สวัสดีอีกครั้งชาวพันทิป เราอันน่ารักแห่งชาวแก๊ง Gowithgu ห่างหายไปนานกับการเล่าประสบการณ์เที่ยวในพันทิป ครั้งนี้กลับมากับประสบการณ์โลกใต้น้ำใหม่ที่สนุกสุดมันไม่แพ้ครั้งก่อนๆ
ใครรักการพจญภัย ทั้งบนบกและใต้น้ำ ทั้งไทยและเทศ กด like Facebook Page Gowithgu ได้เลยยย
ถ้าคุณเลือกไม่ถูกว่าจะไปทะเลหรือเขา ให้มากับเราแล้วจะพาไปเขาและทะเล
#4teenpeenkhao #2taoteefin
ม่อนทูเล เตร็ดเตร่ ไปม่อนคลุย
http://ppantip.com/topic/34878685
จิบเบียร์ ชมดาว ขับรถเลาะลาว ไป “สามพันโบก”
http://ppantip.com/topic/34911201
ดำน้ำอ่าวไทย แค่ใกล้ๆเมืองประจวบ
http://ppantip.com/topic/35000023
ปล่อยงาน ปล่อยใจ ไปพักกายที่... "เกาะเต่า"
http://ppantip.com/topic/35749505
นอกจากประจวบ ชุมพร และเกาะเต่าตามรีวิวด้านบนแล้ว เราได้ดำน้ำอย่างบ้าคลั่งมาตลอดปีกว่าๆ จนดำน้ำลึกหรือ Scuba Diving มาครบ 100 ไดฟแล้วค่ะ เย่! ไม่ว่าจะเป็น พัทยา แสมสาร สิมิรัน กระบี่ โลซิน ใครอยากให้เรารีวิวที่ไหน คอมเม้นเลยนะคะ ต้องการกำลังใจการปั่นกระทู้พันทิปมากค่ะ
แล้วเราเพิ่งดำสกูบ้าครบ 100 ไดฟ ไป เย่! ดำน้ำติดๆ ถี่ๆ กันของเราทำให้เราเริ่มสนใจการดำน้ำอีกแบบหนึ่งที่คูลไม่แพ้สกูบ้าเลย นั่นคือการดำน้ำตัวเปล่าหรือ Freediving ตัวเปล่าแต่ไม่ตัวเปลือยนะจ๊ะ
เราเป็นคนชอบโลกใต้น้ำมาก ถ้าไม่ได้ดำน้ำก็จะชอบดูวีดีโอ ดูรูปใต้น้ำ เรียกได้ว่ามีความเสพติดโลกใต้ทะเล ในบรรดาวีดีโอโลกใต้น้ำสวยๆ เราก็จะเห็นการดำน้ำ Freediving ที่ดูแล้ว อื้อหือออ เท่สุดๆ เท่ระเบิดระเบ้อ เลยคิดว่าขอให้เราเท่ให้ได้ส่วนเสี้ยวหนึ่งของเขาละกัน
Freedive ลงหลุมลึกใต้ทะเล เท่แค่ไหนกัลลลลลล์
Freedive ลงหลุมลึกใต้ธารน้ำแข็งสุดคูลลลลล
การดำน้ำ Freediving คือการที่เราไม่ได้ใช้อากาศเลยระหว่างการดำ เรียกง่ายๆ คือการเก็บอากาศแล้วลงไปใต้น้ำลึกๆ คราวนี้ Freediving ก็แบ่งออกเป็น 2 แบบคือการดำน้ำแบบสันทนาการ ดำน้ำสนุกๆ เข้าใกล้โลกใต้น้ำมากขึ้น ส่วนแบบที่ 2 คือการดำน้ำเพื่อสร้างสถิติ การแข่งกับตัวเอง โดยแบบที่ 2 นี้จะเน้นให้ดำลงไปให้ลึก อยู่ให้นาน สนุกกับการสร้าง Record ใหม่ๆ
พอดีมีวันหยุด 3 วันมาเกาะเต่ากำลังสบายๆ เราก็เลยหาแก๊งไปเรียน Freediving ที่เกาะเต่า เลยชวน Nicole.Aloha นัก Freediving สุดสวย เพื่อนสมัยมัธยมไปด้วยละกัน เราจะได้รูปสวยๆ แบบนาง บ้าง
