ต่อจากกระทู้ที่แล้ว (https://ppantip.com/topic/36817048) วันนี้ก็จะได้เข้าสวนสนุกวันแรกแล้ว สาเหตุที่เลือกไป Animal Kingdom วันนี้ก็เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ปาร์คนี้มี Extra Magic hours ให้กับคนที่พักรีสอร์ทนั่นเอง ทั้งตั้งแต่ 8 โมงเช้า (คนปกติเข้าได้ 9 โมง) และปกติที่ปิด 4 ทุ่ม แต่ก็สามารถเล่นเครื่องเล่นในโซน Avatar ได้ถึงเที่ยงคืน แถมได้บัตรเข้าฟรีจากเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่นี่ด้วย (ดีตรงที่เป็นบัตร Park Hopper ถ้าเที่ยวหมดแล้วก็สามารถไปเข้าปาร์คอื่นได้ภายในวันนี้)

                    ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าก fastpass ทั้ง 3 เครื่องเล่นนั้นเลือกเป็น Everest กับ River of light ไว้ กับอีกอันคือพยายามจองเครื่องเล่นในโซน Pandora ให้ได้ (เพราะมันเพิ่งเปิดใหม่ประมาณ 4 เดือนที่แล้วเอง คนเลยจะเยอะเป็นพิเศษ) ซึ่งมีสองอันคือ
1. Na'vi River Journey
2. Flight of Passage อันนี้คือที่ฮิตที่สุด เวลาในการต่อคิวรอเล่นมีตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง

                    ตอนแรกเปิดแอพมาก็ไม่เจอฟาสพาสของทั้งคู่แล้วเพราะหมดเกลี้ยงเลย ก่อนนี้เลยพยายามกดรีเฟรช เชึคดูเรื่อยๆในช่วงหลังเที่ยงคืนของแต่ละวัน แต่ก็ยังไม่ว่างอยู่ดี จนสุดท้ายมากดเครื่องเล่นแรกได้ประมาณไม่กี่วันก่อนมา

วันนี้นัดเพื่อนไปกินข้าวเช้าที่อื่นเลยต้องออกแต่เช้าหน่อย รถเที่ยวแรกที่ออกจากรีสอร์ทก็จะประมาณ 7 โมงกว่าๆ เลยไปเข้าต่อแถวรอขึ้นรถ ไม่ทันไรรถก็มา



พอถึงแล้วก็ต้องเดินต่ออีกหน่อยเป็นทางเข้าปาร์ค ตอนนั้นไปถึงประมาณก่อน 8 โมง เห็นแต่ไกลว่าคนเยอะมากกก โชคดีที่ยังไม่ได้เข้า ต้องต่อรถไปรีสอร์ทอื่นก่อน



ถึงแล้วววววว จริงๆหรูมาก ไม่ทันได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่ ออกแนวเดียวกับธีมซาฟารีเลย ชื่อเต็มๆคือ Animal Kingdom Lodge





แล้วก็เดินต่อมาด้านล่าง จะเป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ชื่อ BOMA ออกแนวแอฟริกัน ราคาเต็มประมาณ 25 ดอล แต่ใช้ส่วนลดเพื่อนได้เลยประหยัดหน่อย แต่ก็มีค่า Tips ด้วย



มีให้เลือกหลากหลายมาก ของหวานก็จะมีเป็นวาฟเฟิลรูปมิกกี้ด้วย



เสร็จสิ้นปุ๊บเราก็เดินออกมาขึ้นรถกลับ Animal Kingdom .. ในที่สุดก็จะได้เข้าปาร์คแล้วววว
โอเคอยู่นะ คนที่ทางเข้าเริ่มน้อยลงแล้ว โดยทางเข้าจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ Security Check แล้วค่อยผ่านไปโซนแตะตั๋วเข้า ตอนเข้าปาร์คนี่ยิ่งง่ายใหญ่เลยเนื่องจากพอมี Magic Band แล้ว ก็แค่เอาไปแตะที่เครื่อง พร้อมสแกนลายนิ้วมืออีกนิดหน่อย



ผ่านเข้ามาด้านในก็จะเจอต้นไม้ยักษ์ (Tree of Life) เป็นอย่างแรก มันคือจุดศูนย์กลาง ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของปาร์คนี้อีกด้วย


หลังจากนั้น มันถึงเวลาที่จองฟาสพาส Na'vi River Journey ไว้ตอนนั้นพอดี เลยรีบเดินเลี้ยวซ้ายเข้าโซน Pandora เลย ตั้งแต่ทางเข้าก็จะเจอพวกต้นไม้ตามข้างทาง ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในดินแดนนั้นจริงๆ แถมที่เป็น Iconic มากๆคืออันนี้เลย ประมาณว่าแผ่นดินลอยได้ ของจริงคือใหญ่และสูงมาก เด่นที่สุดเลยเวลามองจากไกลๆ



