เราอ่านรีวิวเขาหลวง สุโขทัยพอมาสมควร และก็ตั้งใจว่าจะไปให้ได้ซักครั้ง พอรวมตัวกับเพื่อนได้ก็รีบนัดแนะเดินทางกันช่วงหยุดวันแม่ที่ผ่านมานี้ค่ะ ไปกัน 3 วัน 2 คืน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนะคะ
กำหนดการคร่าวๆ จ้า
วันแรก
04.00 เดินทางออกจากกทม.
10 โมงกว่า ถึงตัวเมืองสุโขทัย หาอะไรกิน
11.30 ถึงอุทยานแห่งชาติรามคำแหง และติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยาน
12.00 เริ่มเดินป่าไปยอดเขาหลวง
15.20 ถึงยอดเขาหลวง (ตรงลานกางเต็นท์)
16.00 เริ่มเดินต่อไปชมวิวที่เขาพระเจดีย์ ภูกาและแม่ย่า
18.49 ดูดวงอาทิตย์ตกที่เขาแม่ย่า
19.30 เดินกลับถึงที่พัก กิน อาบน้ำ นอน (ที่จริงคืนนั้นมีฝนดาวตกค่ะ แต่แบตพวกเราหมด 55)
วันที่สอง
05.30 ตื่น เดินไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่เขานารายณ์
06.09 ดวงอาทิตย์ขึ้น เดินไปจุดชมวิวชมปรงต่อ
08.30 เริ่มเดินลงเขา
10.30 เดินถึงข้างล่าง และอาบน้ำ
11.30 เดินทางออกจากอุทยานแห่งชาติรามคำแหง
12.30 หาอะไรกิน
14.00 เที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
16.30 เดินทางถึงบ้านนาต้นจั่น ปั่นจักรยานเที่ยวรอบหมู่บ้าน
18.50 ดูดวงอาทิตย์ตกที่นา
19.15 กินข้าวของที่พัก อาบน้ำ นอน
วันที่สาม
06.00 ตื่นใส่บาตร และปั่นจักรยานเที่ยวเอง
7.00 กินข้าวของที่พัก
8.00 ปั่นเที่ยวรอบหมู่บ้านโดยมีป้าจอมเจ้าของบ้านพาเที่ยว
13.00 ออกจากบ้านนาต้นจั่น เดินทางกลับ
22.00 ถึง กทม. (ถึงช้าเพราะแวะช๊อปปิ้งหลายที่อยู่ค่ะ)
เริ่มลงรายละเอียดจ้า
วันแรกฟิตแค่ไหนถามใจดูนอนแค่ห้าชั่วโมง เราเป็นคนออกกำลังกายสัปดาห์ละ2-3วัน ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยกันออกแทบทุกวัน นอนเอาแรงบนรถได้นิดหน่อย ใกล้ๆถึงอุทยานแห่งชาติรามคำแหงเห็นยอดเขาอยู่ลิบๆค่ะ แต่ไม่ชัวร์ว่าใช่มั้ย เพราะดูสูง สองขาไม่น่าจะเดินได้ แต่สรุปว่าใช่ค่ะ ถึงอุทยานพี่จนท.บอกว่าลูกหาบหมดแล้ว เรานี่ช็อคสิคะ...แต่เห็นชายกำยำรวมตัวกันไกลๆ สรุปพี่ลูกหาบยังมีจ้า หลังจากจัดการเรื่องลูกหาบและเช่าเต็นท์ถุงนอนของอุทยานเสร็จ ก็เริ่มเลยจ้า
ที่เห็นลิบๆคือยอดเขาที่เราจะขึ้นไป>>>
พร้อมแล้ว เริ่มเดิน >>>
