สวัสดีครับ นี่เป็นเรื่องแรกที่ผมจะเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกที่
ผมเจอกับตัวเองและไม่ได้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นแต่อย่างใด ....ผมตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรรแบนด์ใบไม้ แถวพุทธมณฑลสาย 5 ซึ่งตอนนั้นเหลือเพียง 2 หลัง หลังที่ผมซื้อนี้ตั้งอยู่ถนนเส้นหลักของของโครงการใกล้กลับป้อม รปภ.
ก่อนที่ทำจะเข้าอยู่ ผมได้ให้ญาติผู้ใหญ่นับถือ ซึ่งผมเรียกว่าป๋า ป๋าเป็นคนที่มีสัมผัส ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน มานั่งสมาธิในบ้านหลังที่ผมซื้อ
ป๋า “ ไม่มีอะไรมาปะทะ ไม่มีอะไร อยู่ได้สบาย ไม่มีปัญหา”
ผม “แล้วฤกษ์เข้าอยู่วันแรก ควรเป็นวันไหน”
ป๋า “ เดี๋ยวจะกลับไปดูให้แล้วจะบอกพ่อเอ็งไว้”
ป๋าดูฤกษ์เข้าอยู่บ้านใหม่ให้เรียบร้อย แต่ผมไม่สะดวก ผมเลยบอกป๋าว่าขอเป็นวันที่ 23 ตุลาคม 2557 ตรงกับวันปิยะมหาราช (บ้านผมเคารพนับถือเสด็จพ่อ ร.5 อยู่แล้ว) ซึ่งป๋าบอกว่า ได้เป็นวันดีอยู่แล้ว วันเข้าอยู่บ้านวันแรกผมก็ทำตามขั้นตอนที่ป๋าบอกทุกอย่าง นำพระพุทธรูป ข้าวสุกข้าวสาร แก้วหวนเงินทอง ดอกไม้ ฯลฯ จุดธูปเทียนไว้พระ จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง และนอนหลับผักผ่อน แล้วผมก็ออกจากบ้านกลับไปคอนโดเพื่อเก็บของเตรียมย้ายของเข้าบ้านใหม่
เมื่อย้ายเข้าอยู่บ้านใหม่หลังนี้ผ่าน 2 ปี ก็ปกติดี มีความสุข ไม่มีเหตุการณ์อะไร แต่ผมยังไม่ได้ทำบุญขึ้นบ้านใหม่เลย เพราะยังไม่พร้อมในหลายๆเรื่อง แต่ในช่วง 2 ปีนั้น ผมก็มีการจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทางว่า
“ผมไม่ได้ลืมเรื่องทำบุญขึ้นบ้านใหม่นะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมในหลายเรื่องๆ หากพร้อมแล้วจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่แน่นอน”
เหตุการณ์ที่ผมยังจำติดตาอยู่จนถึงทุกวันนี้ เกิดขึ้นในช่วงก่อนจะถึงวันพระใหญ่ “วันวิสาขบูชา” (ตรงกับวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559) ในคืนวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2559 เวลาประมาณ 19.45 น. ผมคุยกับแฟนว่าเราตั้งใจจะไปทำบุญกันในวันวิสาขบูชา หลังคุยเสร็จก็ปิดบ้านล็อคประตูชั้นล่าง ปิดไฟแล้วขึ้นชั้น 2 อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกจากห้องน้ำ แฟนผมกำลังเดินออกจากห้องนอนจะลงไปชั้นล่าง
ผมได้เสียงผู้ชายตะโกนเสียงดังมาก เหมือนดังอยู่ในบ้าน แต่ฟังไม่ออกว่าพูดว่าอะไร ผมไม่ทักทำนิ่งแล้วเช็ดผมต่อ แต่แฟนผมกลับพูดว่า
