BEAUTIFUL KL ADVENTURE
MALAYSIA
SOLO TRAVELER
8-10 JUL 2017
http://taychit.blogspot.com/2017/08/kl-beautiful-kl-adventure-malaysia-solo.html
ผมค่อยๆลืมตาขึ้น หลังถูกปลุกด้วยแรงสั่นสะเทือนของเครื่องบินที่ตกหลุมอากาศบนเส้นทางการบิน จากหาดใหญ่มุ่งหน้าสู่ สนามบิน KLIA2 กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ผมจำไม่ได้ว่าผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหน เพราะหลังจากสิ้นเสียงหวานๆของแอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแอร์เอเชีย เปลือกตาผมค่อยๆเลื่อนลง จากความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน
เวลา 22.25 น ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซียซึ่งไวกว่าเมืองไทยหนึ่งชั่วโมง ผมได้ก้าวขาออกจากเครื่องบิน เยียบลงบนแผ่นดินประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
ถึงแม้จะดึกแล้ว แต่ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ผมใช้เวลาเดินจาก gate ไป immigration เกือบๆ10นาที ด้วยสนามบินแห่งนี้มีความกว้างขวางใหญ่โตพอสมควร ทำให้ตลอดทางเดิน ทำให้ผมเพลิดเพลินกับความสวยงามของการอกกแบบสถาปัตยกรรมได้พอสมควร
เพื่อไม่ให้คนทางบ้านเป็นห่วง สิ่งที่ต้องทำต่อไป นั้นก็คือ การซื้อซิมการ์ด เพื่อเชื่อมโยงตัวเองเข้าสู่ social media อีกครั้ง การมามาเลเซียครั้งนี้ของผม ผมเลือกใช้ Xpax (CELCOM) ลองเปลี่ยนดูบ้าง จากที่เคยใช้ hotlink เมื่อครั้งไปเที่ยวลังกาวีเมื่อตอนต้นปี
มันดึกมากแล้ว ตอนที่ผมส่งข้อความผ่าน Line บอกแม่ว่า ผมถึงมาเลเซียแล้ว เพื่อไม่ให้ตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย ผมรีบเดินตามป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟฟ้า ที่ตั้งอยู่ภายในสนามบิน ผมเลือกใช้บริการ KLIA Ekpres
ในคำโฆษณาบอกว่า Fastest way to the city ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะรถไฟฟ้าสายนี้แวะแค่สถานีเดียว คือสถานีสนามบิน KLIA แล้วพุ่งตรงสู่สถานีกลาง KL sentral เลย ใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น
พนักงานขายตั๋วแนะนำ ให้ผมซื้อตั๋วแบบ ไป-กลับ ในราคา 100 ริงกิต ถือว่าเป็นคำแนะนำที่ดี เพราะถ้าซื้อแบบเที่ยวเดียว ต้องจ่ายที่ 55 ริงกิต
ความลำบากของคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้น ก็คือ การจะมีรูปถ่ายตัวเอง ณ สถานที่ที่เราไปนั่นเอง แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ คนมาเลเซียส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ และภาษาเขียนก็มีพื้นฐานมาจากภาษาอังกฤษเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ เดินเข้าไปขอความช่วยเหลืออย่างเป็นมิตรครับ ยูช่วยถ่ายรูปให้ไอได้ไหม ไอมาคนเดียว ช่วยไอหน่อยนะยู
และภาพแรกที่ผมโพสต์และเช็คอินลง Facebook นั้น ได้ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานี KLsentral นั่นเอง
ก่อนเดินออกจากสถานี ก็ขอถ่ายรูปน้องเขาไว้สักหน่อย
การมา KL ครั้งนี้ ผมเลือกจองที่พักใกล้สถานีรถไฟ KL sentral เพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ซึ่งมันใกล้จริงๆ เพราะพอผมออกจากประตูสถานีรถไฟ มองออกไปตามแสงไฟบนยอดตึก ผมก็เห็นป้ายชื่อโรงแรมที่ผมจองออนไลน์มาแล้ว
แต่การจะเดินไปโรงแรม ในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆแบบนั้น คงไม่ดีแน่ ผมเลือกใช้บริการแท็กซี่ และโดนฟันค่าแท็กซี่ไป 30 ริงกิต (ระยะทางใกล้นิดเดียว แค่ 5 กม)
ผมจ่ายค่าที่พักไปทั้งสิ้น 348 ริงกิต สำหรับการพัก 3 คืน บวกอาหารเช้า ถือว่าโอเค สมเหตุสมผล และนี้คือวิวจากห้องพัก....