มาถึงเครื่องเล่นก็เดินเข้าช่องฟาสพาสได้เลย ตอนนั้นแถวปกติ wait time อยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง การจองฟาสพาสไว้ก่อนนั้นจึงประหยัดเวลาไปมากๆ
เครื่องเล่นก็จะอารมณ์นั่งเรือชมสองข้างทาง



ส่วนอันนี้เป็นคลิปขณะเล่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ไฮไลท์เลยคือหุ่นตัวนี้ มีการขยับท่าทางเหมือนจริงมาก แถมตัวใหญ่ด้วย


ต่อมา ซึ่งเราจอง Everest ไว้ มันอยู่ในโซน Asia คือคนละฟากของปาร์คเลย ก็ค่อยๆเดินเลาะไป ขณะนั้นก็เช็คฟาสพาสไปด้วยแล้วดันเจอนี่ !!!



ประเด็นคือมันเป็นเครื่องเล่นในหมวดเดียวกันกับที่เพิ่งล่องเรือไป เราต้องเล่นเครื่องเล่นอื่นที่จองมาล่วงหน้า (รวม 3 อย่าง) ให้ครบก่อน ถึงจะจองอันนี้ได้ ตอนนี้ก็เลยต้องรีบแล้ว

เดินมาถึงทางเข้า ก็รีบเข้าช่องฟาสพาสเลย เพราะพอดีกับเวลาที่จองไว้อยู่


คลิปขณะเล่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อยากบอกว่าอันนี้ก็ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะนอกจากความสูงของเขาจำลองที่เค้าสร้างขึ้นมาแล้ว ตอนเล่นก็สนุกมาก ได้ฟีลขึ้นยอดเขาเลย มีช่วงที่รถเคลื่อนที่ย้อนหลังด้วย (ถ้าใครเคยเล่นเครื่องเล่น Big Grizzly Mountain จะคุ้นเคย อารมณ์เดียวกันเลย )

เสร็จจากนั่นเราก็ได้ It's Tough to be a Bug! มาเป็นฟาสพาสอย่างที่ 3 เพราะถ้าเล่นอันนี้แล้ว fastpass ทั้งหมดจะรีเซ็ตใหม่แล้วเราก็สามารถจองอะไรต่อก็ได้นั่นเอง แต่ทีละ 1 อย่างแล้วนะ



ออกแนวโรงหนังใส่แว่น 3D แต่ขอบอกว่าในนั้นมีอะไรอีกเยอะ มีความน่ากลัวอยู่หน่อยๆ อารมณ์ประมาณทำให้สะดุ้ง  เพราะดูจบปุ๊บ ได้ยินเสียงเด็กเล็กๆร้องไห้กันเต็มเลย 555555

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องรอเล่นเสร็จ แค่แตะ magic band กับเครื่องอ่านฟาสพาสก็จะถือว่าเล่นเครื่องเล่นนั้นแล้ว สามารถจองอันต่อไปได้เลย ดังนั้นตอนที่เพิ่งสแกนไปก็เลยรีบกดเปิดดูว่ามีฟาสพาสอะไรให้จองได้บ้าง (บางทีอาจจะต้องกดสลับเวลาไปมา เพื่อให้ระบบมัน refresh เผื่อจะเจอที่ว่างเพิ่มขึ้น ตอนนั้นคือกดแต่โทรศัพท์เลย แล้วเดินตามเพื่อนไป ไม่สนใจดูทางอะไรทั้งนั้น ) และแล้วก็ได้อันนี้มา ตอนนั้นคือดีใจมากกกก คิดว่าจะต้องไปต่อคิว 2 ชม.อัพแล้ว แค่คนเดียวก็ว่าได้ยากแล้วนะ อันนี้กดให้เพื่อนอีก 2 คนด้วย



ตอนนี้ก็ว่างละ เพราะกว่าจะถึงเวลาเล่นอันนั้น เลยเดินมาดูโชว์ Festival of Lion King ก่อน ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแบบฮ่องกงแต่ปรากฏว่าไม่ใช่เลย คนละแบบด้วยซ้ำ ออกแนว Festival สมชื่อ แต่เพลงก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่



ถัดมาก็เดินต่อมาอีกหน่อย เป็นทางเข้า Dinoland คนก็เยอะพอสมควร มีที่จอด baby cart อยู่ คนเอาเด็กเล็กมาด้วยเยอะมาก ไม่แปลกใจเลย



อันนี้เป็นพื้นห้องน้ำโซนนี้ มีความเข้าธีมไปอีก



ต่อมาก็เดินมาเล่น Primeval Whirl อันนี้หมดมุกแล้ว ไม่มีฟาสพาสใช้ ต้องยอมต่อแถวโดยดี แต่ก็ประมาณครึ่งชม.เอง เป็นเครื่องเล่น ride ไปตามราง แต่ค่อนข้างสำหรับเด็กหน่อย สนุกตรงที่มีหมุนๆด้วย ไม่ใช่แค่วิ่งตามราง
คลิป

