เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตและ
ไม่ใช่การทุจริตธรรดาที่ประชาชนทั่วไปจะกระทำแต่เป็นการทุจริต "ที่มีการวางแผนมาอย่างดี"
มีทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ในระดับที่มีอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จ ถึงตรงนี้ผู้เขียนก็คงคิดว่า
อดีตนายกยิ่งลักษณ์อาจจะ "ไม่มีส่วนรู้เห็นจริง" และการเอาผิดกับอดีตนายกยิ่งลักษณ์ก็อาจจะ
เป็น "เกมการเมือง" แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
ผู้เขียนได้อ่านโพสต์ของคุณ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ในเฟสบุ๊ค วันที่ 25 สิงหาคม 2560
ที่พูดเกี่ยวกับ ตนเอง และ "เพื่อน" คุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ ว่า บุญทรงเป็นคนหนุ่มตั้งใจดี
เป็นนักธุรกิจที่อยากเห็น "ประเทศเจริญก้าวหน้า" ผู้เขียนเข้าใจประโยคนี้ดีและคิดว่าหลายคนคง
เข้าใจเพราะช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีไฟและมีอุดมการณ์ คุณบุญทรงเข้ามาอยู่เบื้องหน้าในโครงการรับจำนำข้าว
ในฐานะเสมียนและคงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโครงการนี้ แต่ไม่ได้เป็นคนที่มีอำนาจทุกเรื่องและ
สั่งการทั้งหมด เมื่อศาลพิพากษาตามหลักฐานว่าคุณบุญทรงและทีมงานเบื้องหน้าบางคนมีความผิดจริง
ก็ต้องรับโทษไป แต่คุณบุญทรงก็ไม่ได้ซัดทอดถึงคนเบื้องหลังและพูดทำนองว่า "กูพูดไม่ได้ บางเรื่อง ต้องตายไปกับเรา"
ถึงตรงนี้ผู้เขียนก็คงเดาว่าอุดมการณ์คุณบุญทรงที่จะทำให้ "ประเทศเจริญก้าวหน้า" หมดไปแล้ว
คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะได้พูดต่อว่า เห็นคนตั้งใจดีโดนกลั่นแกล้งจนถอยไป และเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยอุดมการณ์ดี
แต่เวลาผ่านไป "เสียคน" ก็เยอะ เอาเป็นว่า หาก "ใจ" ไม่ "นิ่ง" จริง อำนาจทำลายล้างทางการเมือง ทำลายคนได้
ผู้เขียนคิดว่าคุณบุญทรงเป็นหนึ่งในนั้นที่ "เสียคน"
ผู้เขียนไม่อาจกล่าวได้ว่า ระหว่าง "เพื่อน" "ประเทศชาติ" "พวกพ้องผู้มีพระคุณ" อย่างไหนจะสำคัญกว่ากันใน
แต่ละปัจเจกบุคคล หรือจริงๆแล้วเราควรจะให้คำสำคัญกับอะไรมากว่า แต่ผู้เขียนคิดว่าวิบากกรรมของประเทศไทย
จะยังคงอยู่ต่อไปถ้าคน "เบื้องหลัง" ทำเหมือนเดิมและจะยังมีนักการเมืองหน้าใหม่ "เสียคน" ต่อไป
ผู้เขียนบอกเล่าความรู้สึกในฐานะคนทำงานในอาชีพอื่นๆ ที่กำลังมอง "อาชีพนักการเมือง" หลายคนคงมี
ความรู้สึกไม่แตกต่างกัน แต่คนที่มีความรู้ความสามารถเหล่านั้นคงไม่อยากจะออกมาเปิดเผยตัว
และแสดงความคิดเห็น
วิบากกรรมของประเทศไทยภายใต้ผู้อยู่เบื้องหลัง
ไม่ใช่การทุจริตธรรดาที่ประชาชนทั่วไปจะกระทำแต่เป็นการทุจริต "ที่มีการวางแผนมาอย่างดี"
มีทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ในระดับที่มีอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จ ถึงตรงนี้ผู้เขียนก็คงคิดว่า
อดีตนายกยิ่งลักษณ์อาจจะ "ไม่มีส่วนรู้เห็นจริง" และการเอาผิดกับอดีตนายกยิ่งลักษณ์ก็อาจจะ
เป็น "เกมการเมือง" แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
ผู้เขียนได้อ่านโพสต์ของคุณ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ในเฟสบุ๊ค วันที่ 25 สิงหาคม 2560
ที่พูดเกี่ยวกับ ตนเอง และ "เพื่อน" คุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ ว่า บุญทรงเป็นคนหนุ่มตั้งใจดี
เป็นนักธุรกิจที่อยากเห็น "ประเทศเจริญก้าวหน้า" ผู้เขียนเข้าใจประโยคนี้ดีและคิดว่าหลายคนคง
เข้าใจเพราะช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีไฟและมีอุดมการณ์ คุณบุญทรงเข้ามาอยู่เบื้องหน้าในโครงการรับจำนำข้าว
ในฐานะเสมียนและคงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโครงการนี้ แต่ไม่ได้เป็นคนที่มีอำนาจทุกเรื่องและ
สั่งการทั้งหมด เมื่อศาลพิพากษาตามหลักฐานว่าคุณบุญทรงและทีมงานเบื้องหน้าบางคนมีความผิดจริง
ก็ต้องรับโทษไป แต่คุณบุญทรงก็ไม่ได้ซัดทอดถึงคนเบื้องหลังและพูดทำนองว่า "กูพูดไม่ได้ บางเรื่อง ต้องตายไปกับเรา"
ถึงตรงนี้ผู้เขียนก็คงเดาว่าอุดมการณ์คุณบุญทรงที่จะทำให้ "ประเทศเจริญก้าวหน้า" หมดไปแล้ว
คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะได้พูดต่อว่า เห็นคนตั้งใจดีโดนกลั่นแกล้งจนถอยไป และเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยอุดมการณ์ดี
แต่เวลาผ่านไป "เสียคน" ก็เยอะ เอาเป็นว่า หาก "ใจ" ไม่ "นิ่ง" จริง อำนาจทำลายล้างทางการเมือง ทำลายคนได้
ผู้เขียนคิดว่าคุณบุญทรงเป็นหนึ่งในนั้นที่ "เสียคน"
ผู้เขียนไม่อาจกล่าวได้ว่า ระหว่าง "เพื่อน" "ประเทศชาติ" "พวกพ้องผู้มีพระคุณ" อย่างไหนจะสำคัญกว่ากันใน
แต่ละปัจเจกบุคคล หรือจริงๆแล้วเราควรจะให้คำสำคัญกับอะไรมากว่า แต่ผู้เขียนคิดว่าวิบากกรรมของประเทศไทย
จะยังคงอยู่ต่อไปถ้าคน "เบื้องหลัง" ทำเหมือนเดิมและจะยังมีนักการเมืองหน้าใหม่ "เสียคน" ต่อไป
ผู้เขียนบอกเล่าความรู้สึกในฐานะคนทำงานในอาชีพอื่นๆ ที่กำลังมอง "อาชีพนักการเมือง" หลายคนคงมี
ความรู้สึกไม่แตกต่างกัน แต่คนที่มีความรู้ความสามารถเหล่านั้นคงไม่อยากจะออกมาเปิดเผยตัว
และแสดงความคิดเห็น