ระดับนิโคล ขึ้นน้ำยังแซ่บครัช
การเลือกร้านดำน้ำของเราง่ายมาก เราเลือกเรียนกับ Big Bubble Diving เพราะมีความสนิทสนมมาตั้งแต่เริ่มเรียนดำน้ำ Scuba พื้นฐานหลักสูตร Padi Open Water หลังจากเรียนจบไปปีกว่าๆ ก็ติดต่อกันเรื่อยๆ แอบมีความเป็นครอบครัวนักดำน้ำเบาๆ เรากลับไปดำน้ำเกาะเต่าบ้าง แล้วถ้าเรามีคำถาม หรือสงสัยอะไรเรื่องดำน้ำ Big Bubble ก็ให้คำปรึกษามาตลอด พอครั้งนี้เราอยากเรียน Freediving เราก็ทักไป Big Bubble ก็บอกมาสิที่นี่ก็สอน จองตั๋วรถทัวร์แล้วก็ไปเรียนเลยครัชชช
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Freediving ก็แค่การกลั้นหายใจลงน้ำ ทำไมต้องมีการเรียนการสอน ทำไมต้องออกบัตรนักดำน้ำ Freediving ด้วย ฮั่นแน่! หลอกขายของกันอีกหรือเปล่า?? เราตอบได้เลยว่า มาเรียนเถิดจะเกิดผล เพราะในการเรียนแค่ 2 วันสิ่งที่เราจะได้นั้นมีประโยชน์ต่อการน้ำจริงๆ
1.) เข้าใจวิธีการหายใจที่ทำให้เราสามารถเก็บอากาศได้นานมากขึ้น
2.) สามารถลงน้ำด้วยท่าที่ถูกต้อง
3.) เข้าใจอันตรายในการดำน้ำ Freediving
ใครๆ ก็สามารถเรียนดำน้ำ Freediving ได้ ไม่ว่าจะว่ายน้ำแข็ง หรือว่ายน้ำไม่แข็ง ขอเพียงแค่ใส่หน้ากาก (Mask) แล้วก็ตีนกบ (Fin) ไม่กลัวและไม่จมก็พอ สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เราแนะนำให้เรียน Skin Diving มาก่อน หรือว่าฝึกว่ายน้ำโดยใช้หน้ากากและตีนกบ เพื่อที่ตอนอยู่ผิวน้ำเตรียมการหายใจลงน้ำจะได้ไม่กังวล หรือว่าจากเรือว่ายน้ำไปที่ทุ่นจะได้ชิวๆ ว่ายน้ำไปดูประการังไปเพลินๆ
หรือจะดูเต่าเพลินๆ ก็ได้
ทริปนี้ตารางอัดแน่น ความสุขเต็มเปี่ยม
คืนวัน ศ.
ออกจากกทม. 3 ทุ่มตรง ที่ท่ารถลมพระยา วงเวียนบางลำพู ถนนข้าวสาร
วัน ส.
5.00 น. ถึงท่าเรือลมพระยา ชุมพร- จิบกาแฟชิวๆ พระอาทิตย์ขึ้น ดูฟ้าเปลี่ยนสี
7.00 น. นั่งเรือเร็วคาตามารันออกจากฝั่ง
9.00 น. ถึงเกาะเต่า - รถจาก Big Bubble มารับ
10.00 น. - 13.00 น. เรียนทฤษฎี Freediving
14.00 น. - 16.00 น. ฝึกปฏิบัติในอ่าวปิด
วัน อา.
9.00 น. ขึ้นเรือออกทะเล
09.30 น. - 12.00 น. ฝึกลงน้ำ และ สอบ PADI Freediving
13.00 น. - 17.00 น. พักผ่อน และดำน้ำลึก Scuba diving ต่ออีก 2 dives
วัน จ.