ระยะทางขึ้นไม่ไกลเลยค่ะ ประมาณ 3.7 กิโลเมตร แต่ความชันนั้น ทำขาล้าไปเล้ยย เราใช้เวลาขึ้นประมาณ 3 ชั่วโมง
เอาภาพความชันมาให้ มันจะชันๆตลอดๆ ทางราบไม่ค่อยมีนะคะ
เจอเจ้าตั๊กแตนตลอดทางเลยค่ะ
ชันระดับน้อย ส่วนตอนชันระดับมาก เราถ่ายมาน้อย เพราะมัวแต่จับไม้ค้ำ ไม้ค้ำจะมีนทท.วางทิ้งไว้ตรงตอนเริ่มนะคะ
เพื่อนๆต้องหยิบมานะ เพราะมันช่วยได้มากกกกก
พี่คนนี้แบกเป้ขึ้นเองค่ะ เก่งมากๆ ใครจ้างลูกหาบก็กิโลละ 25 บาทนะคะ
กลังจากเดินมาหนึ่งชั่วโมงกว่า เราก็ถึงจุดชมวิวใหญ่ ที่เห็นในรูปถ่ายติดหาบขนของของพี่ลูกหาบมาด้วยค่ะ พี่ลูกหาบคนนึงขนกันประมาณ 40 กิโลค่ะ
ระหว่างทางมีแคร่ให้พักเหนื่อยเรื่อยๆนะคะ และมีน้ำให้ล้างหน้าหรือใครจะดื่มก็ได้ค่ะ เป็นน้ำจากบนเขาค่ะ
ถ้าเราเป็นผู้ชายคงหาเสื้อมาเปลี่ยนระหว่างทางไปแล้ว เสื้อนี่เปียกกกกก
ในที่สุดเราก็ถึง ยิ่งเหนื่อยจะยิ่งรู้สึกว่าวิวส๊วยสวย
ลานกางเต็นข้างบน
หลังจากจัดการที่พักเสร็จ เรานั่งคุยเล่นที่หน้าร้านขายของ กำลังตัดสินใจกันว่าจะไปเก็บกี่ยอดเขาดี หลังจากคุยเล่นแต่ได้สาระกับพี่จนท. เราตัดสินใจเก็บภูกาด้วย ปกติแล้วนทท.จะไม่ไปเพราะมันไกลค่ะ แต่เราไปค่ะ ก็คิดว่า “ต้องไปให้สุด” ค่ะ
ข้างบนมีร้านค้า
เริ่มเก็บที่ยอดเขาพระเจดีย์ค่า โดยมีพี่เตี้ย(หมา)นำทาง จนท.บอกว่าพี่เค้าชอบพานทท.ไปชมวิวค่ะ
มีพี่เค้านำทาง อุ่นใจเลย
วิวจากเขาพระเจดีย์ แค่จุดแรกก็หายเหนื่อย
ยืดเส้นหน่อย
ทางไปยอดภูกาจะรกนิดนึงค่ะ เพราะไม่ค่อยมีใครเดิน ส่วนตัวแล้วชอบวิวยอดภูกาที่สุดแล้วค่ะ และยอดภูกาเป็นยอดที่ลมแรงที่สุด ใครชอบลมบนยอดเขานี่ต้องเดินมาให้ถึงภูกานะคะ
รกประมาณนึง แต่เดินได้อยู่ค่ะ
ถ่ายรูปแล้วรีบเดินต่อไปอีกยอด เพราะให้ดูดวงอาทิตย์ตกที่ยอดนี้คงไม่ไหว ขากลับจะลำบากเกิน เลยไปดูที่ยอดแม่ย่า ยอดแม่ย่าจะได้อีกวิวนึงค่ะ แต่ละยอดจะได้วิวต่างกันนะคะ แม่ย่าจะอารมณ์หินๆ ภูกาจะแนวต้นหญ้าพลิ้วๆ
เขาแม่ย่าค่ะ
หลังจากชมดวงอาทิตย์ตก ชมวิวนานๆ สมกับความเหนื่อยกันแล้ว ก็รีบเดินลงไปจุดกางเต็นท์หาไรกินค่า
เรื่องกิน พวกเราไม่เรื่องมาก สั่งข้าวตั้งแต่ก่อนเดินขึ้นค่ะ แต่ใครจะมาทำข้างบนก็ได้นะ ข้างบนเค้ามีไม้ถ่าน หม้อ ให้เสียตังค์ยืม กินเสร็จอาบน้ำ กะว่าจะนอนดูดาวตกแต่หนังตาพวกเราทนไม่ไหว เลยอดดู ใครนอนเต็นท์อุทยานแบบเราก็นอนได้อยู่นะคะ ไม่ได้ลำบาก ตอนกลางคืนลมแรงมากกกก(กอ ไก่ ล้านตัว) เต็นท์นี่กระพือ พรึ่บๆ เลยค่ะ
