CARS 3
คงไม่ใช่บ่อยครั้งที่เราจะดูหนังสักเรื่องและพบว่ามัน "เหนือความคาดหมาย" CARS 3 คือหนังอีกเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น หลังจากเกลียดหนังภาค 2 ชนิดสาปส่งว่าทำไมยังหน้าด้านสร้างภาคต่อออกมาอีก เหตุผลที่เราเกลียดหนังภาค 2 มาก เพราะหนังออกทะเลไปไกลสุดกู่ ผันตัวเองไปเป็นเรื่องของเมเธอร์ ตัวละครพูดมากที่น่ารำคาญที่สุดในเรื่อง ในกลายเป็นตัวเด่น ความน่ารำคาญของภาค 2 ถูกขจัดทิ้ง พาสเจอร์ไรซ์อย่างหมดสิ้น แล้วหนังภาคนี้กลับมาพูดถึงประเด็นซีเรียสๆอย่างการเป็นตำนานแทน
ไลท์นิ่ง แม็คควีน รถแข่งสีแดงพระเอกของเรา กำลังเดินทางมาสู่ช่วงเวลาบั้นปลายของการแข่งขัน เขาไม่สามารถเอาชนะรถรุ่นใหม่ๆได้ อีกทั้งเพื่อนร่วมวงการรถแข่ง ต่างก็แขวนล้อลาวงการไปตามๆกัน ประกอบกับความพ่ายแพ้ในสนามแข่งครั้งล่าสุด เกือบทำให้แม็คควีนล้มเลิกความตั้งใจที่จะแข็งขันต่อไป แต่โชคยังดีที่ยังมีคนที่เข้าออกเข้าใจเขาและให้กำลังใจอีกครั้ง แต่แม็คควีนก็ต้องรับเงื่อนไขสำคัญจากสเตอร์ลิ่ง เจ้าของศูนย์แข่งรถไฮเทคที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับรถแข่ง ว่าถ้าหากเขาพ่ายแพ้ ตนจะต้องกลายไปเป็นโลโก้ของแบรนด์ของที่ระลึก เปรียบเสมือนขายของกับตำนานที่ยังมีลมหายใจ
CARS 3 จึงไม่ใช่หนังสำหรับเด็กอย่างเดียว แต่คนที่น่าจะสัมผัสและอินไปกับหนังได้คือคนในช่วงเจนเนอเรชั่นวัยราวๆ 30 ที่กำลังตั้งคำถามถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่กำลังเห็นความเติบโตและเก่งกว่าของเด็กรุ่นใหม่ หรือคนวัยเกษียณที่กำลังหวนนึกถึงช่วงยุคทองในอาชีพการงานที่ปัจจุบันกลายเป็นอดีตอันหอมหวานไปแล้ว
หนังมีโมเมนต์ชวนประทับใจและชวนจุกไปพร้อมๆกัน มันชี้ชวนตั้งคำถามกับผู้ชมตลอดเวลาว่าการที่คนๆหนึ่งจะเป็นตำนานได้นั้น ถ้าหากวันหนึ่งมีคลื่นลูกใหม่ที่มาแรงกว่าและเก่งกว่า เราจะทำใจยอมรับกับเหตุการณ์นั้นและลงจากหลังเสืออย่างไรให้งดงาม หรือจะสู้ดันทุรังจนพ่ายแพ้แบบหมดรูปดี การตัดสินใจของไลท์นิ่งแม็คควีนในหนังเรื่องนี้จึงเป็นการหาทางลงที่งดงาม (จะเป็นแบบไหนอยากให้ติดตามในหนังเอง)
อีกทั้ง CARS 3 ยังโดดเด่นในการให้กำลังใจและทำความเข้าใจกับเจนเนอเรชั่นใหม่ว่า การมีโค้ชที่ดีหรือการได้เรียนรู้จากคนเก่งในเจนเนอร์เรชั่นก่อนก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เราพัฒนาขึ้น เก่งขึ้น และกลายไปเป็นคนที่โลดแล่นอยู่ในวงการต่างๆได้อย่างงดงาม หนังเรื่องนี้จึงไม่ได้พูดถึงแค่คนเจนเนอร์เรชั่นใดเจนเนอร์เรชั่นหนึ่งเท่านั้น แต่มันเป็นการส่งผ่านความสุข ความเข้าใจ ความสำเร็จของคนจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นอย่างงดงาม
หนังเรื่องนี้จึงสอนคนดูหลายๆอย่างทั้งเรื่องการวางอัตตา ความเชื่อมั่นใจตัวเอง การเป็นตำนาน ความสุขของชีวิตและความเข้าใจต่อชีวิต
CARS 3 คือหนังที่เข้าถึงคนทุกเพศ ทุกวัยตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดง พ่อแม่ ไปจนปู่ย่าตายาย เลยทีเดียว
ตามอ่านรีวิวอื่นๆกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/
[CR] [ดูหนังกับพริตตี้ปลาสลิด] CARS 3 - ดีที่สุดในแฟรนชายส์ CARS
