ไม่เข้าใจ ทำไม FaceBook ต้องบังคับเปลียนชื่อจริงให้ด้วย ชื่อเก่าที่ใช้อยู่ก็ใช้มานานเป็นที่รู้จักของเพื่อนฝูง ?

จากที่เคยรู้ว่าทาง facebook เคยมีการให้เปลียนใช้ชื่อและนามสกุลจริงในการใช้งาน ซึ่งก็สร้างความลำบากใจกับผู้ใช้มาให้แล้วระดับนึง จนทำให้ facebook ทำการเปลียนนโยบายให้แค่เปลียนเป็นชื่อที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ชื่อที่เพื่อนๆ ใช้เรียกขาน

เมือวานช่วง Facebook เข้าไม่ได้ มีแจ้งให้ใช้ชื่อที่ตนเองใช้ในชีวิตประจำวัน ชื่อที่เพื่อนๆ ใช้เรียกขาน คุณสามารถใช้ชื่อในปัจจุบันต่อไปได้ หากชื่อนี้เป็นชื่อที่ทุกคนใช้เรียกคุณ  สาเหตุน่าจะมาเข้าไปศึกษาข้อมูลในกลุ่ม Bitcoin ที่มีผู้ใช้หลักแสน และชื่ออาจไม่ถูกใจใครบางคนซึ่งเราก็ไม่รู้จักและไม่ได้เป็นเพื่อน ได้ทำการร้องเรียนไปยัง facebook

เราได้ทำการส่งเอกสารราชการ ชื่อจริงและนามสกุล เพื่อขอใช้ชื่อเดิมต่อไป ข้อมูลอื่นๆทั้งหมดก็มีอยู่ใน profile เพียงแต่เปิดให้เห็นเฉพาะคนเป็นเพื่อนเท่านั้น ก็ยังสามารถใช้ชื่อเดิมต่อไปได้

จนช่วงค่ำ facebook เข้าไม่ได้อีกครั้ง ทำให้ต้อง login ใหม่ ซึงก็มีข้อมูลจากทาง facebook แจ้งมาว่าของใช้ขื่อจริงนามสกุลจริงได้หรือไม่
เรากดไม่ตกลง และขอเปลียนชื่อ แต่ไม่สามารถทำได้ จนไปสังเกตุเห็นว่าชื่อถูกเปลียนไปเป็นชื่อจริงแล้วและไม่สามารถเปลียนได้อีกใน 60 วัน

ตอนนี้ได้แต่ปิด facebook ชั่วคราวไปก่อน เพราะไม่สบายใจเรื่อง การละเมิดความเป็นส่วนตัว เนื่องจากมีการนำชื่อจริงไปแสดงในที่สาธารณะโดยเจ้าตัวไม่ยินยอม

ในคำแถลงสิทธิและความรับผิดชอบของ facebook ข้อ 2 เจ้าตัวสามารถควบคุมความเป็นส่วนตัวได้  เหมือนจะไม่เป็นความจริง เพราะเจ้าหน้าทีได้ทำการเปลียนชื่อจริงและนามสกุล ทำให้บุคคลอื่นสามารถเห็นข้อมูลนี้ได้โดยไม่มีการอนุญาตเจ้าของก่อน ยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าทีแน่นอนเพราะระบบคงไม่สามารถนำชื่อจากรูปถ่ายเอกสารราชการไปลงเองได้

กลับที่ชื่อ  ชื่อเก่าคือ ครอบครัว ถาวร  
เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้ เพราะใช้มานาน ดูได้จาก profile TK-FAMILY พันทิป ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1996 ก็ใช้ในรูปแบบเดียวกัน
TK เป็นชื่อย่อของ คนในครอบครัว จึงไม่อยากนำข้อมูลชื่อเล่นมาแสดงต่อสาธารณะ ทำให้ใน facebook ใช้นามสกุลมาเป็นการยืนยันตัวตนที่ใช้อยู่ในกลุ่มคนรู้จัก เป็นที่มาของชื่อ ครอบครัว ถาวร