ข้าวมื้อเย็นแบบง่ายๆ
วันที่สอง
ยังคงอึด ตื่น5.30มาดูดวงอาทิตย์ขึ้น เดินไปยอดนารายณ์ ถ่ายรูปๆ ปกติเป็นคนชอบดูวิวให้เต็มตามากกว่าหามุมถ่ายรูป แต่ครั้งนี้ดูเต็มตาและถ่ายทุกมุม เราเดินต่อที่ผาชมปรง ไม่ไกลจากยอดนารายณ์นะคะ แต่ไม่ค่อยมีคนมา สงสัยหิวเลยรีบกลับที่พักกัน
และแล้วก็ถึงเวลาลาจากยอดเขาหลวง เราจะคิดถึงนะ
ขาลงถ้าใครขาแข็งแรงก็ไม่ต้องเสียเวลาเบรกในบางช่วงนะคะ แต่เรานั้น...เหอๆ อย่างสั่น
บุ้งกับกิ้งกือมีมาให้เห็นเรื่อยๆค่ะ
ก่อนลง คุยกับลุงจนท.ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ลุงเหงื่อออกมั้ย ลุงตอบ40นาที เหงื่อแทบไม่ออก... ค่ะลุง หนูเหงื่อออกเหมือนตอนขึ้นเดะๆ แต่ยังดีว่าข้างล่างมีห้องอาบน้ำให้อาบ
อาบ้ำเสร็จ เดินทางเข้าเมือสุโขทัย หาอะไรกิน มาสุโขทัยก็ต้องกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย
ตอนแรกไม่ได้แพลนจะเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยนะคะ แต่เห็นเวลาเหลือ กลัวจะไปถึงบ้านนาต้นจั่นเร็ว
เลยแวะปั่นจักรยาน+เดินเที่ยวในศรีสัชนาลัย เอาให้สุดเดินป่าแล้วต้องท้าลำแข้งต่อค่ะ
มีทั้งปั่นและเดินขึ้นบันได เพื่อนไปไหนเราก็ต้องไป ไหวไม่ไหว ไม่เกี่ยว
ใช้เวลาไปสองชั่วโมง เดินทางต่อไปบ้านนาต้นจั่น โดยเพื่อนเราติดต่อกับป้าจอมมาก่อนหน้านี้แล้ว ต้องติดต่อก่อนมาพักนะคะ วอล์คอินอาจเสี่ยงที่พักเต็ม เพราะหมู่บ้านนี้เขาจะมีระบบการจัดการเวียนบ้านพักในหมู่บ้านค่ะ และที่เที่ยวต้องให้เจ้าของบ้านพาไปนะคะ เราว่าเขาบริหารจัดหารได้ดีระดับนึงเลย ไม่ให้นายทุนมาแทรกแซงเหมือนหมู่บ้านท่องเที่ยวอื่นและรักษาความสงบไว้ ไม่ให้พลุกพล่านเกิน ตอนเย็นพวกเราทรมานแข้งด้วยปั่นจักรยานเล่นรอบหมู่บ้าน
บ้านที่เราจะพักคืนนี้ เป็นบ้านของป้าจอมค่ะ
อาหารฝีมือป้าจอมอร่อยมากค่ะ ป้าแกจัดเต็มสุดๆ ค่าพัก กินและเที่ยว คนละ 500 บาทนะคะ เมนูเด็ดคือ "น้ำพริกซอกไข่" ชื่อแปลกๆเนอะ
>>>มีต่อนะคะ<<<
[CR] รีวิว เขาหลวง สุโขทัย กายไม่พร้อมแต่ใจพร้อม แฮ่! (เสียงหอบ) + อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย + บ้านนาต้นจั่น
กำหนดการคร่าวๆ จ้า
วันแรก
04.00 เดินทางออกจากกทม.
