ปัญหาชีวิต เมื่อพ่อเป็นมะเร็ง

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก อาจจะมีผิดถูกบ้างต้องขออภัยนะคะ
จขกท.ขอเท้าความก่อนว่า
ตั้งแต่เล็ก จขกท.โตมากับย่า
พ่อแม่ของจขกท.เลิกกันเนื่องจากพ่อเป็นคนที่ติดเหล้าขั้นรุนแรง ถึงขนาดเคยลงไม้ลงมือกับแม่
เมื่อเลิกกัน จขกท.ย้ายมาอยู่กับย่า ซึ่งพ่อก็อยู่ด้วย
ตลอดเวลาพ่อจะกินเหล้าและสูบบุหรี่หนักมาก
ทำให้ย่าทุกข์ใจอยู่บ่อยครั้ง
พ่อเคยทั้งเข้าบำบัดอาการทางจิต บำบัดเพื่อหาทางเลิกเหล้าแต่ก็ไม่ได้ผล หยุดพักได้แปปเดียวก็กลับไปกินเหล้า สูบบุหรี่อีก
ตัวของ จขกท. หลังจากที่เรียนมหาลัยและย้ายไปอยู่หอ
เมื่อเรียนจบก็เช่าห้องอยู่เหมือนเดิม เนื่องจากที่บ้าน อยู่กันหลายคน ทั้งน้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง) อา ย่า และพ่อ
ทุกคนทำใจว่าพ่อคงไม่มีทางเลิกเหล้าได้
จนมีวันนึง จขกท.ไปเที่ยวสังสรรค์กับพี่ที่ทำงาน
และพี่ๆได้มาส่ง จขกท.ที่บ้าน
เป็นครั้งแรกที่พ่อเห็น จขกท.เมาหัวราน้ำ (ซึ่งจริงๆเมาเป็นประจำตั้งแต่อยู่มหาลัย 55)
ตั้งแต่นั้นมา พ่อของ จขกท. ก็เลิกเด็ดขาดทั้งเหล้าและบุหรี่ ไม่รู้ว่าเพราะว่าช๊อค หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ
จน จขกท.แต่งงาน มีครอบครัว ย้ายออกมาอยู่บ้านกับสามี และมีลูกน้อย ทุกอย่างเหมือนจะเข้าที่เข้าทาง
จนวันที่ จขกท.กำลังจะคลอดลูก จขกท.ไลน์ไปหาย่า เพื่อบอกและให้ย่า พ่อและครอบครัวมาเยี่ยม
ย่าบอกกับ จขกท. ว่า ไม่สามารถมาเยี่ยมได้ เนื่องจากพ่อมีอาการเจ็บปาก เลือดไหล ไม่สามารถทานอาหารแข็งๆได้ ซึ่งวันที่พาพ่อไปตรวจคือก่อนวันที่ จขกท. คลอดลูกเพียงแค่วันเดียว ในวันที่ จขกท.คลอดมีเพียงแม่ และครอบครัวฝั่งสามีเท่านั้นที่แวะมาเยี่ยม ซึ่ง จขกท.เข้าใจทางพ่อและไม่ได้ติดใจอะไร
จนมาทราบว่า พ่อมีเนื้องอกในช่องปากที่ต้องรับการผ่าตัด ซึ่งวันที่พ่อผ่าตัดเป็นวันที่ จขกท.ออกจากรพ.
จขกท.จึงไม่สามารถไปเยี่ยมและให้กำลังใจพ่อได้
ได้แต่โทรและวีดีโอคอลหาเท่านั้น (จขกท.ผ่าตัดคลอด)เนื่องจาก จขกท.อยู่กับสามีสองคนและเป็นแม่ fulltime
ตลอดเวลาตั้งแต่ที่รู้ว่าพ่อป่วยซึ่งช่างบังเอิญกับการที่ จขกท.คลอดลูก  ทำให้ จขกท.ไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อบ่อยเท่าที่ควร
เนื่องจากบ้านของจขกท.นั้นอยู่ไกลจากบ้านพ่อ
และสามีจขกท.ทำงานมีวันหยุดแค่วันเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถพา จขกท.ไปเยี่ยมพ่อได้
แน่นอนว่าทางป้าๆ (พี่สาวและน้องสาวของพ่อ) ก็มีการว่า จขกท.อ้อมๆมาโดยตลอดว่าไม่มาดูแลพ่อ
ห่วงแต่ลูกของตัวเอง
ซึ่งทำให้ จขกท.ทุกข์ใจพอสมควร
เนื่องจากไม่สามารถไปหาพ่อได้บ่อยจริง
เพราะลูกจขกท.ยังเล็กมาก ประกอบกับทางบ้านพ่อไม่มีพื้นที่ในการเลี้ยงดูหลาน
รวมถึงเชื้อโรคต่างๆเช่น น้ำลาย ผ้าพันแผล ซึ่งจขกท.ไม่ได้รังเกียจ แต่กลัวว่าลูกน้อยที่ยังไม่มีภูมิต้านทานจะป่วยไปอีกคน
ล่าสุดย่าได้บอกจขกท.ว่าพ่อเป็นมะเร็ง และจะเริ่มฉายแสงในวันศุกร์นี้
ตอนนี้ลูก จขกท.อายุเพียงเดือนครึ่ง
แน่นอนว่า จขกท.คงไม่สามารถไปดูแลพ่อได้เหมือนเดิม
ทางพ่อและย่า จขกท.นั้นไม่ได้ติดใจอะไร แต่ทางป้าๆ คงคิดไปแล้วว่า จขกท.เป็นลูกอกตัญญูที่ไม่ไปดูแลพ่อ ซึ่งก็เป็นจริงตามที่เค่าว่า (ทางป้าและลุงคอยช่วยเปลี่ยนกันมาดูแลพ่อตลอด)
ตอนนี้ จขกท.ทำได้เพียงให้กำลังใจพ่อผ่านทางโทรศัพท์และวีดีโอเท่านั้น และรอวันที่สามีหยุดงาน เพื่อไปเยี่ยมพ่อ
ห่วงพ่อก็ห่วง ห่วงลูกน้อยก็ห่วง
ตอนนี้จขกท.เครียดและรู้สึกบาปกรรมมากเลย
มีใครมีคำแนะนำบ้างมั้ยคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่