พอดีผมร่วมหุ้นทำธุรกิจกับลูกพี่ลูกน้องอยู่ครับ เกือบสิบปีได้แล้ว จริงๆ มีเพื่อนหุ้นด้วยตั้งแต่แรกๆ เลยแต่มีปัญหากันเพื่อนผมเลยทยอยออกไปก่อนจนเหลือผมกับพี่น้องครับ
หลังจากที่ผมเริ่มมาทำต่อกับพี่น้องผม แต่ผมไม่ได้ทำตำแหน่งที่ถนัด เพราะเหลือกันไม่กี่คน ก่ต้องพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ไปก่อน ตอนแรกๆ ก็พยายามต่อสู้กันไปด้วยดีอยุ่ เริ่มเติบโตขึ้นมากกว่าตอนเพื่อนผมอยู่พอสมควร
แต่ช่วงหลังๆ มานี่เกิดปัญหาขึ้นอีกมากมายในบริษัท ตัวผมเองก็มีทั้งปัญหาทางบ้านและที่บริษัท จนมันรู้สึกท้อแท้ เบื่อโลก เครียดมากๆ จนตอนนี้ทำให้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ทั้งฝันร้าย เห็นภาพหลอน และละเมอเจอเรื่องแปลกๆ บ่อยๆ (เช่น มีคนมาเรียกให้ไปอยู่ด้วย ทำให้เราละเมอไป) ลองไปรักษาเบื้องต้นแล้วจิตใจกับสมองยังไม่ค่อยดีขึ้น แต่ยาเริ่มทำให้ไม่ต้องฝันร้ายหรือละเมอได้บ้างแล้ว ทำให้นอนหลับได้นานขึ้น
ตอนนี้เรื่องส่วนตัวที่บ้านผมเริ่มโอเค เริ่มเคลียขึ้นแล้ว ทำให้ผมสบายใจขึ้นเปราะนึง
แต่ที่ทำงาน ที่หุ้นกับพี่น้อง ยังมีปัญหาอยุ่หลายอย่าง จนหลังๆ เหมือนว่าที่นี่เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าผมป่วยอยู่ คิดว่าผมแค่เกิดความเครียดมากไปเท่านั้น และงานก็ต้องทำหนักขึ้นเรื่อยๆ (เพราะบริษัทมีปัญหาคนทำงานเหลือน้อยลงมาก) พยายามให้ผมทำงานหรือมาบริษัทเยอะขึ้นทั้งที่สุขภาพผมเริ่มแย่ๆ ลง ไม่ค่อยได้พัก เหมือนกับทุกคนต่างคาดหวังให้ผมทำให้ได้ดี บริษัทต้องดีขึ้น ต้องเป็นแบบนี้ๆ ต้องต่อสู้ ผ่านไปให้ได้ แต่พอทำไม่ได้เค้าก่ผิดหวัง และตำหนิผมกัน เพราะปกติผมก่ไม่ได้ทำตำแหน่งที่ตัวเองถนัดแต่แรกแล้ว ตอนนี้ต้องทำแบบที่ยังป่วยทั้งสมองและจิตแบบนี้ด้วยครับ
ตอนนี้ผมพยายามหาจิตแพทย์คนอื่นเพิ่มครับ เพราะตอนแรกรักษาประกันสังคม รอคิวนานมาก อาจจะเพราะคนเยอะหมอเลยไม่ได้คุยอะไรเยอะ เน้นจ่ายยามากกว่าให้คำแนะนำ ยาตัวแรกก็มีผลข้างเคียงทำให้ร่างกายมีปัญหาอีก เพิ่งเปลี่ยนยามา แล้วก็อีกมุมนึงพยายามศึกษาธรรมะ ไปศึกษาธรรมกับพระที่วัดสายปฎิบัติ เจริญสติช่วยทุกวันครับ พอทีจะรุ้สึกดีขึ้นเป็นขณะๆ บ้าง ไม่อยากให้จิตใจมันจมอยู่กับความผิดหวังไปตลอด แต่โดยรวมยังไม่ดี
ประเด็นคือ ตอนนี้เหมือนผมจะไปต่อไม่ไหวแล้ว เพราะรุ้สึกท้อๆ เป็นภาระ หรือตัวถ่วงให้พวกเขาครับ มีแต่คนมาตำหนิ ด้วยเพราะตำแหน่งที่ผมไม่ได้ถนัดแต่แรก (พยายามหาคนมาช่วยตรงนี้ หรือมาทำตรงนี้แทนแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คนที่ทำได้นานๆ) ทำให้ผมทำงานผิดพลาดเสมอ พยายามไปศึกษาและปรับปรุงตัวเองในด้านนี้ หลายปีก็ไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นมากครับ จนสุดท้ายผมคุยกับแม่หรือเพื่อนๆ ว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้เหมาะกับตรงนี้จริงๆ เพราะถ้าได้ ผมคงทำได้ไปนานแล้ว