10 โมงกว่า ถึงตัวเมืองสุโขทัย หาอะไรกิน
11.30 ถึงอุทยานแห่งชาติรามคำแหง และติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยาน
12.00 เริ่มเดินป่าไปยอดเขาหลวง
15.20 ถึงยอดเขาหลวง (ตรงลานกางเต็นท์)
16.00 เริ่มเดินต่อไปชมวิวที่เขาพระเจดีย์ ภูกาและแม่ย่า
18.49 ดูดวงอาทิตย์ตกที่เขาแม่ย่า
19.30 เดินกลับถึงที่พัก กิน อาบน้ำ นอน (ที่จริงคืนนั้นมีฝนดาวตกค่ะ แต่แบตพวกเราหมด 55)
วันที่สอง
05.30 ตื่น เดินไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่เขานารายณ์
06.09 ดวงอาทิตย์ขึ้น เดินไปจุดชมวิวชมปรงต่อ
08.30 เริ่มเดินลงเขา
10.30 เดินถึงข้างล่าง และอาบน้ำ
11.30 เดินทางออกจากอุทยานแห่งชาติรามคำแหง
12.30 หาอะไรกิน
14.00 เที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
16.30 เดินทางถึงบ้านนาต้นจั่น ปั่นจักรยานเที่ยวรอบหมู่บ้าน
18.50 ดูดวงอาทิตย์ตกที่นา
19.15 กินข้าวของที่พัก อาบน้ำ นอน
วันที่สาม
06.00 ตื่นใส่บาตร และปั่นจักรยานเที่ยวเอง
7.00 กินข้าวของที่พัก
8.00 ปั่นเที่ยวรอบหมู่บ้านโดยมีป้าจอมเจ้าของบ้านพาเที่ยว
13.00 ออกจากบ้านนาต้นจั่น เดินทางกลับ
22.00 ถึง กทม. (ถึงช้าเพราะแวะช๊อปปิ้งหลายที่อยู่ค่ะ)
เริ่มลงรายละเอียดจ้า
วันแรกฟิตแค่ไหนถามใจดูนอนแค่ห้าชั่วโมง เราเป็นคนออกกำลังกายสัปดาห์ละ2-3วัน ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยกันออกแทบทุกวัน นอนเอาแรงบนรถได้นิดหน่อย ใกล้ๆถึงอุทยานแห่งชาติรามคำแหงเห็นยอดเขาอยู่ลิบๆค่ะ แต่ไม่ชัวร์ว่าใช่มั้ย เพราะดูสูง สองขาไม่น่าจะเดินได้ แต่สรุปว่าใช่ค่ะ ถึงอุทยานพี่จนท.บอกว่าลูกหาบหมดแล้ว เรานี่ช็อคสิคะ...แต่เห็นชายกำยำรวมตัวกันไกลๆ สรุปพี่ลูกหาบยังมีจ้า หลังจากจัดการเรื่องลูกหาบและเช่าเต็นท์ถุงนอนของอุทยานเสร็จ ก็เริ่มเลยจ้า
ที่เห็นลิบๆคือยอดเขาที่เราจะขึ้นไป>>>
พร้อมแล้ว เริ่มเดิน >>>
ระยะทางขึ้นไม่ไกลเลยค่ะ ประมาณ 3.7 กิโลเมตร แต่ความชันนั้น ทำขาล้าไปเล้ยย เราใช้เวลาขึ้นประมาณ 3 ชั่วโมง
เอาภาพความชันมาให้ มันจะชันๆตลอดๆ ทางราบไม่ค่อยมีนะคะ
เจอเจ้าตั๊กแตนตลอดทางเลยค่ะ