เหตุผลที่ไม่อยากให้มีการใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงในที่สาธารณะ เพราะความไม่ปลอดภัยเป็นหลัก เพราะผู้ไม่หวังดีอาจนำข้อมูลที่รู้ไปค้นหาข้อมูลอื่นต่อได้ จากเวปไซต์อื่นๆที่มีการลงข้อมูลจริงอย่างเวปราชการ โรงเรียน หรือมหาลัย
อีกอย่าง คงไม่มีใครอยากแขวนชื่อตัวเองที่เห็นได้ชัดเดินในที่สาธารณะแน่นอน

ข้อมูลส่วนตัวกับความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ เคยมีคนรู้จัก ถ่ายรูปบัตรคอนเสิร์ตแล้วติดใบเสร็จพร้อมหมายเลขโทรศัทพ์ มิจฉาชีพรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ลงไว้ใน facebok และโทรมาหลอกลวงได้

ท้ายสุดหวังว่า ทีมงาน Facebook น่าจะแก้ปัญหานี้โดยการที่ ถ้ามีคนแจ้งชื่อไม่ถูกต้อง ก็ให้สุ่มชื่อเพื่อนของคนที่โดนแจ้งซัก 3-5 คน ว่ารู้จักหรือไม่ และสมควรเปลียชื่อหรือไม่  เพื่อเป็นการช่วยยืนยันตัวชื่อที่เพื่อนๆ ใช้เรียกขาน และสามารถใช้ชื่อในปัจจุบันต่อไปได้
ไม่ใช่ว่าให้ใครไม่รู้จักก็ไม่รู้มาแจ้งชื่อว่าผิดแล้วถูก Facebook บังคับเปลียนชื่อโดยไม่เต็มใจอีก


*** ข้อมูลอ้างอิง ***
คำแถลงสิทธิและความรับผิดชอบ
https://www.facebook.com/terms

Pantip Profile
https://ppantip.com/profile/4059
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
Facebook รวมหัวกับ CIA NSA เรียบร้อยแล้ว....


อันนี้เอาจริงนะ

ที่จริงทาง Facebook อยากให้ทุกคน ปลอดภัย ทั้งๆที่มันไม่ได้ช่วยทำให้ปลอดภัยขึ้นและไม่ได้แก้ปัญหาต่างๆเลยซักนิด และทำให้อันตรายมากยิ่งขึ้นกว่า

จุดประสงค์ที่จริงคือมันจะเอาไปทำการติดตามแบบเรียกว่า"ติดตามการใช้งานแบบหนีไม่พ้น"เพราะมันคือ"Fingerprint"และเป็นเครื่องมือในการทำโฆษณาชื้นดี ขนาดโดน EFF ขอให้ยกเลิกแต่ก็ไม่สน เพราะ Facebook ขึ้นชื่อในเรื่องของการติดตามคนอยู่แล้ว ติดตามแบบกัดไม่ปล่อยและทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั้งบริการ Free Basic เอง หรืออย่าง Whatsapp ที่ซื้อมา อยู่ดีๆก็เอาเบอร์ที่ผูกไว้ไปใช้ประโยชน์ได้โฆษณาอีก

อย่างง่ายๆ เบอร์โทรศัพท์ที่ใส่ไป อ้างว่าไว้ทำ OTP แต่เปล่าเลย ไม่ใช่แค่นั้น มันเอาไปโชว์ด้วย และปิดให้เห็นแค่เพื่อนเท่านั้น ยังไม่พอ ถ้าเผลอลบแอพ Facebook มันจะส่ง SMS แจ้งเตือนมาเป็นระยะ(Facebook มันเปิด"ทุกอย่าง"เป็นค่าเริ่มต้นหมด โดยไม่สนอะไรเลยทั้งนั้น) ดูแล้วมันอ่านข้อมูลในเครื่องด้วยว่าถ้ามีแอพอยู่ก็ไม่ต้องส่ง SMS


