ผมซื้อเครื่องมาใช้งานเดือนมกราคม60เนื่องจากเป็นรุ่นใหม่และรูปทรงตัวเครื่องสวยมากจึงตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเครื่องจะพังง่ายและเร็วขนาดนี้ เครื่องผมใช้ๆงานอยู่ อยู่ดีๆก็ดับเข้าใจว่าแบตหมด เลยเอาที่ชาร์ทเสียบเพื่อชาร์ท แล้วก็นอนหลับไป พอเช้าขึ้นมาเครื่องก็ยังดับอยู่เหมือนเดิม เลยเอาเครื่องเข้าศูนย์ ผมไปที่ศูนย์สีลม นั่งรอช่างเช็คอาการเบื่องต้น45นาที ช่างเดินมาเรียกชื่อและบอกว่า"ไฟเข้าน้อยมากเครื่องเลยไม่ติด ต้องขอให้ช่างแกะเครื่องรอครึ่งชั่วโมง" ผมจึงอนุญาต ผมนั่งรอซักครู่ใหญ่ๆ ช่างมาเรียกชื่อรอบ2 และเอาตัวบอร์ดที่แกะจากเครื่องมาให้ผมดู บอกว่า"ตูดชาร์ทโดนน้ำมีค่าใช้จ่าย4,100บาทครับ" ผมจึงถามต่อว่า"ตรงส่วนไหนของตูดชาร์ทที่โดนน้ำครับ" ผมส่องดูก็ไม่เห็น ทางช่างบอกว่า"อ๋อ มันอยู่ข้างในหนะครับ ช่างห้องเครื่องประกอบคืนไปแล้วเลยมองไม่เห็น" เอ้อมีแบบนี้ด้วย เอิ่ม คือผมต้องเสียเงินซ่อมให้ได้ทั้งๆที่มีประกันอยู่ หลังจากนั้นผมก็บ่นให้ช่างฟังอีกเล็กน้อย "ทำไมเครื่องมันพังง่ายจัง เปาะบางซะจริง ประกันก็มีอยู่แท้ๆ เห้ออออออ"




-ตอนช่างแกะเครื่องครั้งแรกแผ่นทดสอบความชื้นที่อยู่ในตัวเครื่องไม่มีสถานะว่า"ชื้น" ถ้ามีความชื้นช่างต้องบอกผมว่าเครื่องโดนความชื้นมา และต้องให้ผมดูแถบความชื้น
-ประกัน1ปีมีไว้ทำไมครับ แบบนี้ถ้าตูดชาร์ทโดนเสียบจนหลวม คือผมก็ต้องจ่ายเงินซ่อม4,100บาทใช่หรือไม่
-ถ้าตูดชาร์ทโดนน้ำมาอย่างที่ช่างบอก ทำไมอุปกรณ์ส่วนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงตูดชาร์ทถึงไม่โดนน้ำไปด้วย เช่น รูไมค์สนทนา,ช่องเสียบหูฟัง

มีอุปกรณ์ส่วนอื่นที่อยู่ใกล้กันทำไมถึงไม่โดนน้ำไปด้วย

-ถ้าตูดชาร์ทโดนน้ำจะต้องทำไงให้โดนน้ำแบบนั้นได้ครับ  คือผมเอาสายชาร์ทไปจุ่มน้ำและตั้งใจเสียบเข้าไปเหรอ ถ้าทำแบบนั้นทำไมผมไม่โดนไฟช็อตก่อน แล้วผมทำไปเพื่อ
-ตอนช่างเอาบอร์ดมาให้ดู ผมถามว่าโดนตรงส่วนไหนของตูดชาร์ท ทำไมช่างต้องบอกว่า"อ้อ ประกอบเข้าไปคืนแล้ว"

ถ้าการซื้อมือถือซักเครื่องผมก็ต้องมั่นใจในยี่ห้อ แต่ถ้าเจอแบบนี้คงต้องลา ใช้ยี่ห้อ Apple ทางศูนย์ AASP เค้าแค่ตรวจว่าแผนตรวจความชื้นไม่แสดงผลว่าชื้น ทาง AASP ก็เปลี่ยนเครื่องให้เลยใน7วัน โดยไม่มองว่าอุปกรณ์ส่วนโน้นส่วนนี้ชำรุดเพราะอะไร

เจอแบบนี้รู้สึกผิดหวังกับแบรนด์ Samsung มากครับ