CARS 3
คงไม่ใช่บ่อยครั้งที่เราจะดูหนังสักเรื่องและพบว่ามัน "เหนือความคาดหมาย" CARS 3 คือหนังอีกเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น หลังจากเกลียดหนังภาค 2 ชนิดสาปส่งว่าทำไมยังหน้าด้านสร้างภาคต่อออกมาอีก เหตุผลที่เราเกลียดหนังภาค 2 มาก เพราะหนังออกทะเลไปไกลสุดกู่ ผันตัวเองไปเป็นเรื่องของเมเธอร์ ตัวละครพูดมากที่น่ารำคาญที่สุดในเรื่อง ในกลายเป็นตัวเด่น ความน่ารำคาญของภาค 2 ถูกขจัดทิ้ง พาสเจอร์ไรซ์อย่างหมดสิ้น แล้วหนังภาคนี้กลับมาพูดถึงประเด็นซีเรียสๆอย่างการเป็นตำนานแทน
ไลท์นิ่ง แม็คควีน รถแข่งสีแดงพระเอกของเรา กำลังเดินทางมาสู่ช่วงเวลาบั้นปลายของการแข่งขัน เขาไม่สามารถเอาชนะรถรุ่นใหม่ๆได้ อีกทั้งเพื่อนร่วมวงการรถแข่ง ต่างก็แขวนล้อลาวงการไปตามๆกัน ประกอบกับความพ่ายแพ้ในสนามแข่งครั้งล่าสุด เกือบทำให้แม็คควีนล้มเลิกความตั้งใจที่จะแข็งขันต่อไป แต่โชคยังดีที่ยังมีคนที่เข้าออกเข้าใจเขาและให้กำลังใจอีกครั้ง แต่แม็คควีนก็ต้องรับเงื่อนไขสำคัญจากสเตอร์ลิ่ง เจ้าของศูนย์แข่งรถไฮเทคที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับรถแข่ง ว่าถ้าหากเขาพ่ายแพ้ ตนจะต้องกลายไปเป็นโลโก้ของแบรนด์ของที่ระลึก เปรียบเสมือนขายของกับตำนานที่ยังมีลมหายใจ
CARS 3 จึงไม่ใช่หนังสำหรับเด็กอย่างเดียว แต่คนที่น่าจะสัมผัสและอินไปกับหนังได้คือคนในช่วงเจนเนอเรชั่นวัยราวๆ 30 ที่กำลังตั้งคำถามถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่กำลังเห็นความเติบโตและเก่งกว่าของเด็กรุ่นใหม่ หรือคนวัยเกษียณที่กำลังหวนนึกถึงช่วงยุคทองในอาชีพการงานที่ปัจจุบันกลายเป็นอดีตอันหอมหวานไปแล้ว
หนังมีโมเมนต์ชวนประทับใจและชวนจุกไปพร้อมๆกัน มันชี้ชวนตั้งคำถามกับผู้ชมตลอดเวลาว่าการที่คนๆหนึ่งจะเป็นตำนานได้นั้น ถ้าหากวันหนึ่งมีคลื่นลูกใหม่ที่มาแรงกว่าและเก่งกว่า เราจะทำใจยอมรับกับเหตุการณ์นั้นและลงจากหลังเสืออย่างไรให้งดงาม หรือจะสู้ดันทุรังจนพ่ายแพ้แบบหมดรูปดี การตัดสินใจของไลท์นิ่งแม็คควีนในหนังเรื่องนี้จึงเป็นการหาทางลงที่งดงาม (จะเป็นแบบไหนอยากให้ติดตามในหนังเอง)
อีกทั้ง CARS 3 ยังโดดเด่นในการให้กำลังใจและทำความเข้าใจกับเจนเนอเรชั่นใหม่ว่า การมีโค้ชที่ดีหรือการได้เรียนรู้จากคนเก่งในเจนเนอร์เรชั่นก่อนก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เราพัฒนาขึ้น เก่งขึ้น และกลายไปเป็นคนที่โลดแล่นอยู่ในวงการต่างๆได้อย่างงดงาม หนังเรื่องนี้จึงไม่ได้พูดถึงแค่คนเจนเนอร์เรชั่นใดเจนเนอร์เรชั่นหนึ่งเท่านั้น แต่มันเป็นการส่งผ่านความสุข ความเข้าใจ ความสำเร็จของคนจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นอย่างงดงาม
หนังเรื่องนี้จึงสอนคนดูหลายๆอย่างทั้งเรื่องการวางอัตตา ความเชื่อมั่นใจตัวเอง การเป็นตำนาน ความสุขของชีวิตและความเข้าใจต่อชีวิต
CARS 3 คือหนังที่เข้าถึงคนทุกเพศ ทุกวัยตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดง พ่อแม่ ไปจนปู่ย่าตายาย เลยทีเดียว
ตามอ่านรีวิวอื่นๆกันต่อได้ที่ https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/