9.00 น. - 12.30 น. ดำน้ำ Scba 2 dives ที่ Sail Rock หรือ หินใบ
14.45 น. ขึ้นเรือลมพระยากลับ กทม.
24.00 น. ถึงวงเวียนบางลำพู ถ. ข้าวสาร
จบแล้ว!
มา 3 วันได้เรียน PADI Freediving แถมยังได้ดำ Scuba เล่นอีก 4 Dives ตารางแน่นนิดนึงสไตล์คนบ้าพลัง แต่มาเกาะเต่าครั้งนี้ คุ้มมากกกกก ฟินสุดๆ
เรามาดูกันก่อน
PADI Freediving คืออะไร
PADI คือสถาบันออกบัตรดำน้ำ คือเขาจะออกแบบหลักสูตรการเรียนดำน้ำต่างๆ ตั้งแต่ Scuba, Freediving, Skin Diving และอื่นๆ เยอะมาก พอเราเรียนหลักสูตรนี้เสร็จ ก็มีการสอบเพื่อดูสิ เราสามารถทำตามมาตรฐานที่ PADI กำหนดได้หรือเปล่า ถ้าผ่านเราก็จะได้บัตรดำน้ำ เวลาไปดำน้ำเล่นที่ไหนไม่ว่าในไทยเองหรือต่างประเทศ เขาจะได้รู้ว่าเราดำน้ำเป็น สามารถดำน้ำลึกได้ หรือสามารถ Freediving ได้ ตัวเราเองบอกตามตรงว่ายึดติดกับ PADI บัตร scuba เราก็ PADI เราว่าหนังสือเขาทำดี อ่านง่าย ทำเรื่องยากให้เข้าใจง่าย เเล้วก็เป็นที่รู้จักของทุกคน ถึงแม้จะบัตรจะราคาแพงกว่าค่ายอื่นหน่อย แต่เราเชื่อใจในมาตรฐาน
Freediving คืออะไร
Freediving คือการลงน้ำโดยไม่ใช้ถังอากาศ ไม่ใช้ท่ออากาศ เก็บอากาศแล้วก็ลงน้ำไปเลยยยย หลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าเราไปดำน้ำสน้อกเกิ้ลเล่นเราก็กลั้นหายใจแล้วก็ลงไปเองก็ Freediving เหมือนกัน บอกเลยว่าไม่ใช่นะคะ เพราะว่าลงไปแบบนั้นไม่เก่งจริงลงได้ไม่ลึกค่ะ ไม่ก็ถ้าเก่งเกินไป หรือถ้าใครบ้าพลังลงไปเองคนเดียวลึกๆ มันอันตรายนะคะ เราแนะนำก่อนดีกว่าว่า Snorkel diving, skin diving และ Freediving ต่างกันยังไง
Snorkel Diving ใส่หน้ากาก ใส่ตีนกบ หายใจผ่านท่ออากาศ ลอยตัวดูปลาที่ผิวน้ำ
Skin Diving ใส่หน้ากาก ใส่ตีนกบ หายใจผ่านท่ออากาศ เหมือนกันแต่สามารถมุดๆ ผุดๆ ใต้น้ำได้ จึงทำให้ต้องเรียนวิธีไล่น้ำออกจากหน้ากากด้วย ไม่งั้นน้ำเข้าหน้ากากระหว่างดูปลาจะไม่สนุกนะคะ
Freediving ใส่หน้ากาก ใส่ตีนกบ หายใจผ่านท่อหรือหายใจที่ผิวน้ำเลย ดำลงไปดูใต้น้ำได้ลึกๆ เลย เพราะว่ารู้วิธีการเตรียมลมหายใจ อันตรายใต้น้ำ และวิธีช่วยชีวิตเบื้องต้น
เรามาดูกันดีกว่าว่า Freediving ไม่ใช่แค่การกลั้นหายใจแล้วลงไปลึกๆ มันมีวิธีที่ช่วยให้อยู่ในน้ำได้นานขึ้น ลึกขึ้น ดำน้ำปลอดภัยมากขึ้น และที่สำคัญสนุกมากขึ้นค่ะ
เข้าใจวิธีการหายใจ