แฟน “เธอได้ยินเสียงอะไรมั้ย เพื่อนเธอรึป่าว ที่บอกว่าจะมาหา”
ผม “ไม่ใช่มั้ง น่าจะเป็นเสียงบ้านอื่นตะโกนคุยกันรึป่าว”
แฟน “ยังไงก็ลงไปดูหน่อย”
ผม “จ๊ะ คุณนาย”
ผมตัดสินใจเดินลงบันไดไปแบบไม่ได้คิดอะไร พอถึงชานพักบันไดเท่านั้นแหละ....ขนลุกตั้งแต่ปลายเท้ายันหัว นิ่งอึ้ง รู้เลยว่าขาแข็งก้าวไม่ออกเป็นอย่างไร ผมยืนมองจากชานพักของบันไดลงไปชั้นล่าง ผมเห็นเงาสีดำผอมสูงประมาณ 2 เมตร ยืนหันด้านข้างให้ผมอยู่ตรงบันได้ขั้นสุดท้าย สาบานได้เลยว่าไม่ใช่คน ผมรวบรวมความกล้า กำลังจะก้าวเท้าลงบันได แล้วเงานั้นก็หันหน้ามาจ้องหน้าผมทันที จ้องอยู่ประมาณ 2 วินาที แล้วเงานั้นวิ่งไปทางหลังบ้านซึ่งเป็นห้องน้ำแล้วห้องครัว
***ภาพจำลองเหตุการณ์ถ่ายจากสถานที่จริงครับ***
แฟน “เป็นอะไร ทำไมยืนนิ่ง”
ผมไม่ตอบนิ่งไปสักพักแล้วบอกว่า “อยู่นี่น่ะห้ามลงมา”
ผมคิดในใจเอาว่ะไปดูให้รู้ว่าผีหรือคน แต่ในใจรู้แล้วว่าไม่ใช่คนแน่ๆ ล้าน% ซึ่งเหตุการณ์ที่เงาปรากฏนั้นมองเห็นด้วยตาเนื้อเลยประมาณ 5 วินาที ผมก้าวลงบันไดไปทั้งที่ขนหัวลุกตลอด พอถึงชั้นล่างรีบเปิดไฟแล้วรีบเดินไปหลังบ้าน กลั้นใจเปิดประตูห้องน้ำและห้องครัวก็ไม่เจออะไร ผมจึงกลับขึ้นไปชั้น 2 เล่าทุกอย่างให้แฟนฟัง นางหน้าซีดแล้วอึ้งไปพักใหญ่
หลังจากวันนั้นผ่านไป 2 วัน ในวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2559 ช่วงเช้าระหว่างผมขับรถไปทำงานสังเกตเห็นพระกำลังออกบิณฑบาต เลยจอดข้างทางแต่ไม่ได้เตรียมของใส่บาตรมา จึงถวายปัจจัยแทน
หลวงพี่ให้พรจบผมก็สาธุ กำลังจะลุกขึ้น แต่ทำไมหลวงพี่ยังยืนหลับตาแล้วสวดอะไรต่อ ด้วยความรีบผมก็เลยลุกขึ้นเดินกลับก่อนจะถึงรถ ผมหันมองหลวงพี่ หลวงพี่ก็หันหน้ามามองผมพอดี แล้วรีบหันกลับก้มหน้าหลับตาแล้วสวดต่อ จนผมขึ้นกำลังจะออกตัวก็หันไปมองหลวงพี่อีกครั้ง หลวงพี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมหลับตาก้มหน้าสวดต่อ ผมคิดในใจว่าหลวงพี่เป็นอะไร แต่ผมรีบเลยออกรถไป
ผ่านไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2559 1 คืนก่อนถึงวันวิสาขบูชา(วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559) ผมกับแฟนก็คุยกันว่า พรุ่งนี้เราไปทำบุญให้เขาหน่อย(เขาก็คือ เงาดำที่ผมเจอในคืนนั้น) เวลาใกล้เคียงกันประมาณ 2 ทุ่มกว่า ผมก็ล็อคประตูชั้นล่าง แฟนผมขั้นชั้น 2 ไปแล้ว และเปิดไฟตรงบันไดทิ้งไว้ให้ ผมเดินไปปิดไฟชั้นล่างแล้วหยิบกุญแจบ้านติดตัวขึ้นชั้น2
จังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันได ทันใดนั้นก็มีนิ้วมือมาสะกิดที่ต้นคอผมเบาๆ 1 ครั้ง ทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นจุดเดียวกันที่เงาดำนั้นยืนมองหน้าผมอยู่เมื่อครั้งก่อน ผมขนลุกทั้งตัว คราวนี้วิ่งแจ้นขึ้นชั้น 2 เลย รีบเปิดประตูเข้าห้องนอน
แฟนผมถามว่า “จะวิ่งขึ้นบันไดทำไม เสียงดังรบกวนข้างบน ทำตัวยังกะเด็ก”
ผมเลยเล่าเหตุการณ์ให้แฟนฟัง แฟนบอกว่า “เขาคงมาเตือนว่า พรุ่งนี้อย่าลืมทำบุญให้เขาด้วยมั้ง”
เมื่อถึงวันวิสาขบูชาผมกับแฟนก็ไปทำบุญถวายสังฆทานและกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเงาดำที่ผมเจอ และสิ่งที่มาสะกิดผม และบอกกล่าวในใจว่า
“ถ้าได้รับบุญแล้วไม่ต้องมาขอบคุณผมกับแฟนน่ะ” แล้วผมกับแฟนก็เดินทางกลับบ้านเจอพี่สาวข้างบ้าน ก็ทักทายกันคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วผมเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง พี่สาวข้างบ้านแกถึงกับยิ้มไม่ออก แล้วแกบอกกับผมและแฟนว่า
พี่สาวข้างบ้าน “พี่นะไม่กล้าบอกน้อง วันก่อนสักอาทิตย์นึงเห็นจะได้ หลานชายพี่กลับมาจากทำงานจอดรถจะเข้าบ้าน ประมาณ 3 ทุ่ม มั้ง เขาบอกว่า เห็นเงาๆดำ เดินเข้าบ้านน้องไปอ่ะ พี่เองก็ถามมันว่าตาฝาดรึป่าว หลานมันบอกว่าไม่ฝาดเห็นจังๆเลย
ผม “อ้าวเหรอครับ พี่น่าจะบอกผมนะ “
พี่สาวข้างบ้าน “พี่ไม่กล้าบอก กลัวน้องจะกลัว แล้วหาว่าพี่งมงายเพ้อเจ้อ”
ผมคิดในใจถ้าเล่าให้ฟัง ผมก็คงกลัวจริงๆอย่างที่พี่เขาคิด
หลังจากนั้นผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เลยถือโอกาสไปพบป๋า (ญาติผู้ใหญ่ที่ผมนับถือและมีสัมผัส) เลยเล่าให้ป๋าฟังและถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ป๋าบอกว่าไม่มีอะไรแล้วนั่งอมยิ้ม จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดว่า เงาดำนั้นมาจากไหน เป็นเจ้าที่เจ้าทาง ญาติผู้ใหญ่ของผมที่เสียไปแล้ว หรือแค่ลมเพลมพัด
แต่ที่ได้คำตอบแน่ๆคือ ผีล้าน% ขณะที่เห็นไม่ได้ตาฝาด เห็นด้วยตาเนื้อ ไม่ได้กึ่งหลับกึ่งตื่นด้วย เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จแท้ๆ แฟนผมเองก็ได้ยินสียงตะโกนเช่นกัน แต่แฟนไม่เห็นเงา เพราะแฟนไม่ได้ลงบันไดมาด้วย
กระทูต่อไปผมยังมีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังอีก ซึ่งเป็นเรื่องของ “เลขเด็ดกับกลิ่นน้ำอบไทยที่ติดจมูกผม” เรื่องทุกเรื่องที่ผมเล่าทั้งหมดนี้ขอยืนยันว่า เป็นเรื่องจริง ไม่ได้แต่งขึ้น เจอกับตัวจริงๆ ครับ แต่บุคคลที่อ้างถึงนั่นมีตัวตินจริงแต่ขอไม่เปิดเผยชื่อจริงนะครับ เคารพความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่สาม
ขอบคุณครับ
ยังจำได้ติดตา เจอดี! ในบ้านใหม่ที่ตัวเองซื้อ...