สวยงาม
เรื่องน่าประทับใจอีกอย่างคือ ตอนเช็คอินก็เอ่ยปากถาม น้องรีเซฟชั่น ว่า “ครัวปิดรึยัง พี่หิวข้าว” น้องบอกว่า “ปิดแล้วค่ะ” ผมถามต่อ “แล้วแถวนี้มีซุปเปอร์มาเก็ตไหม ใกล้ๆอ่ะ” น้องตอบว่า “มีค่ะ แต่เดินไกลนะ” ...นึกในใจสงสัยจะหมดหนทางได้กินข้าวแน่ๆ ทนหิวเอาละกันอีกแปปก็เช้าแล้ว
สงสัยน้องจะรับรู้ได้ถึงความหิวของผม น้องบอกรอแปป เดินหายไปหลังเค้าน์เตอร์ กลับมาใหม่ พร้อมขนมปังก้อนใหญ่ ยื่นให้ผม น้องบอกว่า “พี่เอาไปเถอะ หนูอิ่มแล้ว”
น้ำตาไหล ซาบซึ้งความใจดีของน้องรีเซฟชั่น ที่แบ่งขนมให้กิน น้องคงเวทนานักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างพี่แน่ๆเลย //ขอบคุณจากใจอีกครั้ง ที่ทำให้พี่รอดตายไปหนึ่งมื้อ ฮ่าๆๆๆๆ
8/7/2017
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ผมออกเดินเท้าจากโรงแรมไป สถานีรถไฟ KL sentral ซึ่งใช้เวลาแค่ 10 นาที
พอได้เห็นบริเวณรอบโรงแรมตอนกลางวัน มันช่างดูแตกต่างจากเมื่อคืนเอามากๆ ผมพบว่ารอบๆโรงแรมนั้น เป็นตึกสูงดูทันสมัย และที่สำคัญ ที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ใหญ่จริงๆ สวยงามมาก
ก่อนที่จะเข้าสถานีรถไฟ ผมเดินเที่ยวย่าน little india ย่านนี้สวยมาก ผสมผสานระหว่างเก่าใหม่ ได้อย่างลงตัว
สำหรับสถานีรถไฟ KL sentral นั้น เป็นต้นทางของรถไฟสายต่างๆ รวมถึงรถเมล์ด้วย สะดวกสบายมาก ตรงกลางสถานีจะมีเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่ผู้คนมากมาย จะเดินเข้าไปถามเส้นทาง ส่วนซ้ายขวาจะเป็นช่องขายตั๋วและทางเข้าชานชาลารถไฟแต่ละสาย
ผมใช้เวลาเดินเที่ยวชมบ้านย่านตึกปิโตรนาส หลายชั่วโมง จนพระอาทิตย์ตกดิน ฟ้าเริ่มมืด ผมเลือกนั่งกินมื้อค่ำร้านตรงสี่แยก ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามตึกแฝดพอดี เพื่อรอเวลาที่ตึกแฝดจะเปิดไฟอวดความสวยงามยามค่ำคืน
และนี่คือสิ่งที่ผมเฝ้ารอครับ ตึกแฝดยามค่ำคืนสวยงามมาก แสงไฟจากรอบทิศทางตกกระทบลงบนตึก ที่ทำมาจากวัสดุคล้ายแสตนเลส ดูระยิบระยับ สวยงาม ตรึงใจสุดๆ
สมแล้วที่นี่เป็น world best destination
[CR] คนเดียวเที่ยว KL - Beautiful KL Adventure MALAYSIA
BEAUTIFUL KL ADVENTURE
MALAYSIA
SOLO TRAVELER
8-10 JUL 2017
http://taychit.blogspot.com/2017/08/kl-beautiful-kl-adventure-malaysia-solo.html
ผมค่อยๆลืมตาขึ้น หลังถูกปลุกด้วยแรงสั่นสะเทือนของเครื่องบินที่ตกหลุมอากาศบนเส้นทางการบิน จากหาดใหญ่มุ่งหน้าสู่ สนามบิน KLIA2 กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ผมจำไม่ได้ว่าผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหน เพราะหลังจากสิ้นเสียงหวานๆของแอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแอร์เอเชีย เปลือกตาผมค่อยๆเลื่อนลง จากความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน
เวลา 22.25 น ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซียซึ่งไวกว่าเมืองไทยหนึ่งชั่วโมง ผมได้ก้าวขาออกจากเครื่องบิน เยียบลงบนแผ่นดินประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
ถึงแม้จะดึกแล้ว แต่ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ผมใช้เวลาเดินจาก gate ไป immigration เกือบๆ10นาที ด้วยสนามบินแห่งนี้มีความกว้างขวางใหญ่โตพอสมควร ทำให้ตลอดทางเดิน ทำให้ผมเพลิดเพลินกับความสวยงามของการอกกแบบสถาปัตยกรรมได้พอสมควร
เพื่อไม่ให้คนทางบ้านเป็นห่วง สิ่งที่ต้องทำต่อไป นั้นก็คือ การซื้อซิมการ์ด เพื่อเชื่อมโยงตัวเองเข้าสู่ social media อีกครั้ง การมามาเลเซียครั้งนี้ของผม ผมเลือกใช้ Xpax (CELCOM) ลองเปลี่ยนดูบ้าง จากที่เคยใช้ hotlink เมื่อครั้งไปเที่ยวลังกาวีเมื่อตอนต้นปี
มันดึกมากแล้ว ตอนที่ผมส่งข้อความผ่าน Line บอกแม่ว่า ผมถึงมาเลเซียแล้ว เพื่อไม่ให้ตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย ผมรีบเดินตามป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟฟ้า ที่ตั้งอยู่ภายในสนามบิน ผมเลือกใช้บริการ KLIA Ekpres
ในคำโฆษณาบอกว่า Fastest way to the city ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะรถไฟฟ้าสายนี้แวะแค่สถานีเดียว คือสถานีสนามบิน KLIA แล้วพุ่งตรงสู่สถานีกลาง KL sentral เลย ใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น
พนักงานขายตั๋วแนะนำ ให้ผมซื้อตั๋วแบบ ไป-กลับ ในราคา 100 ริงกิต ถือว่าเป็นคำแนะนำที่ดี เพราะถ้าซื้อแบบเที่ยวเดียว ต้องจ่ายที่ 55 ริงกิต
ความลำบากของคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้น ก็คือ การจะมีรูปถ่ายตัวเอง ณ สถานที่ที่เราไปนั่นเอง แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ คนมาเลเซียส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ และภาษาเขียนก็มีพื้นฐานมาจากภาษาอังกฤษเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ เดินเข้าไปขอความช่วยเหลืออย่างเป็นมิตรครับ ยูช่วยถ่ายรูปให้ไอได้ไหม ไอมาคนเดียว ช่วยไอหน่อยนะยู
และภาพแรกที่ผมโพสต์และเช็คอินลง Facebook นั้น ได้ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานี KLsentral นั่นเอง
ก่อนเดินออกจากสถานี ก็ขอถ่ายรูปน้องเขาไว้สักหน่อย
การมา KL ครั้งนี้ ผมเลือกจองที่พักใกล้สถานีรถไฟ KL sentral เพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ซึ่งมันใกล้จริงๆ เพราะพอผมออกจากประตูสถานีรถไฟ มองออกไปตามแสงไฟบนยอดตึก ผมก็เห็นป้ายชื่อโรงแรมที่ผมจองออนไลน์มาแล้ว
แต่การจะเดินไปโรงแรม ในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆแบบนั้น คงไม่ดีแน่ ผมเลือกใช้บริการแท็กซี่ และโดนฟันค่าแท็กซี่ไป 30 ริงกิต (ระยะทางใกล้นิดเดียว แค่ 5 กม)
ผมจ่ายค่าที่พักไปทั้งสิ้น 348 ริงกิต สำหรับการพัก 3 คืน บวกอาหารเช้า ถือว่าโอเค สมเหตุสมผล และนี้คือวิวจากห้องพัก....
