“สุรนันทน์” โพสต์ถึงเพื่อนรัก “บุญทรง” หลังถูกศาลสั่งจำคุก 42 ปี ฐานทุจริตระบายข้าวจีทูจี เผยเป็นห่วงเพื่อนตั้งแต่ไปเป็นเลขาฯ สามีเจ๊แดง ตอนเป็น รมว.พาณิชย์ แอบพลิกแฟ้มเพื่อนดูพบแต่ละเรื่องน่ากลัว และสังเกตเห็นแววตาเพื่อนกังวล-ไม่สบายใจ เคยเตือนมีอะไรรีบจัดการ เราเป็นเพียง “เสมียน” ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด หลังรัฐประหารล่าสุดเคยนั่งจิบไวน์คุยกัน ถามเรื่องราวเป็นยังไง แต่เพื่อนตอบว่า “กูพูดไม่ได้”
เมื่อเวลา 22.21 น. วานนี้ (25 ส.ค.) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Suranand Vejjajiva กรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 42 ปี ในความผิดกรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี โดยมีใจความสรุปได้ว่า ตนและนายบุญทรงเป็นเพื่อนกัน เข้ามาร่วมทำงานพรรคไทยรักไทย (ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค) ด้วยกันตั้งแต่ปี 2542-2543 แต่ได้แยกย้ายกันไปหลังเกิดรัฐประหารปี 2549
หลังจากนั้นก็ได้ข่าวเพื่อนอีกทีตอนที่นายบุญทรงเป็นเลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (สามีของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร) ทำให้เป็นห่วงว่าเพื่อนจะปลอดภัยหรือไม่
“ยกหูโทร.คุยกันครั้งหนึ่งเท่าที่จำได้ เพื่อนบอก “ไม่ต้องห่วง” ส่วนผมนั้นโดนตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ด้วยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้แต่ช่วยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ” นายสุรนันทน์ระบุ
หลังจากนั้นได้มาร่วมงานกันอีกครั้งเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายสุรนันทน์ได้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังจากพ้นจากการถูกตัดสิทธิทางการเมืองในปี 2555 ส่วนายบุญทรงได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนขยับขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
“จน “เพื่อน” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง
“ใครดูให้ แต่ละเรื่องน่ากลัว” ผมแอบพลิกแฟ้มดู
“กูมีทีม”แล้วชวนทานข้าวจากโรงอาหาร หน้าห้องสั่งมาให้ ยังคงความเป็นคนง่ายๆ ที่ผมรู้จัก ถึงแม้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่”
นายสุรนันทน์ระบุอีกว่า เวลาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสได้คุยกัน และพบว่าในแววตาของนายบุญทรงมีความกังวล
“ช่วงวิกฤต ผมงานหลายด้าน แต่ก็ไม่วายห่วงเพื่อน ส่งเรื่องจากทำเนียบก็คอยเตือนว่าเรื่องไปแล้วรีบจัดการ เราเป็นเพียง “เสมียน” ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด แต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อน “ไม่สบายใจ”
หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคน
ผมถาม “เล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง” ผมนับถือน้ำใจมันที่ตอบ “กูพูดไม่ได้”
เราร่ำสุราจนดึก แล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย”
ทางการเมือง บางเรื่อง “ต้องตายไปกับเรา” พูดไม่ได้ ผมเข้าใจดี และผม “เห็นใจ” เพื่อน ที่ต้องเข้าไปติดกับ “เงื่อนไข” นั้น ผมอาจจะ “โชคดี” กว่า ที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ และ “เพื่อน” ไม่ “โชคดี” เท่า
ผมโลดแล่นทางการเมืองมาหลายสิบปี เห็นคนตั้งใจดีโดนกลั่นแกล้งจนถอยไป และเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยอุดมการณ์ดี แต่เวลาผ่านไป “เสียคน” ก็เยอะ เอาเป็นว่า หาก “ใจ” ไม่ “นิ่ง” จริง อำนาจทำลายล้างทางการเมือง ทำลายคนได้” นายสุรนันทน์ระบุ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9600000087518
กรูพูดไม่ได้! “สุรนันทน์” เผยคำตอบปริศนา “บุญทรง” รับห่วงเพื่อนตั้งแต่ทำงานใกล้ชิด “เจ๊แดง” สมัยนั่งพาณิชย์
เมื่อเวลา 22.21 น. วานนี้ (25 ส.ค.) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Suranand Vejjajiva กรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 42 ปี ในความผิดกรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี โดยมีใจความสรุปได้ว่า ตนและนายบุญทรงเป็นเพื่อนกัน เข้ามาร่วมทำงานพรรคไทยรักไทย (ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค) ด้วยกันตั้งแต่ปี 2542-2543 แต่ได้แยกย้ายกันไปหลังเกิดรัฐประหารปี 2549
หลังจากนั้นก็ได้ข่าวเพื่อนอีกทีตอนที่นายบุญทรงเป็นเลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (สามีของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร) ทำให้เป็นห่วงว่าเพื่อนจะปลอดภัยหรือไม่
“ยกหูโทร.คุยกันครั้งหนึ่งเท่าที่จำได้ เพื่อนบอก “ไม่ต้องห่วง” ส่วนผมนั้นโดนตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ด้วยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้แต่ช่วยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ” นายสุรนันทน์ระบุ
หลังจากนั้นได้มาร่วมงานกันอีกครั้งเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายสุรนันทน์ได้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังจากพ้นจากการถูกตัดสิทธิทางการเมืองในปี 2555 ส่วนายบุญทรงได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนขยับขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
“จน “เพื่อน” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง
“ใครดูให้ แต่ละเรื่องน่ากลัว” ผมแอบพลิกแฟ้มดู
“กูมีทีม”แล้วชวนทานข้าวจากโรงอาหาร หน้าห้องสั่งมาให้ ยังคงความเป็นคนง่ายๆ ที่ผมรู้จัก ถึงแม้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่”
นายสุรนันทน์ระบุอีกว่า เวลาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสได้คุยกัน และพบว่าในแววตาของนายบุญทรงมีความกังวล
“ช่วงวิกฤต ผมงานหลายด้าน แต่ก็ไม่วายห่วงเพื่อน ส่งเรื่องจากทำเนียบก็คอยเตือนว่าเรื่องไปแล้วรีบจัดการ เราเป็นเพียง “เสมียน” ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด แต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อน “ไม่สบายใจ”
หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคน
ผมถาม “เล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง” ผมนับถือน้ำใจมันที่ตอบ “กูพูดไม่ได้”
เราร่ำสุราจนดึก แล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย”
ทางการเมือง บางเรื่อง “ต้องตายไปกับเรา” พูดไม่ได้ ผมเข้าใจดี และผม “เห็นใจ” เพื่อน ที่ต้องเข้าไปติดกับ “เงื่อนไข” นั้น ผมอาจจะ “โชคดี” กว่า ที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ และ “เพื่อน” ไม่ “โชคดี” เท่า
ผมโลดแล่นทางการเมืองมาหลายสิบปี เห็นคนตั้งใจดีโดนกลั่นแกล้งจนถอยไป และเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยอุดมการณ์ดี แต่เวลาผ่านไป “เสียคน” ก็เยอะ เอาเป็นว่า หาก “ใจ” ไม่ “นิ่ง” จริง อำนาจทำลายล้างทางการเมือง ทำลายคนได้” นายสุรนันทน์ระบุ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9600000087518