ก่อนที่ทำจะเข้าอยู่ ผมได้ให้ญาติผู้ใหญ่นับถือ ซึ่งผมเรียกว่าป๋า ป๋าเป็นคนที่มีสัมผัส ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน มานั่งสมาธิในบ้านหลังที่ผมซื้อ
ป๋า “ ไม่มีอะไรมาปะทะ ไม่มีอะไร อยู่ได้สบาย ไม่มีปัญหา”
ผม “แล้วฤกษ์เข้าอยู่วันแรก ควรเป็นวันไหน”
ป๋า “ เดี๋ยวจะกลับไปดูให้แล้วจะบอกพ่อเอ็งไว้”
ป๋าดูฤกษ์เข้าอยู่บ้านใหม่ให้เรียบร้อย แต่ผมไม่สะดวก ผมเลยบอกป๋าว่าขอเป็นวันที่ 23 ตุลาคม 2557 ตรงกับวันปิยะมหาราช (บ้านผมเคารพนับถือเสด็จพ่อ ร.5 อยู่แล้ว) ซึ่งป๋าบอกว่า ได้เป็นวันดีอยู่แล้ว วันเข้าอยู่บ้านวันแรกผมก็ทำตามขั้นตอนที่ป๋าบอกทุกอย่าง นำพระพุทธรูป ข้าวสุกข้าวสาร แก้วหวนเงินทอง ดอกไม้ ฯลฯ จุดธูปเทียนไว้พระ จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง และนอนหลับผักผ่อน แล้วผมก็ออกจากบ้านกลับไปคอนโดเพื่อเก็บของเตรียมย้ายของเข้าบ้านใหม่
เมื่อย้ายเข้าอยู่บ้านใหม่หลังนี้ผ่าน 2 ปี ก็ปกติดี มีความสุข ไม่มีเหตุการณ์อะไร แต่ผมยังไม่ได้ทำบุญขึ้นบ้านใหม่เลย เพราะยังไม่พร้อมในหลายๆเรื่อง แต่ในช่วง 2 ปีนั้น ผมก็มีการจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทางว่า
“ผมไม่ได้ลืมเรื่องทำบุญขึ้นบ้านใหม่นะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมในหลายเรื่องๆ หากพร้อมแล้วจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่แน่นอน”
เหตุการณ์ที่ผมยังจำติดตาอยู่จนถึงทุกวันนี้ เกิดขึ้นในช่วงก่อนจะถึงวันพระใหญ่ “วันวิสาขบูชา” (ตรงกับวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559) ในคืนวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2559 เวลาประมาณ 19.45 น. ผมคุยกับแฟนว่าเราตั้งใจจะไปทำบุญกันในวันวิสาขบูชา หลังคุยเสร็จก็ปิดบ้านล็อคประตูชั้นล่าง ปิดไฟแล้วขึ้นชั้น 2 อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกจากห้องน้ำ แฟนผมกำลังเดินออกจากห้องนอนจะลงไปชั้นล่าง
ผมได้เสียงผู้ชายตะโกนเสียงดังมาก เหมือนดังอยู่ในบ้าน แต่ฟังไม่ออกว่าพูดว่าอะไร ผมไม่ทักทำนิ่งแล้วเช็ดผมต่อ แต่แฟนผมกลับพูดว่า
แฟน “เธอได้ยินเสียงอะไรมั้ย เพื่อนเธอรึป่าว ที่บอกว่าจะมาหา”
ผม “ไม่ใช่มั้ง น่าจะเป็นเสียงบ้านอื่นตะโกนคุยกันรึป่าว”
แฟน “ยังไงก็ลงไปดูหน่อย”
ผม “จ๊ะ คุณนาย”