จากที่ทำงานผมก็เริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ หลายๆ คนรวมถึงพี่เขาก่ตำหนิจนผมรู้สึกผิดมากขึ้น เรื่อยๆ
ผมสังเกตได้เลยว่า ตัง้แต่ผมป่วย รู้สึกว่า พอได้ฟังเรื่องพวกนี้แล้วจิตใจจมลงเร็วมาก ไม่เหมือนฟังตอนจิตใจหรือสมองปกติ มันเหมือนมีภูมิให้ได้คิดต้านทานออกมาได้ แต่ตอนนี้มีแต่จมลงไป (ผมเป็นคนสู้ชีวิตาตั้งแต่เด็กครับ ก็เคยสอนน้องๆ มากมายว่าผมผ่านอะไรแย่ๆ มาหลายอย่าง ยังผ่านได้ แต่ตอนนี้พอป่วยแล้วรู้เลย ว่าคนละแบบกันครับ เราไม่สามารถคิดเชิงเปรียบเทียบคนที่แย่กว่าได้อีกแล้ว)
สมองตอนนี้ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะคิดวนเวียนแต่เรื่องผิดพลาดเดิมๆ ครับ
แต่ที่ตัดสินใจไม่ได้คือ ตอนนี้ เหมือนตัวบริษัทและสภาพการเงินขอก่แย่ๆ ลงคับ และคนทำงานเหลือน้อยลง (ถ้าคิดในแง่ดีก็เหมือนได้ลด cost บริษัทได้พอสมควร) จากที่เคยเติบโตขึ้น และประเด็นคือพี่เขาก็มีบุญคุณ คอยช่วยเหลือผมมาแต่เด็กครับ การมาทำธุรกิจตรงนี้ เหมือนเขาให้โอกาสและให้ทุนด้วย ในการทำอะไรหลายๆ อย่าง ก็เลยรู้สึกเหมือนผมยังติดค้างเขาอยู่เยอะ แต่การทำแบบนี้จะเป็นคนอกตัญญูรึปล่าวครับ การที่ผมไม่สามารถทำต่อไปได้อีกแล้ว จะเป็นการทิ้งพวกเขาไหมครับ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ตอนนี้ผมอยากหยุดทุกๆ อย่างมากๆ เลย อยากพักรักษาตัวให้หายดี เพราะทำต่อ สมองก่ไม่สามารถคิดอะไรได้เยอะๆ เหมือนแต่ก่อน (ขนาดปกติ แต่ผมไม่ได้ถนัดหน้าที่นี้แต่แรก ก็ยังทำได้ไม่ดีมากเลยครับ)
รวมถึงสภาพจิตใจที่ท้อๆ รู้สึกผิด จากการทำผิดพลาดบ่อยๆ แล้วอีกไม่นานผมก็จะบวชด้วยครับ เพื่อทดแทนบุญคุณ และอยากปฎิบัติให้ได้แนวทางชัดเจน แล้วนำมาปฎิบัติต่อเองที่บ้านได้ ซึ่งอาจจะกินเวลานานหลายเดือน ใจนึงก็ไม่อยากเป็นภาระให้งานเขามีปัญหา เผื่อเขาจะหาคนที่ดีกว่ามาทำแทนได้ ตอนนี้ทำไมผมไม่รู้สึกว่างานที่ทำอยู่นี่คือกิจการ หรือบริษัทของผมเองเลยครับ รุ้สึกมานานแล้วว่าเหมือนทำให้พี่เขามากกว่า
* มีอีกประเดนที่สำคัญครับ คือเนื่องจากบริษัทแย่ๆ ลงทำให้เกิดหนี้ขึ้นซึ่งก่ต้องแบ่งใช้กันตามสัดส่วนครับ แต่ถ้าผมเกิดออกไปแล้ว ผมก็คิดว่ายังต้องหาทางหาเงินจากที่อื่นมาช่วยใช้หนี้ให้พี่เขาอยู่ดีครับ แต่ไม่รู้ว่าการไม่ได้อยู่ช่วยต่อของผมนั้น จะทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่กับเรื่องหนี้นี้ ด้วยไปอีกรึป่าวนะครับ แต่ส่วนหุ้นทุกๆ บริษัทผมคงยกให้พี่เขาหมดเลยครับ เพราะผมไม่ได้อยู่สานต่อแล้ว แต่หนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าผมต้องช่วยชดใช้
ถ้าใครเคยเจอเคสแบบนี้ มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคัรบ
ขอโทษด้วยครับที่ทำให้ต้องอ่านยาวหน่อย