คลิป [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



เสร็จปุ๊บพอมีเวลาอยู่หน่อยก็เดินกลับมาเล่น Expedition Everest เพราะจริงๆมันมีแถว Single Rider ด้วย(อยู่ขวาสุดเลย ถ้าไม่มองดีๆไม่เห็นทางเข้านะ ได้เล่นไวกว่าปกติเพราะเค้าจะจับไปนั่งกับคนที่มีเศษ (อย่างคนอื่นมากันสามคนก็นั่งสองคนแถวนึง อีกคนก็อีกแถว เราก็ไปนั่งกับคนนั้น)



และแล้วก็ถึงเวลาของเครื่องเล่นที่เด็ดที่สุดในปาร์คนี้!! AVATAR Flight of passage นั่นเอง ก็เลยเดินเลาะๆกลับไปโซนแพนดอร่า แต่ก็ถึงก่อนเวลาประมาณ 15 นาทีได้ โดยจริงๆแล้วมันเข้าได้ 5 นาทีก่อนเวลาจริง และเข้าได้จนถึงหลังหมดเวลา 10 นาที

อันนี้เป็นรูปแถวๆทางเข้า มีเขียนบริษัท ACE ด้วย เป็นคนสร้างระบบเชื่อมต่อกับชาวนาวี (น่าจะนะ รู้สึกจะตามเนื้อเรื่องเลย)



อันนี้ก็เป็นคำแนะนำเครื่องเล่น อยู่บริเวณทางเข้าเลย



พอมีฟาสพาสก็จะเป็นอภิสิทธิ์ชนหน่อยๆ อีกฝั่งคือต่อกันอยู่ยาวๆเลย (ตอนนั้นที่เช็คดู wait time ก็ไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง) ฝั่งเราก็เดินต่อเข้าไปได้เรื่อยๆ


เสร็จปุ๊บก็เริ่มเป็นทางเดินเข้ามาในแล็ปทดลอง ตกแต่งได้บรรยากาศมาก ข้อเสียอย่างนึงของฟาสพาสคือจะอดชม Wait Zone ต่างๆที่เค้าทำไว้ เช่นห้องแล็ปซึ่งมีตัวทดลองเป็นชาวนาวีขนาดเท่าจริงลอยอยู่ใน Tank (ดูได้ในคลิปเลย)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อันนี้เป็นป้ายคำแนะนำสำหรับเครื่องเล่น จะมีแว่นแจกหลังจากนั้น



เดินต่อมาก็ใกล้ได้เล่นละ มีเจ้าหน้าที่แต่งตัวเข้าธีมมาก มีเพื่อนที่ทำอยู่ดิสนีย์บอกว่า cast member ที่มาประจำที่นี่เค้าจะฝึกภาษานาวีมาด้วย ต้องลองคุยดู 555 ช่วงนี้เค้าจะแบ่งคนเป็นกลุ่มๆ มารู้ทีหลังว่าสำหรับเข้าห้องไปเล่นเครื่องเล่นนี้ ถ้าจำไม่ผิดมีทั้งหมด 8 แถว แถวละ 8 คน



ไปถึงก็ไปยืนรอเค้าเรียกไปเรื่อยๆ



ต่อมาก็จะถึงห้อง(ถ่วงเวลา)ห้องนึง เพราะตามเนื้อเรื่องเค้าจะให้เรา match กับชาวนาวีเพื่อที่จะได้ขี่ Banshee ได้ ก็จะมีวิดีโอแสดงพวกความเป็นมา เข้าไปในห้องทดลอง อันนี้ก็ว้าวอยู่



หลังจากนั้นก็จะเข้าไปในห้องที่มีเครื่องเล่นอยู่ละ (พร้อมแว่น 3D) มันจะออกแนวเป็นเหมือนม้าให้เรานั่ง มีที่จับสำหรับสองมือ แถมมีตัวล็อคหลังเราด้วยทำให้โน้มตัวไปด้านหน้าหน่อย สำหรับคลิปก็ตามนี้เลยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ความรู้สึกหลังเล่นคือชอบมากกกก เหมือนได้บินท่องโลกอวตาลจริงๆ แล้วก็ตรงขาเราจะสัมผัสกับตัว Banshee ก็จะรู้สึกได้ถึงการหายใจของมัน เพราะมันพองขึ้นตามจังหวะหายใจเลย ประเด็นคือภาพสวยมากๆเนียนมาก ส่วนเรื่อง 3D ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ เล่นๆไปก็แอบมองด้านข้าง คือเครื่องเล่นนี้ เล่นเป็นรอบๆทีเดียวพร้อมกัน 64 คนเลย(ถ้าคำนวณไม่ผิด หรือไม่ก็มากกว่านี้) มันจะมีทั้งหมด 4 ชั้น ตอนนั้นที่เล่นอยู่ชั้นกลางๆเลยมองไปด้านล่างก็เจอ ด้านบนก็เจอ จะนั่งเรียงกันอยู่เรียงหน้ากระดาน แล้วดด้านหน้าเราจะเป็นจอใหญ่มากๆ เหมือน IMAX เลย แต่ตอนแ