สวยงาม
เรื่องน่าประทับใจอีกอย่างคือ ตอนเช็คอินก็เอ่ยปากถาม น้องรีเซฟชั่น ว่า “ครัวปิดรึยัง พี่หิวข้าว” น้องบอกว่า “ปิดแล้วค่ะ” ผมถามต่อ “แล้วแถวนี้มีซุปเปอร์มาเก็ตไหม ใกล้ๆอ่ะ” น้องตอบว่า “มีค่ะ แต่เดินไกลนะ” ...นึกในใจสงสัยจะหมดหนทางได้กินข้าวแน่ๆ ทนหิวเอาละกันอีกแปปก็เช้าแล้ว
สงสัยน้องจะรับรู้ได้ถึงความหิวของผม น้องบอกรอแปป เดินหายไปหลังเค้าน์เตอร์ กลับมาใหม่ พร้อมขนมปังก้อนใหญ่ ยื่นให้ผม น้องบอกว่า “พี่เอาไปเถอะ หนูอิ่มแล้ว”
น้ำตาไหล ซาบซึ้งความใจดีของน้องรีเซฟชั่น ที่แบ่งขนมให้กิน น้องคงเวทนานักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างพี่แน่ๆเลย //ขอบคุณจากใจอีกครั้ง ที่ทำให้พี่รอดตายไปหนึ่งมื้อ ฮ่าๆๆๆๆ
8/7/2017
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ผมออกเดินเท้าจากโรงแรมไป สถานีรถไฟ KL sentral ซึ่งใช้เวลาแค่ 10 นาที
พอได้เห็นบริเวณรอบโรงแรมตอนกลางวัน มันช่างดูแตกต่างจากเมื่อคืนเอามากๆ ผมพบว่ารอบๆโรงแรมนั้น เป็นตึกสูงดูทันสมัย และที่สำคัญ ที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ใหญ่จริงๆ สวยงามมาก
ก่อนที่จะเข้าสถานีรถไฟ ผมเดินเที่ยวย่าน little india ย่านนี้สวยมาก ผสมผสานระหว่างเก่าใหม่ ได้อย่างลงตัว
สำหรับสถานีรถไฟ KL sentral นั้น เป็นต้นทางของรถไฟสายต่างๆ รวมถึงรถเมล์ด้วย สะดวกสบายมาก ตรงกลางสถานีจะมีเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่ผู้คนมากมาย จะเดินเข้าไปถามเส้นทาง ส่วนซ้ายขวาจะเป็นช่องขายตั๋วและทางเข้าชานชาลารถไฟแต่ละสาย
ผมใช้เวลาเดินเที่ยวชมบ้านย่านตึกปิโตรนาส หลายชั่วโมง จนพระอาทิตย์ตกดิน ฟ้าเริ่มมืด ผมเลือกนั่งกินมื้อค่ำร้านตรงสี่แยก ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามตึกแฝดพอดี เพื่อรอเวลาที่ตึกแฝดจะเปิดไฟอวดความสวยงามยามค่ำคืน
และนี่คือสิ่งที่ผมเฝ้ารอครับ ตึกแฝดยามค่ำคืนสวยงามมาก แสงไฟจากรอบทิศทางตกกระทบลงบนตึก ที่ทำมาจากวัสดุคล้ายแสตนเลส ดูระยิบระยับ สวยงาม ตรึงใจสุดๆ
สมแล้วที่นี่เป็น world best destination
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น