เนื่องจากมีสินเชื่อบ้านกับ ธอส และเข้าสู่ระยะเวลาของดอกเบี้ยลอยตัวแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะสูงกว่าดอกเบี้ยคงที่ในช่วง 2-3 ปีแรกอยู่แล้ว ทำเรื่องยื่นขอลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน กค. โดยส่งคำร้อง ใบแจ้งเงินเดือน รวมทั้ง บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน (อีกครั้งหนึ่ง) หลังจากนั้น เอกสารถึง สนง.ใหญ่ 2 วันถัดมา
ผ่านไป 1 เดือนเศษ ล่าสุดได้สอบถาม Call Center ซึ่งแจ้งว่า การพิจารณาเป็นไปตามคิว มีเอกสารดำเนินการค้างอยู่ที่ สนง.ใหญ่จำนวนมาก ซึ่ง ณ ขณะนี้เพิ่งถึงคิวของต้น มิย. เท่านั้น
1. ในฐานะธนาคาร ธนาคารจะได้รับเงินเพิ่มจากดอกเบี้ยในอัตราที่สูงนี้ ในช่วงเวลารอพิจารณาและอนุมัติ ลูกค้าจ่ายดอกเบี้ยเพ่ิ่มขึ้น ซึ่งคิดเป็นหลักพันบาทต่อเดือน (2-5 พันบาทต่อเดือน สำหรับยอดที่ 1-5 ล้านบาท และที่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแค่ 1%) ลูกค้ารอคิว 10,000 คน (ทั่วประเทศ) ธอส ได้รายได้เพิ่มขึ้น 20-50,000,000 บาทต่อเดือน เพียงแค่ปล่อยระยะเวลาการพิจารณาให้ยาวนานขึ้น นั่นเอง
2. ลูกค้าต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น เป็นหลักพันบาทต่อเดือน ดังข้างต้น ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยเงินจำนวนเดียวกันที่เราจ่ายแต่ละเดือน การตัดยอดเงินต้นก็น้อยลงไปด้วย
3. ธอส. ไม่มีฝ่ายหรือแผนกที่จะพิจารณาการยื่นรีเทนชั่นโดยเฉพาะ หรือไม่ การพิจารณารีเทนชั่น แน่นอนว่า ไม่เหมือนการพิจารณาสินเชื่อใหม่ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ยังทำงานอยู่ ทำอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ได้อัตราเงินเดือนที่อย่างน้อยไม่น้อยกว่าเดิม ในฐานะลูกค้า ยังมองไม่ออกว่า ทำไมต้องใช้เวลานานเช่นนี้
4. ขั้นตอนการรีเทนชั่นที่ยุ่งยากและยาวนาน จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่นง่ายขึ้น สำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก การอยู่ที่ธนาคารเดิมและยื่นรีเทนชั่น น่าจะง่ายสุด แต่จะเจออย่างนี้ ก็คงอยากเปลี่ยนกันหลายคนเหมือนกันครับ
ไม่แน่ใจว่า ธนาคารอื่นๆมีขั้นตอนการยื่นรีเทนชั่น และการพิจารณาโดยธนาคาร นานแบบเดี่ยวกันอย่างนี้หรือเปล่าครับ
การพิจารณาการยื่นขอลดอัตราดอกเบี้ย (รีเทนชั่น) ธอส - ยุ่งยากกว่าที่คิด
ผ่านไป 1 เดือนเศษ ล่าสุดได้สอบถาม Call Center ซึ่งแจ้งว่า การพิจารณาเป็นไปตามคิว มีเอกสารดำเนินการค้างอยู่ที่ สนง.ใหญ่จำนวนมาก ซึ่ง ณ ขณะนี้เพิ่งถึงคิวของต้น มิย. เท่านั้น
1. ในฐานะธนาคาร ธนาคารจะได้รับเงินเพิ่มจากดอกเบี้ยในอัตราที่สูงนี้ ในช่วงเวลารอพิจารณาและอนุมัติ ลูกค้าจ่ายดอกเบี้ยเพ่ิ่มขึ้น ซึ่งคิดเป็นหลักพันบาทต่อเดือน (2-5 พันบาทต่อเดือน สำหรับยอดที่ 1-5 ล้านบาท และที่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแค่ 1%) ลูกค้ารอคิว 10,000 คน (ทั่วประเทศ) ธอส ได้รายได้เพิ่มขึ้น 20-50,000,000 บาทต่อเดือน เพียงแค่ปล่อยระยะเวลาการพิจารณาให้ยาวนานขึ้น นั่นเอง
2. ลูกค้าต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น เป็นหลักพันบาทต่อเดือน ดังข้างต้น ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยเงินจำนวนเดียวกันที่เราจ่ายแต่ละเดือน การตัดยอดเงินต้นก็น้อยลงไปด้วย
3. ธอส. ไม่มีฝ่ายหรือแผนกที่จะพิจารณาการยื่นรีเทนชั่นโดยเฉพาะ หรือไม่ การพิจารณารีเทนชั่น แน่นอนว่า ไม่เหมือนการพิจารณาสินเชื่อใหม่ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ยังทำงานอยู่ ทำอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ได้อัตราเงินเดือนที่อย่างน้อยไม่น้อยกว่าเดิม ในฐานะลูกค้า ยังมองไม่ออกว่า ทำไมต้องใช้เวลานานเช่นนี้
4. ขั้นตอนการรีเทนชั่นที่ยุ่งยากและยาวนาน จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่นง่ายขึ้น สำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก การอยู่ที่ธนาคารเดิมและยื่นรีเทนชั่น น่าจะง่ายสุด แต่จะเจออย่างนี้ ก็คงอยากเปลี่ยนกันหลายคนเหมือนกันครับ
ไม่แน่ใจว่า ธนาคารอื่นๆมีขั้นตอนการยื่นรีเทนชั่น และการพิจารณาโดยธนาคาร นานแบบเดี่ยวกันอย่างนี้หรือเปล่าครับ