การเรียนวิธีหายใจสำหรับ Freediving เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณครูเลยสอนในห้องเรียน เป็นเรื่องแรกเลย การหายใจที่ดีสำหรับ Freediving ต่างจากการหายใจธรรมดาที่เราหายใจบนบก เพราะการหายใจสำหรับ Freediving คือเราต้องหายใจเพื่อการเก็บอากาศ เพราะเราจะต้องเก็บอากาศแล้วลงไปใต้น้ำนานๆ ดังนั้นเราต้องมีการเตรียมลมหายใจ เตรียมปอด และเตรียมตัวเองให้พร้อม
สิ่งที่คุณครูเน้นเลย คือการทำ Freediving เราต้องผ่อนคลาย ไม่กังวล เพราะถ้าเรายิ่งกังวล ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งคิดเยอะ สมองเราจะให้ออกซิเจนเยอะ แล้วทำให้อากาศเรายิ่งหมดเร็วนะจ๊ะ
การเตรียมลมหายใจในการ Freediving แบบกระชับๆ มีประมาณนี้
ขั้นที่ 1 Breath Up: หายใจยาวๆ เข้าท้อง 1 นาที 30 วิ เพื่อทำให้ตัวเราผ่อนคลาย เตรียมใจก่อนลง
ขั้นที่ 2 - Final Breath: หายใจเข้าท้องให้เต็ม แล้วเอาเข้าเพิ่มที่หน้าออกด้วย เอาลมเข้าไปให้เต็มปอดสุดๆ เพื่อให้ปอดเราขยาย เตรียมพร้อมรับอากาศ
ขั้นที่ 3 - Full Lung Final Breath: เมื่อเตรียมใจ และเตรียมปอดพร้อมแล้ว ก็หายใจเต็มปอดอีกครั้ง (อากาศครั้งนี้ใช้จริงแล้วนะ เก็บไปให้สุด)
DIVE! ฮึ้บอากาศ แล้วลงไปเลยจ้าาาา เอาให้นานที่สุดแล้วก็ขึ้นมา
Recovery Breath: งับอากาศเข้าปอด แล้ว hold ไว้สัก 3 วินาที เพื่อเพิ่ม ออกซิเจนให้ร่างกายหลังจากที่เราใช้ไปใต้น้ำ เพื่อเอาออกซิเจนที่เราใช้ไปใต้น้ำ
เราลองเองมากับตัวแล้วว่าการกลั้นหายใจแบบบ้านๆ ที่เราทำมากับการเตรียมลมหายใจแบบนี้ผลลัพท์ต่างกันมาก เมื่อก่อนเราลองกลั้นหายใจแล้วมุดหัวลงน้ำเราอยู่ได้มากสุดครึ่งนาที แต่พอลองเตรียมลมหายใจแบบ Freediving แล้วอยู่ใต้น้ำได้นาทีกว่าๆ เลย
ลงน้ำด้วยท่าที่ถูกต้อง
รูปแบบของ Freedive (Freedive Discipline) มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ในหลักสูตรเบื้องต้น ครูได้แนะนำ 2 แบบ นั่นก็คือ
การลงน้ำแบบไม่มีเชือกเรียกว่า Constant Weight (CTW) คือการที่เราเอาหัวมุดน้ำเหมือนเป็ด(duck dive) แล้วตีขาช่วยให้ลงไปได้ลึกๆ แบบไม่มีเชือกนี้ มีอิสระมากกว่า ดำไปแล้วเห็นอะไรมากกว่า ถ่ายรูปสวยกว่า
ถ้ามาดูกันค่ะ ว่าสาวๆ ลงน้ำพริ้วกันขนาดไหน
Free immersion (FIM) หรือการไต่เชือกลงไม่ตีขา คือการที่เรากลับหัวแล้วเอามือสาวเชือกลงไปเรื่อยๆ แบบนี้จะเน้นความเท่ และความลึก เพราะเมื่อเราไต่เชือกลงไป เราจะมีสมาธิมากขึ้น ทำให้เราลงไปได้ลึกขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเพราะเรามีสมาธิกับการลงลึกนั้นทำให้เราไม่ได้ดูวิวอะไรมาก แต่บอกเลยว่าเท่เบอร์แรง