ชันระดับน้อย ส่วนตอนชันระดับมาก เราถ่ายมาน้อย เพราะมัวแต่จับไม้ค้ำ ไม้ค้ำจะมีนทท.วางทิ้งไว้ตรงตอนเริ่มนะคะ
เพื่อนๆต้องหยิบมานะ เพราะมันช่วยได้มากกกกก
พี่คนนี้แบกเป้ขึ้นเองค่ะ เก่งมากๆ ใครจ้างลูกหาบก็กิโลละ 25 บาทนะคะ
กลังจากเดินมาหนึ่งชั่วโมงกว่า เราก็ถึงจุดชมวิวใหญ่ ที่เห็นในรูปถ่ายติดหาบขนของของพี่ลูกหาบมาด้วยค่ะ พี่ลูกหาบคนนึงขนกันประมาณ 40 กิโลค่ะ
ระหว่างทางมีแคร่ให้พักเหนื่อยเรื่อยๆนะคะ และมีน้ำให้ล้างหน้าหรือใครจะดื่มก็ได้ค่ะ เป็นน้ำจากบนเขาค่ะ
ถ้าเราเป็นผู้ชายคงหาเสื้อมาเปลี่ยนระหว่างทางไปแล้ว เสื้อนี่เปียกกกกก
ในที่สุดเราก็ถึง ยิ่งเหนื่อยจะยิ่งรู้สึกว่าวิวส๊วยสวย
ลานกางเต็นข้างบน
หลังจากจัดการที่พักเสร็จ เรานั่งคุยเล่นที่หน้าร้านขายของ กำลังตัดสินใจกันว่าจะไปเก็บกี่ยอดเขาดี หลังจากคุยเล่นแต่ได้สาระกับพี่จนท. เราตัดสินใจเก็บภูกาด้วย ปกติแล้วนทท.จะไม่ไปเพราะมันไกลค่ะ แต่เราไปค่ะ ก็คิดว่า “ต้องไปให้สุด” ค่ะ
ข้างบนมีร้านค้า
เริ่มเก็บที่ยอดเขาพระเจดีย์ค่า โดยมีพี่เตี้ย(หมา)นำทาง จนท.บอกว่าพี่เค้าชอบพานทท.ไปชมวิวค่ะ
มีพี่เค้านำทาง อุ่นใจเลย
วิวจากเขาพระเจดีย์ แค่จุดแรกก็หายเหนื่อย
ยืดเส้นหน่อย
ทางไปยอดภูกาจะรกนิดนึงค่ะ เพราะไม่ค่อยมีใครเดิน ส่วนตัวแล้วชอบวิวยอดภูกาที่สุดแล้วค่ะ และยอดภูกาเป็นยอดที่ลมแรงที่สุด ใครชอบลมบนยอดเขานี่ต้องเดินมาให้ถึงภูกานะคะ
รกประมาณนึง แต่เดินได้อยู่ค่ะ
ถ่ายรูปแล้วรีบเดินต่อไปอีกยอด เพราะให้ดูดวงอาทิตย์ตกที่ยอดนี้คงไม่ไหว ขากลับจะลำบากเกิน เลยไปดูที่ยอดแม่ย่า ยอดแม่ย่าจะได้อีกวิวนึงค่ะ แต่ละยอดจะได้วิวต่างกันนะคะ แม่ย่าจะอารมณ์หินๆ ภูกาจะแนวต้นหญ้าพลิ้วๆ
เขาแม่ย่าค่ะ
หลังจากชมดวงอาทิตย์ตก ชมวิวนานๆ สมกับความเหนื่อยกันแล้ว ก็รีบเดินลงไปจุดกางเต็นท์หาไรกินค่า
เรื่องกิน พวกเราไม่เรื่องมาก สั่งข้าวตั้งแต่ก่อนเดินขึ้นค่ะ แต่ใครจะมาทำข้างบนก็ได้นะ ข้างบนเค้ามีไม้ถ่าน หม้อ ให้เสียตังค์ยืม กินเสร็จอาบน้ำ กะว่าจะนอนดูดาวตกแต่หนังตาพวกเราทนไม่ไหว เลยอดดู ใครนอนเต็นท์อุทยานแบบเราก็นอนได้อยู่นะคะ ไม่ได้ลำบาก ตอนกลางคืนลมแรงมากกกก(กอ ไก่ ล้านตัว) เต็นท์นี่กระพือ พรึ่บๆ เลยค่ะ