ขอบคุณครับ
.. ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และธุรกิจที่ทำกับพี่น้อง ก็มีปัญหาจนไม่สามารถทำต่อได้ ทำอย่างไรดีครับ ขอคำแนะนำ
หลังจากที่ผมเริ่มมาทำต่อกับพี่น้องผม แต่ผมไม่ได้ทำตำแหน่งที่ถนัด เพราะเหลือกันไม่กี่คน ก่ต้องพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ไปก่อน ตอนแรกๆ ก็พยายามต่อสู้กันไปด้วยดีอยุ่ เริ่มเติบโตขึ้นมากกว่าตอนเพื่อนผมอยู่พอสมควร
แต่ช่วงหลังๆ มานี่เกิดปัญหาขึ้นอีกมากมายในบริษัท ตัวผมเองก็มีทั้งปัญหาทางบ้านและที่บริษัท จนมันรู้สึกท้อแท้ เบื่อโลก เครียดมากๆ จนตอนนี้ทำให้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ทั้งฝันร้าย เห็นภาพหลอน และละเมอเจอเรื่องแปลกๆ บ่อยๆ (เช่น มีคนมาเรียกให้ไปอยู่ด้วย ทำให้เราละเมอไป) ลองไปรักษาเบื้องต้นแล้วจิตใจกับสมองยังไม่ค่อยดีขึ้น แต่ยาเริ่มทำให้ไม่ต้องฝันร้ายหรือละเมอได้บ้างแล้ว ทำให้นอนหลับได้นานขึ้น
ตอนนี้เรื่องส่วนตัวที่บ้านผมเริ่มโอเค เริ่มเคลียขึ้นแล้ว ทำให้ผมสบายใจขึ้นเปราะนึง
แต่ที่ทำงาน ที่หุ้นกับพี่น้อง ยังมีปัญหาอยุ่หลายอย่าง จนหลังๆ เหมือนว่าที่นี่เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าผมป่วยอยู่ คิดว่าผมแค่เกิดความเครียดมากไปเท่านั้น และงานก็ต้องทำหนักขึ้นเรื่อยๆ (เพราะบริษัทมีปัญหาคนทำงานเหลือน้อยลงมาก) พยายามให้ผมทำงานหรือมาบริษัทเยอะขึ้นทั้งที่สุขภาพผมเริ่มแย่ๆ ลง ไม่ค่อยได้พัก เหมือนกับทุกคนต่างคาดหวังให้ผมทำให้ได้ดี บริษัทต้องดีขึ้น ต้องเป็นแบบนี้ๆ ต้องต่อสู้ ผ่านไปให้ได้ แต่พอทำไม่ได้เค้าก่ผิดหวัง และตำหนิผมกัน เพราะปกติผมก่ไม่ได้ทำตำแหน่งที่ตัวเองถนัดแต่แรกแล้ว ตอนนี้ต้องทำแบบที่ยังป่วยทั้งสมองและจิตแบบนี้ด้วยครับ
ตอนนี้ผมพยายามหาจิตแพทย์คนอื่นเพิ่มครับ เพราะตอนแรกรักษาประกันสังคม รอคิวนานมาก อาจจะเพราะคนเยอะหมอเลยไม่ได้คุยอะไรเยอะ เน้นจ่ายยามากกว่าให้คำแนะนำ ยาตัวแรกก็มีผลข้างเคียงทำให้ร่างกายมีปัญหาอีก เพิ่งเปลี่ยนยามา แล้วก็อีกมุมนึงพยายามศึกษาธรรมะ ไปศึกษาธรรมกับพระที่วัดสายปฎิบัติ เจริญสติช่วยทุกวันครับ พอทีจะรุ้สึกดีขึ้นเป็นขณะๆ บ้าง ไม่อยากให้จิตใจมันจมอยู่กับความผิดหวังไปตลอด แต่โดยรวมยังไม่ดี
ประเด็นคือ ตอนนี้เหมือนผมจะไปต่อไม่ไหวแล้ว เพราะรุ้สึกท้อๆ เป็นภาระ หรือตัวถ่วงให้พวกเขาครับ มีแต่คนมาตำหนิ ด้วยเพราะตำแหน่งที่ผมไม่ได้ถนัดแต่แรก (พยายามหาคนมาช่วยตรงนี้ หรือมาทำตรงนี้แทนแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คนที่ทำได้นานๆ) ทำให้ผมทำงานผิดพลาดเสมอ พยายามไปศึกษาและปรับปรุงตัวเองในด้านนี้ หลายปีก็ไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นมากครับ จนสุดท้ายผมคุยกับแม่หรือเพื่อนๆ ว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้เหมาะกับตรงนี้จริงๆ เพราะถ้าได้ ผมคงทำได้ไปนานแล้ว