เข้าใจอันตรายในการดำน้ำ Freediving
การดำน้ำทุกแบบมีความเสี่ยงต่ออันตรายอยู่แล้ว ทั้ง Scuba และ Freediving จึงทำให้ต้องมีการเรียนการสอน การออกบัตรนักดำน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าเราเข้าใจอันตรายที่จะเกิดขึ้นและเรารู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
ความอันตรายที่เกิดจาก Freediving หลักๆ มี 2 อย่างคือ Black Out กับ Lung Squeeze
Black Out คือการที่เราฝืนตัวเองกลั้นหายใจนานเกินไป ฝืนมากๆ จนภาพตัดเป็นสีดำ วิธีการช่วยคือบัดดี้ว่ายมาช่วยพาเราขึ้นจากน้ำ
Lung Squeeze คือการที่เราลงไปลึกเกินไป เกินกว่าความคุ้นเคยของปอดเรา เพราะในที่ลึกๆ อากาศจะถูกบีบมาก ถ้าเราไม่ฝึกปอดโดยค่อยๆ เพิ่มความลึกทีละน้อย ปอดอาจจะบีบมากๆ แล้วเป็นอันตรายได้ วิธีป้องกันคือค่อยๆ ฝึกให้ร่างกายชินกับความลึก
[CR] ☆*:.。. ไปเกาะเต่า เรียน Freediving เปิดโลกใหม่ด้วยลมหายใจเดียว .。.:*☆
สวัสดีอีกครั้งชาวพันทิป เราอันน่ารักแห่งชาวแก๊ง Gowithgu ห่างหายไปนานกับการเล่าประสบการณ์เที่ยวในพันทิป ครั้งนี้กลับมากับประสบการณ์โลกใต้น้ำใหม่ที่สนุกสุดมันไม่แพ้ครั้งก่อนๆ
ใครรักการพจญภัย ทั้งบนบกและใต้น้ำ ทั้งไทยและเทศ กด like Facebook Page Gowithgu ได้เลยยย
ถ้าคุณเลือกไม่ถูกว่าจะไปทะเลหรือเขา ให้มากับเราแล้วจะพาไปเขาและทะเล
#4teenpeenkhao #2taoteefin
ม่อนทูเล เตร็ดเตร่ ไปม่อนคลุย http://ppantip.com/topic/34878685
จิบเบียร์ ชมดาว ขับรถเลาะลาว ไป “สามพันโบก” http://ppantip.com/topic/34911201
ดำน้ำอ่าวไทย แค่ใกล้ๆเมืองประจวบ http://ppantip.com/topic/35000023
ปล่อยงาน ปล่อยใจ ไปพักกายที่... "เกาะเต่า" http://ppantip.com/topic/35749505
นอกจากประจวบ ชุมพร และเกาะเต่าตามรีวิวด้านบนแล้ว เราได้ดำน้ำอย่างบ้าคลั่งมาตลอดปีกว่าๆ จนดำน้ำลึกหรือ Scuba Diving มาครบ 100 ไดฟแล้วค่ะ เย่! ไม่ว่าจะเป็น พัทยา แสมสาร สิมิรัน กระบี่ โลซิน ใครอยากให้เรารีวิวที่ไหน คอมเม้นเลยนะคะ ต้องการกำลังใจการปั่นกระทู้พันทิปมากค่ะ
แล้วเราเพิ่งดำสกูบ้าครบ 100 ไดฟ ไป เย่! ดำน้ำติดๆ ถี่ๆ กันของเราทำให้เราเริ่มสนใจการดำน้ำอีกแบบหนึ่งที่คูลไม่แพ้สกูบ้าเลย นั่นคือการดำน้ำตัวเปล่าหรือ Freediving ตัวเปล่าแต่ไม่ตัวเปลือยนะจ๊ะ
เราเป็นคนชอบโลกใต้น้ำมาก ถ้าไม่ได้ดำน้ำก็จะชอบดูวีดีโอ ดูรูปใต้น้ำ เรียกได้ว่ามีความเสพติดโลกใต้ทะเล ในบรรดาวีดีโอโลกใต้น้ำสวยๆ เราก็จะเห็นการดำน้ำ Freediving ที่ดูแล้ว อื้อหือออ เท่สุดๆ เท่ระเบิดระเบ้อ เลยคิดว่าขอให้เราเท่ให้ได้ส่วนเสี้ยวหนึ่งของเขาละกัน
