ใช้ขังนักโทษ พื้นแสดงให้เห็นแนวผนังของห้องขังแต่ละห้อง หนึ่งชั้นจะมีห้องขัง 60-70 ห้อง



พอเดินออกจากบ้านแล้ว นี่คือทางเดินไปที่ทำงานของ Lord Commander



ศูนย์รวมจิตใจของคนใน Port ไม่ว่าจะเป็นนักโทษ ทหาร หรือชาวบ้าน โบสถ์นี้สร้างในปี 1837



อยากจะซึมซับประวัติศาสตร์ และอ่านป้ายข้อมูลตามแต่ละสถานที่ให้ครบ แต่คงใช้เวลาทั้งวัน เพราะเค้าบอกว่ามี 30 อาคาร ไหนจะถ่ายรูปอีก
ฤดูนี้ดินแดนทางซีกโลกใต้มืดเร็วมาก เลยต้องตัดใจออกมาก่อน กว่าจากออกจาก Port Arthur ก็บ่ายสี่โมงแล้ว
เรามุ่งตรงไปยังเมือง Launceston ขับรถยาวๆก็ไปเลย เสียเวลาแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก กว่าจะถึงกี่เกือบ 4 ทุ่ม
ไปถึงโรงแรมปรากฏว่าประตูล๊อคไว้ ปิดไฟมืดไปหมด นึกว่าคงเจ้งเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้เรามาถึงดึกเกินไปเค้าปิดเวลาทำการไปแล้ว
ข้างประตูมีตู้เซฟวางไว้ นึกถึงเกมอัจริยะข้ามคืนเลยครับ ต้องให้เราไขรหัสเอากุญแจเข้าโรงแรมกับกุญแจห้องแน่ๆ
พอดีมีพี่ฝรั่งเปิดประตูจากด้านในเดินออกมา  พี่เค้าก็ถามว่ามาพักใช่มั้ย แล้วกดรหัสให้
ได้จดหมายเขียน Welcome เป็นชื่อเราอย่างดี และด้านในมีคีย์การ์ด สำหรับเข้าโรงแรมกับ
สรุปคือรหัสเซฟอยู่ในเมลล์ยืนยันการจอง ซึ่งก็เก็บเมลล์ในมือถืออยู่ในกระเป๋ากางเกงนี่แหละ ตอนนั้นมันคิดไม่ออกจริงๆ สงสัยจะขับรถมาไกล เพลียไปหน่อย 555


Batman Fawkner Inn สร้างในปี ค.ศ.1824 เดิมชื่อ Cornwall Hotel เป็นหนึ่งในกลุ่มโรงแรมแรกๆ ตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมือง
และยังเปิดดำเนินการมาจนกระทั้งตอนนี้ ต่อมาปี 1856 โรงแรมขยายกิจการขึ้น แล้วชื่อตามผู้ก่อตั้ง "John Batman Fawkner"
โรงแรมนี้มี 2 ชั้นแต่มีลิฟต์โบราณขนกระเป๋าด้วยนะครับ นึกถึงลิฟต์ที่อยู่ในเรือไททานิคประมาณนั้นเลย แต่จะเล็กกว่า



DAY 2

ช่วงเช้าพอมีเวลา จึงเดินจากโรงแรม ถัดไปเล็กน้อยมีสวนสาธารณะประจำเมือง คือ Launceston City Park
สวนนี้เริ่มจากเป็นสวนของสำนักงานภาครัฐ เมื่อมีการย้ายสำนักงานออกไป
มีการบริจาคที่ดินเพื่อขยายสวนออกไป มีสิ่งปลูกสร้างค่อยๆมากขึ้น จนที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสวนสาธารณะเต็มตัว
นอกจากนี้ในสวนนี้ยังเป็นที่จัดแสดง Japanese macaque หรือลิงกังญี่ปุ่นที่หน้าแดงๆอ่ะครับ ที่ได้รับมอบเป็นของขวัญจากเมือง Ikeda
ในฐานะที่มีการผูกความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่น้อง เมื่อปี 1965 แต่เผอิญวันที่ไปนั้น ส่วนจัดแสดงลิงปิดปรับปรุงครับ

เป็นเวลาประมาณ 9 โมงเช้ายังมีหมอกให้เห็นอยู่บ้าง



น้ำพุสร้างขึ้นในโอกาส Queen Victoria ครองราชย์ครบ 60 ปี ตรงกับ ค.ศ.1897 สร้างขึ้นจากเหล็กหล่อ



