เท่าที่อ่านกระทู้ในห้องนี้ ส่วนใหญ่จะแนะนำให้แจ้งจนท.เขต หรือตอบโต้กลับแบบหนามยอกเอาหนามบ่ง เช่น ก่อกำแพงปิดเพื่อให้ปัญหากลับไปสร้างความเสียหายที่บ้านต่อเติมแทน

เราเลือกใช้วิธีแรกก่อน แต่จนท.รัฐเพิกเฉย
เลยแก้ปัญหาเองด้วยการหนามยอกเอาหนามบ่ง
เพราะข้างบ้านต่อเติมจนชิดกำแพง เทปูนลาด ๆ เพื่อให้น้ำฝนไหลเข้ามาฝั่งบ้านเราอย่างสะดวก
เราก็เลยก่อกำแพงสูงขึ้นอีกนิด ถ้าน้ำฝนไหลลงมาตามกำแพงบ้านเขา ก็สุดแล้วแต่ว่าน้ำจะไปทางไหน

แต่มันคงทำให้เขาเดือดร้อนมาก เขาเลยถือวิสาสะทุบกำแพงที่ก่อขึ้นมาทิ้งหมด เพื่อให้น้ำฝนไหลเข้ามาบ้านเราเหมือนเดิม

ครั้งแรกเมื่อรู้เรื่อง บอกเลยว่าโกรธมาก อยากแจ้งตำรวจ และเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และคิดที่จะแจ้งเรื่องไปที่เขตอีกครั้งให้เขารื้อถอนส่วนต่อเติมออก
เพราะปัญหาทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นถ้าเขาไม่เห็นแก่ตัว จนเกินไป

แต่พอหายโกรธ มาคิด ๆ ดู ถ้าเขากล้าทำขนาดนั้นคงเพราะ 1. เขาเป็นคนเลวมาก ๆ มีอิทธิพล มีเงิน ไม่เกรงกลัวกฎหมาย (เพราะจนท.เขตยังกลัว ตำรวจคงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน) ก็คงต้องปล่อยไป
หรือ 2. เพราะเขาเดือดร้อนจริง ๆ เพราะที่ผ่านมา ฝนตกหนักมาก น้ำคงไหลกลับเข้าไปในบ้านเขา เขาเลยต้องข้ามมาทุบกำแพงทิ้ง

พอคิดได้แบบที่ 2 ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะน้ำเข้ามาฝั่งบ้านเราก็แค่ทำให้คราบกำแพงสกปรก
หรือส่วนที่ต่อเติมก็แค่บังลมด้านเดียว อีกด้านก็ยังมีลมเข้า เพราะบ้านอีกข้างไม่ได้ต่อเติม

สรุป เราก็ทำเฉย ไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่เขาทำ ไม่อยากมีเรื่อง หลักฐานกล้องวงจรปิดก็ไม่มี และบ้านหลังนี้เราก็ไม่ได้อยู่อาศัย

แรงบันดาลใจที่ทำให้คิดปล่อยวางได้คือคลิปนี้ค่ะ
https://youtu.be/-heTJc8upuA
คุณลุงที่โดนทหารทำร้าย ให้ข้อคิดดีมาก เน้นย้ำสอนลูก ๆ ว่าต้องไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน

หวังว่ากระทู้นี้ จะทำให้ผู้ที่คิดจะต่อเติมผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้าน ได้สะกิดใจ ได้คิดถึงใจเพื่อนบ้านบ้าง อย่าคิดถึงแต่ประโยชน์ตนเอง
และขอให้จนท.รัฐ ที่รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน
ตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

ช่วยกันทำสังคมให้น่าอยู่เถอะค่ะ