เรื่องมันแดงขึ้นมาในช่วงนึงที่คนอินเดียนแดงโดนส่งเอกสารไปให้ ส่งทุกอย่างก็ไม่รับ ต้องรอให้เป็นข่าวก่อนถึงจะยอม แต่ไม่ยกเลิกนโยบายบ้าๆแบบนี้อยู่ดี

ที่สำคัญ เอกสารส่งได้ไม่เลือก ถ้ามีชื่อจริงอยู่ ไม่เว้นแม้กระทั้ง บัตรเครดิต และเอกสารกลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว จะเก็บไว้ 30 วัน ทั้งๆที่มันควรลบทันที อย่างพันทิบตรวจเสร็จลบทิ้งทันที แต่นี่ 30 วัน มันคงเอาไปทำ Data mining หรืออะไรไม่ดีไม่ร้ายแน่ๆ อย่างเช่น เอาข้อมูลพร้อมสำเนาไปขายให้บุคคลที่สาม หรือส่งให้ FBI CIA NSA GCHQ ก่อนค่อยลบ??

และนอกจากนี้ Facebook ยังบอกว่า คนที่เข้าถึงเอกสารได้ จะต้องเป็นบุคคลระดับสูงเท่านั้น แต่ยังไม่ไว้ใจอยู่ดีเพราะบางที อาจมีเอกสารหลุดรั่วหรือแอบเอาไปขายได้ หรือแม้แต่บัตรเครดิตก็อาจเจอเอาไปแอบซื้อของได้ อย่างที่เกิดขึ้นไม่นานนี้เอง Amazon ข้อมูลส่วนตัวหลุด 1.1TB(แถมรายละเอียดเยอะยันแนวคิดทางการเมือง) และพนักงาน Apple ในจีน 20 คนถูกจับข้อหาขายข้อมูลลูกค้า

แถมเป็นเครื่องมือกีดกันเชื้อชาติและการเมืองชิ้นดีอย่างนึงด้วย

ความน่ากลัวจากนโยบายนี้คือ บุคคลที่ใช้ไม่ใช่บุคคลสาธารณะ ไม่ได้อยากจะโชว์ตัวเลยซักนิด แล้วคราวนี้ พอเชื่อจริงโชว์หรามันทำอะไรได้บ้าง อย่างเช่น Blackmail กลั่นแกล้ง หาที่อยู่ และอื่นๆไม่ขอบอกไปมากกว่านี้

และอีกอย่างที่สำคัญ การส่งสำเนาทางราชการแบบสุ่มสี่สุ่มห้าในบางประเทศ ถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย

อ้างอิง

Link EFF https://www.eff.org/deeplinks/2015/12/changes-facebooks-real-names-policy-still-dont-fix-problem
เพิ่มเติมจากเว็บส่วนตัวของ Stallman https://stallman.org/facebook.html
Facebook แอบดูข้อมูลในบัตร Mastercard http://www.theage.com.au/it-pro/business-it/mastercard-to-access-facebook-user-data-20141006-10qrqy.html
ข่าวพนักงาน Apple ในจีน 20 คนถูกจับข้อหาขายข้อมูลลูกค้า https://www.blognone.com/node/93060
Amazon ข้อมูลหลุดส่วนตัว 1.1TB https://www.blognone.com/node/93356

เพิมเติม ถ้าคิดว่านโยบายชื่อจริงมันทำให้ Facebook บ้าเกินไปแล้วใช่มั้ย ยังw,jrv มีอีกอย่างคือ บังคับให้อัพโหลดรูปจริง(มันบอกว่าตรวจเสร็จเดี๋ยวลบให้ ไม่เชื่อหรอก แม่มเอาไปทำ data mining อีกตามเคย)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่