ผมตัดสินใจเดินลงบันไดไปแบบไม่ได้คิดอะไร พอถึงชานพักบันไดเท่านั้นแหละ....ขนลุกตั้งแต่ปลายเท้ายันหัว นิ่งอึ้ง รู้เลยว่าขาแข็งก้าวไม่ออกเป็นอย่างไร ผมยืนมองจากชานพักของบันไดลงไปชั้นล่าง ผมเห็นเงาสีดำผอมสูงประมาณ 2 เมตร ยืนหันด้านข้างให้ผมอยู่ตรงบันได้ขั้นสุดท้าย สาบานได้เลยว่าไม่ใช่คน ผมรวบรวมความกล้า กำลังจะก้าวเท้าลงบันได แล้วเงานั้นก็หันหน้ามาจ้องหน้าผมทันที จ้องอยู่ประมาณ 2 วินาที แล้วเงานั้นวิ่งไปทางหลังบ้านซึ่งเป็นห้องน้ำแล้วห้องครัว
***ภาพจำลองเหตุการณ์ถ่ายจากสถานที่จริงครับ***
แฟน “เป็นอะไร ทำไมยืนนิ่ง”
ผมไม่ตอบนิ่งไปสักพักแล้วบอกว่า “อยู่นี่น่ะห้ามลงมา”
ผมคิดในใจเอาว่ะไปดูให้รู้ว่าผีหรือคน แต่ในใจรู้แล้วว่าไม่ใช่คนแน่ๆ ล้าน% ซึ่งเหตุการณ์ที่เงาปรากฏนั้นมองเห็นด้วยตาเนื้อเลยประมาณ 5 วินาที ผมก้าวลงบันไดไปทั้งที่ขนหัวลุกตลอด พอถึงชั้นล่างรีบเปิดไฟแล้วรีบเดินไปหลังบ้าน กลั้นใจเปิดประตูห้องน้ำและห้องครัวก็ไม่เจออะไร ผมจึงกลับขึ้นไปชั้น 2 เล่าทุกอย่างให้แฟนฟัง นางหน้าซีดแล้วอึ้งไปพักใหญ่
หลังจากวันนั้นผ่านไป 2 วัน ในวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2559 ช่วงเช้าระหว่างผมขับรถไปทำงานสังเกตเห็นพระกำลังออกบิณฑบาต เลยจอดข้างทางแต่ไม่ได้เตรียมของใส่บาตรมา จึงถวายปัจจัยแทน หลวงพี่ให้พรจบผมก็สาธุ กำลังจะลุกขึ้น แต่ทำไมหลวงพี่ยังยืนหลับตาแล้วสวดอะไรต่อ ด้วยความรีบผมก็เลยลุกขึ้นเดินกลับก่อนจะถึงรถ ผมหันมองหลวงพี่ หลวงพี่ก็หันหน้ามามองผมพอดี แล้วรีบหันกลับก้มหน้าหลับตาแล้วสวดต่อ จนผมขึ้นกำลังจะออกตัวก็หันไปมองหลวงพี่อีกครั้ง หลวงพี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมหลับตาก้มหน้าสวดต่อ ผมคิดในใจว่าหลวงพี่เป็นอะไร แต่ผมรีบเลยออกรถไป
ผ่านไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2559 1 คืนก่อนถึงวันวิสาขบูชา(วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559) ผมกับแฟนก็คุยกันว่า พรุ่งนี้เราไปทำบุญให้เขาหน่อย(เขาก็คือ เงาดำที่ผมเจอในคืนนั้น) เวลาใกล้เคียงกันประมาณ 2 ทุ่มกว่า ผมก็ล็อคประตูชั้นล่าง แฟนผมขั้นชั้น 2 ไปแล้ว และเปิดไฟตรงบันไดทิ้งไว้ให้ ผมเดินไปปิดไฟชั้นล่างแล้วหยิบกุญแจบ้านติดตัวขึ้นชั้น2 จังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันได ทันใดนั้นก็มีนิ้วมือมาสะกิดที่ต้นคอผมเบาๆ 1 ครั้ง ทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นจุดเดียวกันที่เงาดำนั้นยืนมองหน้าผมอยู่เมื่อครั้งก่อน ผมขนลุกทั้งตัว คราวนี้วิ่งแจ้นขึ้นชั้น 2 เลย รีบเปิดประตูเข้าห้องนอน
