ย้อนเหตุถล่มM79กปปส.ราชดำริ-เด็ก2พี่น้องดับคู่

จากกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ 3734/2557 ที่อัยการศาลอาญากรุงเทพใต้พิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัชวาล หรือชัช ปราบบำรุง, สมศรี หรือเยอะ มาฤทธิ์, นายสุนทร หรือทร ผิผ่วนนอก และนายทวีชัย หรือวี วิชาคำ เป็นจำเลยที่ 1-4 กรณีร่วมกันยิงกระสุนระเบิดขนาด 40 มม. ด้วยเครื่องยิง M79 ไปตกลงบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2557 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 9 ราย
ทั้งนี้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ตัดสินประหารชีวิต ในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธไปที่สาธารณะลง 2 ปี แต่การสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษ 1 ใน 3 ในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลดโทษคงเหลือจำคุกตลอดชีวิต และพกพาอาวุธคงเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมโทษแล้วศาลให้ลงโทษเพียงสถานเดียวคือจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้นนอกจากนี้ศาลสั่งให้ริบเครื่องยิงกระสุนระเบิด M79 และเครื่องกระสุนไว้เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนรถยนต์ทั้ง 3 คันเป็นเพียงพาหนะที่ใช้อำนวยความสะดวกในการกระทำความผิด จึงไม่สามารถริบได้ ให้คืนเจ้าของ
  หากย้อนไปขณะเจ้าหนี้จับกุมกลุ่มคนร้ายได้นั้นนายชัชวาล 1ในผู้ต้องหาได้อ้างว่า นายต้อม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ทราบว่าเป็นลูกน้องของ นายอารีย์ ไกรนรา อดีตหัวหน้าการ์ด นปช.และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) เป็นผู้จ้างวานให้ลงมือก่อเหตุ โดยได้รับค่าจ้างเป็นอาวุธปืน 2 กระบอก ขณะที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งดูแลงานด้านความมั่นคงในขณะนั้น กล่าวว่าที่ นายชัชวาล อ้างนายต้อม เป็นผู้จ้างวานให้ตนลงมือก่อเหตุ โดยได้รับค่าจ้างเป็นอาวุธปืน 2 กระบอกนั้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า สิ่งที่นายชัชวาล พูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่

  ต่อมา นายอารีย์ แจ้งความต่อ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภวเวส พนักงานสอบสวน กก. 1 บก.ป. ที่กองบังคับการปราบปราม  ภายหลังถูกพาดพิงในเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้าตาผู้ต้องหาในคดีร่วมกันใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ใส่พื้นที่ชุมนุมของกปปส.หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ซึ่งการที่นายชัชวาล อ้างว่ามีคนชื่อ นายต้อม เป็นลูกน้องตน จ้างวานด้วยปืน 2 กระบอก ให้ก่อเหตุ ก็ไม่เป็นความจริง ขณะนี้ได้ตรวจสอบไปที่ลูกน้องคนสนิททุกคนแล้ว ไม่พบว่าใครชื่อ ต้อม และตนจำเป็นต้องปกป้องสิทธิ ขอความเป็นธรรม และเชื่อว่าตำรวจจะมีเหตุผลเพียงพอ ว่าอะไรคืออะไร ต้องว่ากันตรงไปตรงมาด้วยพยานหลักฐาน



       ด้านพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา(สบ10)ในขณะนั้น กล่าวถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลางและเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีได้ลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐาน จากวิถีกระสุนที่ตกวัดมุมได้ 60 องศา เมื่อวัดมุมวัดทิศทางพบว่ามาจากทางแยกประตูน้ำ พบว่าจุดที่ยิงห่างจากจุดที่กระสุนตกประมาณ 300 เมตร ซึ่งตรงกับกลางสะพานข้ามแยกประตูน้ำ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณกลางสะพานดังกล่าว ทำให้คาดการณ์ได้ว่าหากมีการยิงขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ทำให้จุดที่กระสุนตกเบี่ยงเบนไปจากจุดที่เล็งเล็กน้อย กรณีนี้คนร้ายตั้งใจเล็งไปที่กลางถนน แต่เนื่องจากเป็นการยิงขณะรถเคลื่อนที่ทำให้กระสุนจึงตกไปยังบริเวณใกล้ทางเท้า  สำหรับผู้เสียชีวิต 3 คนนั้น 2 คน เป็นเด็ก คือ ด.ญ.พัชรากร ยศอุบล (น้องเค้ก) อายุ 6 ขวบ และ ด.ช.กรวิชญ์ ยศอุบล (น้องเคน) อายุ 5 ขวบ

http://www.tnews.co.th/contents/bg/350508
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่