Freedive ลงหลุมลึกใต้ทะเล เท่แค่ไหนกัลลลลลล์
Freedive ลงหลุมลึกใต้ธารน้ำแข็งสุดคูลลลลล
การดำน้ำ Freediving คือการที่เราไม่ได้ใช้อากาศเลยระหว่างการดำ เรียกง่ายๆ คือการเก็บอากาศแล้วลงไปใต้น้ำลึกๆ คราวนี้ Freediving ก็แบ่งออกเป็น 2 แบบคือการดำน้ำแบบสันทนาการ ดำน้ำสนุกๆ เข้าใกล้โลกใต้น้ำมากขึ้น ส่วนแบบที่ 2 คือการดำน้ำเพื่อสร้างสถิติ การแข่งกับตัวเอง โดยแบบที่ 2 นี้จะเน้นให้ดำลงไปให้ลึก อยู่ให้นาน สนุกกับการสร้าง Record ใหม่ๆ
พอดีมีวันหยุด 3 วันมาเกาะเต่ากำลังสบายๆ เราก็เลยหาแก๊งไปเรียน Freediving ที่เกาะเต่า เลยชวน Nicole.Aloha นัก Freediving สุดสวย เพื่อนสมัยมัธยมไปด้วยละกัน เราจะได้รูปสวยๆ แบบนาง บ้าง
ระดับนิโคล ขึ้นน้ำยังแซ่บครัช
การเลือกร้านดำน้ำของเราง่ายมาก เราเลือกเรียนกับ Big Bubble Diving เพราะมีความสนิทสนมมาตั้งแต่เริ่มเรียนดำน้ำ Scuba พื้นฐานหลักสูตร Padi Open Water หลังจากเรียนจบไปปีกว่าๆ ก็ติดต่อกันเรื่อยๆ แอบมีความเป็นครอบครัวนักดำน้ำเบาๆ เรากลับไปดำน้ำเกาะเต่าบ้าง แล้วถ้าเรามีคำถาม หรือสงสัยอะไรเรื่องดำน้ำ Big Bubble ก็ให้คำปรึกษามาตลอด พอครั้งนี้เราอยากเรียน Freediving เราก็ทักไป Big Bubble ก็บอกมาสิที่นี่ก็สอน จองตั๋วรถทัวร์แล้วก็ไปเรียนเลยครัชชช
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Freediving ก็แค่การกลั้นหายใจลงน้ำ ทำไมต้องมีการเรียนการสอน ทำไมต้องออกบัตรนักดำน้ำ Freediving ด้วย ฮั่นแน่! หลอกขายของกันอีกหรือเปล่า?? เราตอบได้เลยว่า มาเรียนเถิดจะเกิดผล เพราะในการเรียนแค่ 2 วันสิ่งที่เราจะได้นั้นมีประโยชน์ต่อการน้ำจริงๆ
1.) เข้าใจวิธีการหายใจที่ทำให้เราสามารถเก็บอากาศได้นานมากขึ้น
2.) สามารถลงน้ำด้วยท่าที่ถูกต้อง
3.) เข้าใจอันตรายในการดำน้ำ Freediving
ใครๆ ก็สามารถเรียนดำน้ำ Freediving ได้ ไม่ว่าจะว่ายน้ำแข็ง หรือว่ายน้ำไม่แข็ง ขอเพียงแค่ใส่หน้ากาก (Mask) แล้วก็ตีนกบ (Fin) ไม่กลัวและไม่จมก็พอ สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เราแนะนำให้เรียน Skin Diving มาก่อน หรือว่าฝึกว่ายน้ำโดยใช้หน้ากากและตีนกบ เพื่อที่ตอนอยู่ผิวน้ำเตรียมการหายใจลงน้ำจะได้ไม่กังวล หรือว่าจากเรือว่ายน้ำไปที่ทุ่นจะได้ชิวๆ ว่ายน้ำไปดูประการังไปเพลินๆ
หรือจะดูเต่าเพลินๆ ก็ได้
ทริปนี้ตารางอัดแน่น ความสุขเต็มเปี่ยม
คืนวัน ศ.
