วันก่อนในงานสัมมนาประจำปี CSR 360 องศา “รวมใจ นำไทยยั่งยืน” ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้า และการพัฒนา (UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO) ได้กล่าวนิดหนึ่งถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ว่า จะทำให้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป แรงงานไร้ฝีมือจะถูกทดแทนเกือบทั้งหมด อาชีพที่เหลือจะเป็นประเภท Caring หรือพวกที่ทำเกี่ยวกับการดูแลคนเจ็บป่วย เราจึงต้องปรับตัวเตรียมรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ฟังแล้วอาจจะน่าใจหายสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเทคโนโลยีและพัฒนาการทางสังคมต้องเดินหน้าต่อไปเหมือนเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ
ในความเป็นจริง การใช้เครื่องจักรกลแทนแรงงานมนุษย์ไม่ใช่ของใหม่ อย่างในปี 1920 พวกลัดไดท์ (Luddites) หรือกลุ่มคนงานชาวอังกฤษก่อหวอดประท้วง ด้วยการทำลายเครื่องจักรในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพราะเชื่อว่าเครื่องจักรคือต้นเหตุที่ทำให้งานลดน้อยลง แต่ช่วงร้อยปีที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่เป็นความจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ข่าวจาก VoiceTV https://shows.voicetv.co.th/bizfeed/519304.html
มีผู้ทดลองเพื่อดูว่า โอกาสที่หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติจะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในงานประเภทไหนบ้าง ลองไปดูกันว่าเราอยู่ในข่ายโดนทดแทนซักกี่เปอร์เซนต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ 10 อาชีพโดนหุ่นยนต์ (AI) แทนที http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/642157
1.
พนักงานขายผ่านทางโทรศัพท์ โอกาส 99%
2.
พนักงานลงบัญชี โอกาส 98%
3.
ผู้จัดการด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ โอกาส 96%
4.
พนักงานต้อนรับ โอกาส 96%
5.
คนเดินหนังสือ, พนักงานส่งของ โอกาส 94%
6.
พนักงานขายสินค้าตามห้าง โอกาส 92%
7.
พนักงานพิสูจน์อักษร โอกาส 84%
8.
ผู้สนับสนุนด้านคอมพิวเตอร์ โอกาส 65%
9.
นักวิจัยการตลาด โอกาส 61%
10.
พนักงานขายโฆษณา โอกาส 54%
อีกด้านหนึ่งก็มีความพยายามคิดกันว่า งานประเภทไหนที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้บ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เปิด 4 อาชีพที่หุ่นยนต์ทำแทนไม่ได้นะจ๊ะ http://thumbsup.in.th/2016/08/jobs-that-robots-will-never-take-over/
1.
นักการเมือง และตำแหน่งผู้นำ
2.
นักจิตวิทยาและนักบำบัดพฤติกรรม
3.
งานด้านทรัพยากรบุคคล
4.