จากที่ทำงานผมก็เริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ หลายๆ คนรวมถึงพี่เขาก่ตำหนิจนผมรู้สึกผิดมากขึ้น เรื่อยๆ
ผมสังเกตได้เลยว่า ตัง้แต่ผมป่วย รู้สึกว่า พอได้ฟังเรื่องพวกนี้แล้วจิตใจจมลงเร็วมาก ไม่เหมือนฟังตอนจิตใจหรือสมองปกติ มันเหมือนมีภูมิให้ได้คิดต้านทานออกมาได้ แต่ตอนนี้มีแต่จมลงไป (ผมเป็นคนสู้ชีวิตาตั้งแต่เด็กครับ ก็เคยสอนน้องๆ มากมายว่าผมผ่านอะไรแย่ๆ มาหลายอย่าง ยังผ่านได้ แต่ตอนนี้พอป่วยแล้วรู้เลย ว่าคนละแบบกันครับ เราไม่สามารถคิดเชิงเปรียบเทียบคนที่แย่กว่าได้อีกแล้ว)
สมองตอนนี้ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะคิดวนเวียนแต่เรื่องผิดพลาดเดิมๆ ครับ
แต่ที่ตัดสินใจไม่ได้คือ ตอนนี้ เหมือนตัวบริษัทและสภาพการเงินขอก่แย่ๆ ลงคับ และคนทำงานเหลือน้อยลง (ถ้าคิดในแง่ดีก็เหมือนได้ลด cost บริษัทได้พอสมควร) จากที่เคยเติบโตขึ้น และประเด็นคือพี่เขาก็มีบุญคุณ คอยช่วยเหลือผมมาแต่เด็กครับ การมาทำธุรกิจตรงนี้ เหมือนเขาให้โอกาสและให้ทุนด้วย ในการทำอะไรหลายๆ อย่าง ก็เลยรู้สึกเหมือนผมยังติดค้างเขาอยู่เยอะ แต่การทำแบบนี้จะเป็นคนอกตัญญูรึปล่าวครับ การที่ผมไม่สามารถทำต่อไปได้อีกแล้ว จะเป็นการทิ้งพวกเขาไหมครับ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ตอนนี้ผมอยากหยุดทุกๆ อย่างมากๆ เลย อยากพักรักษาตัวให้หายดี เพราะทำต่อ สมองก่ไม่สามารถคิดอะไรได้เยอะๆ เหมือนแต่ก่อน (ขนาดปกติ แต่ผมไม่ได้ถนัดหน้าที่นี้แต่แรก ก็ยังทำได้ไม่ดีมากเลยครับ)
รวมถึงสภาพจิตใจที่ท้อๆ รู้สึกผิด จากการทำผิดพลาดบ่อยๆ แล้วอีกไม่นานผมก็จะบวชด้วยครับ เพื่อทดแทนบุญคุณ และอยากปฎิบัติให้ได้แนวทางชัดเจน แล้วนำมาปฎิบัติต่อเองที่บ้านได้ ซึ่งอาจจะกินเวลานานหลายเดือน ใจนึงก็ไม่อยากเป็นภาระให้งานเขามีปัญหา เผื่อเขาจะหาคนที่ดีกว่ามาทำแทนได้ ตอนนี้ทำไมผมไม่รู้สึกว่างานที่ทำอยู่นี่คือกิจการ หรือบริษัทของผมเองเลยครับ รุ้สึกมานานแล้วว่าเหมือนทำให้พี่เขามากกว่า
* มีอีกประเดนที่สำคัญครับ คือเนื่องจากบริษัทแย่ๆ ลงทำให้เกิดหนี้ขึ้นซึ่งก่ต้องแบ่งใช้กันตามสัดส่วนครับ แต่ถ้าผมเกิดออกไปแล้ว ผมก็คิดว่ายังต้องหาทางหาเงินจากที่อื่นมาช่วยใช้หนี้ให้พี่เขาอยู่ดีครับ แต่ไม่รู้ว่าการไม่ได้อยู่ช่วยต่อของผมนั้น จะทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่กับเรื่องหนี้นี้ ด้วยไปอีกรึป่าวนะครับ แต่ส่วนหุ้นทุกๆ บริษัทผมคงยกให้พี่เขาหมดเลยครับ เพราะผมไม่ได้อยู่สานต่อแล้ว แต่หนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าผมต้องช่วยชดใช้
ถ้าใครเคยเจอเคสแบบนี้ มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคัรบ
ขอโทษด้วยครับที่ทำให้ต้องอ่านยาวหน่อย
ขอบคุณครับ