ข้าวมื้อเย็นแบบง่ายๆ
วันที่สอง
ยังคงอึด ตื่น5.30มาดูดวงอาทิตย์ขึ้น เดินไปยอดนารายณ์ ถ่ายรูปๆ ปกติเป็นคนชอบดูวิวให้เต็มตามากกว่าหามุมถ่ายรูป แต่ครั้งนี้ดูเต็มตาและถ่ายทุกมุม เราเดินต่อที่ผาชมปรง ไม่ไกลจากยอดนารายณ์นะคะ แต่ไม่ค่อยมีคนมา สงสัยหิวเลยรีบกลับที่พักกัน
และแล้วก็ถึงเวลาลาจากยอดเขาหลวง เราจะคิดถึงนะ
ขาลงถ้าใครขาแข็งแรงก็ไม่ต้องเสียเวลาเบรกในบางช่วงนะคะ แต่เรานั้น...เหอๆ อย่างสั่น
บุ้งกับกิ้งกือมีมาให้เห็นเรื่อยๆค่ะ
ก่อนลง คุยกับลุงจนท.ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ลุงเหงื่อออกมั้ย ลุงตอบ40นาที เหงื่อแทบไม่ออก... ค่ะลุง หนูเหงื่อออกเหมือนตอนขึ้นเดะๆ แต่ยังดีว่าข้างล่างมีห้องอาบน้ำให้อาบ
อาบ้ำเสร็จ เดินทางเข้าเมือสุโขทัย หาอะไรกิน มาสุโขทัยก็ต้องกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย
ตอนแรกไม่ได้แพลนจะเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยนะคะ แต่เห็นเวลาเหลือ กลัวจะไปถึงบ้านนาต้นจั่นเร็ว
เลยแวะปั่นจักรยาน+เดินเที่ยวในศรีสัชนาลัย เอาให้สุดเดินป่าแล้วต้องท้าลำแข้งต่อค่ะ
มีทั้งปั่นและเดินขึ้นบันได เพื่อนไปไหนเราก็ต้องไป ไหวไม่ไหว ไม่เกี่ยว
ใช้เวลาไปสองชั่วโมง เดินทางต่อไปบ้านนาต้นจั่น โดยเพื่อนเราติดต่อกับป้าจอมมาก่อนหน้านี้แล้ว ต้องติดต่อก่อนมาพักนะคะ วอล์คอินอาจเสี่ยงที่พักเต็ม เพราะหมู่บ้านนี้เขาจะมีระบบการจัดการเวียนบ้านพักในหมู่บ้านค่ะ และที่เที่ยวต้องให้เจ้าของบ้านพาไปนะคะ เราว่าเขาบริหารจัดหารได้ดีระดับนึงเลย ไม่ให้นายทุนมาแทรกแซงเหมือนหมู่บ้านท่องเที่ยวอื่นและรักษาความสงบไว้ ไม่ให้พลุกพล่านเกิน ตอนเย็นพวกเราทรมานแข้งด้วยปั่นจักรยานเล่นรอบหมู่บ้าน
บ้านที่เราจะพักคืนนี้ เป็นบ้านของป้าจอมค่ะ
อาหารฝีมือป้าจอมอร่อยมากค่ะ ป้าแกจัดเต็มสุดๆ ค่าพัก กินและเที่ยว คนละ 500 บาทนะคะ เมนูเด็ดคือ "น้ำพริกซอกไข่" ชื่อแปลกๆเนอะ
>>>มีต่อนะคะ<<<
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น