แฟนผมถามว่า “จะวิ่งขึ้นบันไดทำไม เสียงดังรบกวนข้างบน ทำตัวยังกะเด็ก”
ผมเลยเล่าเหตุการณ์ให้แฟนฟัง แฟนบอกว่า “เขาคงมาเตือนว่า พรุ่งนี้อย่าลืมทำบุญให้เขาด้วยมั้ง”
เมื่อถึงวันวิสาขบูชาผมกับแฟนก็ไปทำบุญถวายสังฆทานและกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเงาดำที่ผมเจอ และสิ่งที่มาสะกิดผม และบอกกล่าวในใจว่า “ถ้าได้รับบุญแล้วไม่ต้องมาขอบคุณผมกับแฟนน่ะ” แล้วผมกับแฟนก็เดินทางกลับบ้านเจอพี่สาวข้างบ้าน ก็ทักทายกันคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วผมเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง พี่สาวข้างบ้านแกถึงกับยิ้มไม่ออก แล้วแกบอกกับผมและแฟนว่า
พี่สาวข้างบ้าน “พี่นะไม่กล้าบอกน้อง วันก่อนสักอาทิตย์นึงเห็นจะได้ หลานชายพี่กลับมาจากทำงานจอดรถจะเข้าบ้าน ประมาณ 3 ทุ่ม มั้ง เขาบอกว่า เห็นเงาๆดำ เดินเข้าบ้านน้องไปอ่ะ พี่เองก็ถามมันว่าตาฝาดรึป่าว หลานมันบอกว่าไม่ฝาดเห็นจังๆเลย
ผม “อ้าวเหรอครับ พี่น่าจะบอกผมนะ “
พี่สาวข้างบ้าน “พี่ไม่กล้าบอก กลัวน้องจะกลัว แล้วหาว่าพี่งมงายเพ้อเจ้อ”
ผมคิดในใจถ้าเล่าให้ฟัง ผมก็คงกลัวจริงๆอย่างที่พี่เขาคิด
หลังจากนั้นผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เลยถือโอกาสไปพบป๋า (ญาติผู้ใหญ่ที่ผมนับถือและมีสัมผัส) เลยเล่าให้ป๋าฟังและถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ป๋าบอกว่าไม่มีอะไรแล้วนั่งอมยิ้ม จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดว่า เงาดำนั้นมาจากไหน เป็นเจ้าที่เจ้าทาง ญาติผู้ใหญ่ของผมที่เสียไปแล้ว หรือแค่ลมเพลมพัด
แต่ที่ได้คำตอบแน่ๆคือ ผีล้าน% ขณะที่เห็นไม่ได้ตาฝาด เห็นด้วยตาเนื้อ ไม่ได้กึ่งหลับกึ่งตื่นด้วย เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จแท้ๆ แฟนผมเองก็ได้ยินสียงตะโกนเช่นกัน แต่แฟนไม่เห็นเงา เพราะแฟนไม่ได้ลงบันไดมาด้วย
กระทูต่อไปผมยังมีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังอีก ซึ่งเป็นเรื่องของ “เลขเด็ดกับกลิ่นน้ำอบไทยที่ติดจมูกผม” เรื่องทุกเรื่องที่ผมเล่าทั้งหมดนี้ขอยืนยันว่า เป็นเรื่องจริง ไม่ได้แต่งขึ้น เจอกับตัวจริงๆ ครับ แต่บุคคลที่อ้างถึงนั่นมีตัวตินจริงแต่ขอไม่เปิดเผยชื่อจริงนะครับ เคารพความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่สาม
ขอบคุณครับ