ผลลัพธ์การลงทุนด้วย สูตรมหัศจรรย์ (Magic Formula) 2015 - 2017

เนื่องด้วยผมได้ทดลองเก็บข้อมูลตัวเลขเล่นๆ ไว้ดูเอง เกี่ยวกับการลงทุนด้วยสูตรมหัศจรรย์ของ Joel Greenblatt
หลายๆ ท่านที่ลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะสาย Value Investor หรืออาจจะเป็นสายลงทุนหุ้นในระยะกลาง - ยาว คงเคยได้ยินเกี่ยวกับสูตรนี้กันแล้วนะครับ คงจะทราบวิธีการกันคร่าวๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าหากใครต้องการทราบข้อมูลเพิ่ม ผมจะมาทำเป็นสรุปคร่าวๆ ให้อีกทีนะครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สำหรับการทดลองของผมจะมีช่วง 16 พฤศจิกายน 2015 - 15 พฤศจิกายน 2016  และ 4 พฤษภาคม 2016 - 3 พฤษภาคม 2017 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (ข้อมูลที่ผมได้มาคือจาก Siamchart และดูควบคู่กับ Settrade ครับ)

เอาล่ะครับพร้อมรวย..เอ้ยพร้อมจะชมกันรึยังครับ ผมจะค่อยๆ เรียบเรียงการวิเคราะห์จากข้อมูลที่ผมเก็บเป็นส่วนๆ ตามนี้ครับ

ข้อมูล 16 พฤศจิกายน 2015 - 15 พฤศจิกายน 2016 (SET 1388.62 - 1490)
PE + ROA : No Scan [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
PE + ROE : No Scan
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
----------------------------------------
PE + ROA : Scan [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
PE + ROE : Scan
หมวด Scan ผมจะมาทยอยใส่ทีหลังนะครับ

ข้อมูล 4 พฤษภาคม 2016 - 3 พฤษภาคม 2017 (SET 1390 - 1560)
PE + ROA : No Scan
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
PE + ROE : No Scan
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
---------------------------------------
PE + ROA : Scan
PE + ROE : Scan
หมวด Scan ผมจะมาทยอยใส่ทีหลังนะครับ

ตารางสรุปอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ (สำหรับ No-Scan นะครับ)

วิเคราะห์กันเรื่อยเปื่อยให้ฟังแล้วกันนะครับ
ช่วงปี Nov 15 - Nov 16
   - ถ้าคุณใช้ PE+ROA จะกำไรชนะตลาดที่การลงทุน 15 ตัว // แต่คุณจะขาดทุน 7.93% ถ้าเลือกลงทุนที่ 10 ตัวแรก
   - ถ้าคุณใช้ PE + ROE จะกำไรชนะตลาดที่การลงทุน 25 ตัว // แต่คุณจะขาดทุน 15 - 22% ถ้าเลือกลงทุนที่ 10 - 15 ตัวแรก

ช่วงปี May 16 - May 17
   - ถ้าใช้ PE+ROA จะชนะตลาดที่การลงทุน 10 - 15 ตัวแรก // แพ้ตลาดแต่ไม่ขาดทุน ที่การลงทุน 20 - 30 ตัว
   - ถ้าใช้ PE + ROE จะชนะตลาดที่การลงทุน 20 และ 25 ตัว // ที่เหลือแพ้ตลาดแต่ก็ยังไม่ขาดทุนครับ

คำถามคือสูตรนี้มันใช้ได้ดีจริงปล่าว???  
-  ถ้าดูจากตารางและช่วงระยะเวลาสั้นๆ เราก็ยังพอทำกำไรได้และยังมีโอกาสชนะตลาดอยู่พอสมควร แต่โอกาสขาดทุน (ไม่นับที่แพ้ตลาดแล้วยังกำไรนะครับ) ก็มีเหมือนกัน ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ การลงทุนที่ 10 - 15 ตัวแรกจะมีโอกาสขาดทุนค่อนข้างสูงนะครับ ผมจำได้ว่า VI บางท่านเคยประมาณเอาไว้ว่าตลาดบ้านเราเหมาะที่จะใช้ Magic Formula ที่ระหว่าง 15 - 20 ตัว ซึ่งเทียบจากตารางก็เหมือนจะคล้ายๆ กับการประมาณการเหมือนกันครับ ... แต่ก็อย่าลืมนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ ถ้าเรากระจายความเสี่ยงมากก็อาจจะได้น้อย ถ้ากระจายน้อยก็อาจจะได้เยอะและก็อาจจะเสียเยอะครับ

-  โดยรวมจากตารางนี้ถ้าเราไม่ได้เก่งการวิเคราะห์การเงิน เราก็ยังมีโอกาสชนะดอกเบี้ยธนาคารหรือพันธบัตรรัฐบาลอยู่แล้วครับ (เว้นแต่จะไปจิ้มโดนเซทที่ขาดทุนนะครับ - - อันนี้คิดแล้วก็สยองเหมือนกัน)
-  ต้องเข้าใจเงื่อนไขของสูตรนี้นิดนึงนะครับคือ ต้องลงทุนต่อเนื่องแบบนี้ทุกปี เพราะจะมีบางปีที่เราแพ้ตลาด หรือขาดทุน และบางปีก็ชนะตลาดอย่างท่วมท้น และพอเอามารวมกันหลายๆ ปี จะได้ค่าเฉลี่ยกำไรทบต้นสูงกว่าตลาดครับ (อันนี้เคยมีวิจัยตลาดไทยที่ดร.ท่านนึงทำไว้ด้วยครับ //และของต่างประเทศเองก็มีการเก็บข้อมูลไว้ก็พบว่าชนะตลาดได้เหมือนกันครับ)
-  ผมมองว่าสูตรนี้ก็ไม่น่าเสียหายอะไรครับ สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีความสามารถในการอ่านงบการเงิน การวิเคราะห์หุ้น หรือขี้เกียจ?? ผมไม่ได้เป็น 1 ในนั้นครับ แต่ผมสนใจแนวทางของสูตร และอีกหลายๆ รูปแบบของการลงทุนแบบ Value Investor ครับ

การลงทุนแบบ Magic Formula อาจจะไม่ถูกเรียกว่า Value Investment นะครับ แต่ก็ไม่ใช่การเก็งกำไรหรือถือระยะสั้นแน่นอนครับ เพราะรูปแบบการนำตัวหุ้นมาลงทุนก็ยังมีพื้นฐานจากการวิเคราะห์แบบ Fundamental อยู่นะครับซึ่งก็คือค่า PE, ROE, ROA (นักลงทุนที่เก่งๆ ก็จะมีตัวแปรมาคิดคำนวณเพิ่มอยู่แล้วครับเช่น P/BV, Profit Margin, D/E, Current Ratio etc.)

การลงทุนมันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง มันมีทั้งจินตนาการ + ความสามารถในการมองเห็นและวิเคราะห์ครับ ถ้ามองกันหลักๆ การลงทุนในสาย Value Investment ต้องมีการวิเคราะห์ 2 อย่างหลักๆ คือ Quantitative Analysis (วิเคราะห์เชิงปริมาณ) และ Qualitative Analysis (วิเคราะห์เชิงคุณภาพ)

ถ้ามีโอกาสจะมาทำการทดลองผ่านการลงทุนรูปแบบอื่นๆ ให้ดูอีกนะครับ นางพญาเม่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่