สัปเหร่อ และกิจการเกี่ยวกับฌาปนกิจ
ข้อสังเกตสำหรับงานที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นงานที่อาศัยความอ่อนโยนของจิตใจ หรือการดูแลเยียวยา ซึ่งเป็นจุดแข็งของมนุษย์ที่หุ่นยนต์ไม่สามารถเข้าใจได้
ถ้าว่ากันตามจริง การเข้ามาของเครื่องจักรกลไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เหตุผลหนึ่งก็คือ มนุษย์เราเป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมา เพื่อให้ทำงานหนักหรืองานที่ต้องใช้ความเร็วแทนคน แล้วให้คนมีเวลาไปทำงานอื่นที่เบา สบายขึ้น หรืองานที่ใช้สมองในการคิดค้นมากขึ้น
ดังนั้น เมื่อถึงยุคที่เครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติ หรือปัญญาประดิษฐ์ต่าง ๆ จะเข้ามารับหน้าที่มากขึ้น สิ่งที่มนุษย์ต้องทำคือ การปรับตัว ซึ่งไม่ใช่สิ่งน่ากลัว
แต่เป็นสิ่งที่ต้องมีตลอดเวลาอยู่แล้ว แล้วก็เตรียมพร้อมยกระดับฝีมือแรงงาน หรือโยกย้ายถ่ายเทไปทำในสิ่งอื่น ๆ ที่เครื่องจักรกลไม่สามารถทำได้นั่นเอง
เครดิตภาพ: MGR Online, ปัญญาภิวัฒน์
อย่ากลัวไปเลย หุ่นยนต์ไม่ใช่แฟน ทำแทนมนุษย์ทุกเรื่องไม่ได้
ฟังแล้วอาจจะน่าใจหายสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเทคโนโลยีและพัฒนาการทางสังคมต้องเดินหน้าต่อไปเหมือนเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ
ในความเป็นจริง การใช้เครื่องจักรกลแทนแรงงานมนุษย์ไม่ใช่ของใหม่ อย่างในปี 1920 พวกลัดไดท์ (Luddites) หรือกลุ่มคนงานชาวอังกฤษก่อหวอดประท้วง ด้วยการทำลายเครื่องจักรในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพราะเชื่อว่าเครื่องจักรคือต้นเหตุที่ทำให้งานลดน้อยลง แต่ช่วงร้อยปีที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่เป็นความจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีผู้ทดลองเพื่อดูว่า โอกาสที่หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติจะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในงานประเภทไหนบ้าง ลองไปดูกันว่าเราอยู่ในข่ายโดนทดแทนซักกี่เปอร์เซนต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. พนักงานขายผ่านทางโทรศัพท์ โอกาส 99%
2. พนักงานลงบัญชี โอกาส 98%
3. ผู้จัดการด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ โอกาส 96%
4. พนักงานต้อนรับ โอกาส 96%
5. คนเดินหนังสือ, พนักงานส่งของ โอกาส 94%
6. พนักงานขายสินค้าตามห้าง โอกาส 92%
7. พนักงานพิสูจน์อักษร โอกาส 84%
8. ผู้สนับสนุนด้านคอมพิวเตอร์ โอกาส 65%
9. นักวิจัยการตลาด โอกาส 61%
10. พนักงานขายโฆษณา โอกาส 54%
อีกด้านหนึ่งก็มีความพยายามคิดกันว่า งานประเภทไหนที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้บ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. นักการเมือง และตำแหน่งผู้นำ
2. นักจิตวิทยาและนักบำบัดพฤติกรรม
3. งานด้านทรัพยากรบุคคล
4. สัปเหร่อ และกิจการเกี่ยวกับฌาปนกิจ
ข้อสังเกตสำหรับงานที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นงานที่อาศัยความอ่อนโยนของจิตใจ หรือการดูแลเยียวยา ซึ่งเป็นจุดแข็งของมนุษย์ที่หุ่นยนต์ไม่สามารถเข้าใจได้
ถ้าว่ากันตามจริง การเข้ามาของเครื่องจักรกลไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เหตุผลหนึ่งก็คือ มนุษย์เราเป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมา เพื่อให้ทำงานหนักหรืองานที่ต้องใช้ความเร็วแทนคน แล้วให้คนมีเวลาไปทำงานอื่นที่เบา สบายขึ้น หรืองานที่ใช้สมองในการคิดค้นมากขึ้น
ดังนั้น เมื่อถึงยุคที่เครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติ หรือปัญญาประดิษฐ์ต่าง ๆ จะเข้ามารับหน้าที่มากขึ้น สิ่งที่มนุษย์ต้องทำคือ การปรับตัว ซึ่งไม่ใช่สิ่งน่ากลัว
แต่เป็นสิ่งที่ต้องมีตลอดเวลาอยู่แล้ว แล้วก็เตรียมพร้อมยกระดับฝีมือแรงงาน หรือโยกย้ายถ่ายเทไปทำในสิ่งอื่น ๆ ที่เครื่องจักรกลไม่สามารถทำได้นั่นเอง
เครดิตภาพ: MGR Online, ปัญญาภิวัฒน์