เมื่อหมอกเริ่มจาง แสงแดดก็กระทบใบไม้


กว่าเราจะเก็บของออกจากโรงแรมก็ 10 โมงแล้ว บอกก่อนนะครับว่าทริปนี้เฉื่อยชามาก ออกสายทุกวันครับ
เน้นชิว ไม่เน้นชะโงกครับ ดังนั้นทั้งวันอาจจะได้เที่ยวแค่ที่เดียวเท่านั้น วันนี้เราจะมุ่งหน้าไป Cradle Mountain
ขับรถจาก Launceston ออกไปประมาณ 150 กม.ครับ แล้วก็จะกลับมานอนในเมืองเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนโรงแรม
ระหว่างทางก็กินลมชมวิวกันเต็มที่ครับ มีแวะเติมน้ำมันที่เมือง Westbury แต่น่าจะเรียกว่าหมู่บ้านมากกว่าครับ
เข้าใจว่าปั้มน้ำมันในออสเตรเลียนี่ให้เติมเอง แต่พอเราเอารถไปเทียบ มีลุงฝรั่งเดินออกมาเติมให้ครับ ลุงแกก็บอกว่า
็ฮาเบอะกุ๊- เฮลิดายย พูดมาด้วยครึ่งความเร็วแสง ไอ้เราก็ใครตายหรอไรงี้ จนฟังสามรอบกว่าจะเก็ท  แฮพ-อะ-กู๊ด-ฮอ-ลิ-เด
แต่ก็ยังสงสัยเรื่องเติมน้ำมัน หรือเค้าเห็นเราเป็นเอเชียผมดำ คิดว่าเราเติมไม่เป็น ก็เลยบริการให้หรือเปล่า
ทางเราเลยต้องพิสูจน์ ก็หยุดรถดูอ่ะครับว่าคันที่มาเติมต่อเรา ลุงแกจะเติมให้มั้ย พบว่าว่าแกเติมให้ทุกคัน
ส่วนอาหารเที่ยงก็แวะทานที่เมือง Deloraine  เมืองเล็กบนเนินเขา น่าอยู่มากๆ


Cradle Mountain (หมายเลข 4)

ชื่อเต็มคือ Cradle Mountain-Lake St Clair National Park เราต้องแวะซื้อบัตรเข้าอุทยานที่ Visitor center ก่อนนะครับ
ราคาคนละ 16.5 AUD จากนั้นค่อยขับเข้าไปอีกประมาณ 6 กม. ก็จะถึงจุดจอดรถ โดนถนนที่เข้าใปรถจะวิ่งได้ทางเดียว
แต่จะมีจุดพักที่เอาไว้ให้รถสวนกันเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่แนะนำว่ามีบัสของทางอุทยานบริการ ให้จอดรถทิ้งไว้ที่ Visitor center ได้
แต่เราขอขับเข้าไปเอง เพราะรถบัสเข้าออกมีเป็นเที่ยวๆตามตาราง กลัวจะตกรถบัสเที่ยวสุดท้ายครับ

อากาศเหมือนจะดี แต่ว่ามีเมฆบังตรงยอดเขาตลอดเวลา อากาศที่นี่ไม่สามารถคาดเดาได้
ทะเลสาปที่เห็นมีชื่อว่า Dove lake



รอไปรอมา ยอดโผล่ออกมาแล้ว แต่เมฆกลับมาบังแดดตรงที่เราอยู่แทน
ปลายหน้าหนาวยังพอมีหิมะเหลืออยู่บ้าง  มองจากมุมนี้มีเวิ้งระหว่าง 2 ยอดเขา ทำให้ดูเหมือนเปลหรืออู่
เป็นที่มาของชื่อ Cradle Mountain นั่นเอง



เดินขึ้นไปตามทางศึกษาธรรมชาติ มองกลับมาพบว่ามองเห็น Dove lake อยู่ไกลออกไป
ที่เห็นใกล้ๆคือ Lilla lake เราเดินไปอีกหน่อยก็จะถึงสระน้ำที่เรียกว่า Wombat pool
พบว่าลมแรงมาก และมีฝนที่เป็นละอองน้ำตกลงมา เสื้อด้านนอกเปียกไปหมด จึงตัดสินใจกลับทางเดิม



เดินกลับมาแปปเดียว จากฝนที่เป็นละอองน้ำ ก็กลับกลายเป็นเจ้ารุ้งกินน้ำแทน



ออกจาก Cradle mountain ก็เกือบ 5 โมง ระหว่างทางลงเขาเพื่อนมุ่งสู่ Launceston
เนื่องจากมีป้ายจำกัดความเร็วหลังพระอาทิตย์ไม่เกิน 45 km/hr เพราะว่าอาจจะชนสัตว์ป่าที่ออกมาหากินได้ ก็พยายามขับช้าๆ
แต่ระหว่างนั้น ในยามโพล้เพล้ ตรงทางโค้งซอกเขา  มีตัวอะไรก็ไม่รู้กระโดดเหยงๆ มาตัดหน้ารถ ก็เลยเหยียบเบรกสุดแรง
สรุปว่าเฉี่ยวโดนครับ ตัวนั้นกระแทกมุมรถดังตุ๊บ คงกระเด้งกลับไป พอเราจอดดูหันกลับไป พบว่ามันก็กระโดดหนีไป แต่ช้ากว่าเดิม
หวังว่ามันคงไม่เป็นอะไรมาก ลงมาดูมุมหน้ารถก็ไม่มีรอยบุบสลายใดๆ กลับมารีบ search ว่าเราชนตัวอะไร มันคล้ายจิงโจ้เลยแต่ตัวเล็กกว่า
พบว่ามันคือ Pademelon ครับ ถ้าไม่ชนคงไม่ได้รู้จักกัน
ชื่อสินค้า:   Tasmania, Australia
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่