ทำไมรถไฟฟ้าต้องชาร์จไฟ

ทุกคนเวลาพูดเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า จะยกประเด็นเรื่องระยะเวลาชาร์จ กับค่าเปลี่ยนแบตมาทั้งนั้น
แล้วก็คิดว่ามันจะไม่รุ่งในเร็ววันนี้แน่ๆ

ผมลองคิดดูอีกมุมว่า ถ้าเรามองว่าพลังงานของรถไฟฟ้าไม่ใช่ไฟฟ้า แต่เป็นแบตเตอรี่
เราจบที่แบตเตอรี่ มองมันเป็นนาฬิกาใส่ถ่าน แทนที่จะมองมันเป็นโทรศัพท์มือถือ แนวทางนี้มันจะ work กว่ามั้ย

ปั๊มน้ำมันจะไม่กลายเป็นสถานีชาร์ตไฟ แต่จะเป็นสถานีเปลี่ยนแบต
วิ่งเข้าสถานีถอดแบตเก่า เสียบแบตใหม่ ไม่น่าใช้เวลานาน
โรงกลั่นน้ำมัน จะกลายเป็นโรงชาร์จแบต
บริษัทน้ำมันจะกลายเป็นบริษัทผลิตแบต ให้บริการเช่าแบต ดูแลเรื่องอายุการใช้งาน
พอเราซื้อรถมาจะไม่มีใครมีแบตเป็นของตัวเอง ผลพลอยได้คือราคารถก็จะถูกลง
แต่เราต้องเสียค่าบริการเช่าแบตรายเดือนไป แต่ข้อดีคือไม่ต้องจ่ายก้อนโตเวลาแบตหมดอายุ

ข้อจำกัดมีสองอย่าง คือรถทุกรุ่นต้องใช้แบตหน้าตาเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะอย่างถ่าน AA หลายสิบยี่ห้อเรายังทำออกมา Universal ได้
กับ ต้องการ Skill ของพนักงานที่สูงกว่า (คนเสียบปลั๊ก vs คนเปลี่ยนแบต) หรือจะใช้หุ่นยนต์ หรือออกแบบแบตให้ประกอบง่ายกว่าเดิม

ข้อเสียก็มีเรื่องการขนส่ง การStockของ แต่มันจะเป็นแค่ปัญหาของบุคคลเดียว (บริษัทแบตเตอรี่) ซึ่งน่าจะบริหารจัดการง่ายกว่า
เมื่อเทียบกับการยกปัญหามาให้ผู้ใช้ที่ต่างคนก็มีตัวแปรต่างกัน

มันมีอะไรที่ผมคิดไม่ถึงอีกรึเปล่า เค้าถึงไม่ใช้วิธีนี้กัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่