ออกจากกทม. 3 ทุ่มตรง ที่ท่ารถลมพระยา วงเวียนบางลำพู ถนนข้าวสาร
วัน ส.
5.00 น. ถึงท่าเรือลมพระยา ชุมพร- จิบกาแฟชิวๆ พระอาทิตย์ขึ้น ดูฟ้าเปลี่ยนสี
7.00 น. นั่งเรือเร็วคาตามารันออกจากฝั่ง
9.00 น. ถึงเกาะเต่า - รถจาก Big Bubble มารับ
10.00 น. - 13.00 น. เรียนทฤษฎี Freediving
14.00 น. - 16.00 น. ฝึกปฏิบัติในอ่าวปิด
วัน อา.
9.00 น. ขึ้นเรือออกทะเล
09.30 น. - 12.00 น. ฝึกลงน้ำ และ สอบ PADI Freediving
13.00 น. - 17.00 น. พักผ่อน และดำน้ำลึก Scuba diving ต่ออีก 2 dives
วัน จ.
9.00 น. - 12.30 น. ดำน้ำ Scba 2 dives ที่ Sail Rock หรือ หินใบ
14.45 น. ขึ้นเรือลมพระยากลับ กทม.
24.00 น. ถึงวงเวียนบางลำพู ถ. ข้าวสาร
จบแล้ว!
มา 3 วันได้เรียน PADI Freediving แถมยังได้ดำ Scuba เล่นอีก 4 Dives ตารางแน่นนิดนึงสไตล์คนบ้าพลัง แต่มาเกาะเต่าครั้งนี้ คุ้มมากกกกก ฟินสุดๆ
เรามาดูกันก่อน PADI Freediving คืออะไร
PADI คือสถาบันออกบัตรดำน้ำ คือเขาจะออกแบบหลักสูตรการเรียนดำน้ำต่างๆ ตั้งแต่ Scuba, Freediving, Skin Diving และอื่นๆ เยอะมาก พอเราเรียนหลักสูตรนี้เสร็จ ก็มีการสอบเพื่อดูสิ เราสามารถทำตามมาตรฐานที่ PADI กำหนดได้หรือเปล่า ถ้าผ่านเราก็จะได้บัตรดำน้ำ เวลาไปดำน้ำเล่นที่ไหนไม่ว่าในไทยเองหรือต่างประเทศ เขาจะได้รู้ว่าเราดำน้ำเป็น สามารถดำน้ำลึกได้ หรือสามารถ Freediving ได้ ตัวเราเองบอกตามตรงว่ายึดติดกับ PADI บัตร scuba เราก็ PADI เราว่าหนังสือเขาทำดี อ่านง่าย ทำเรื่องยากให้เข้าใจง่าย เเล้วก็เป็นที่รู้จักของทุกคน ถึงแม้จะบัตรจะราคาแพงกว่าค่ายอื่นหน่อย แต่เราเชื่อใจในมาตรฐาน
Freediving คืออะไร
Freediving คือการลงน้ำโดยไม่ใช้ถังอากาศ ไม่ใช้ท่ออากาศ เก็บอากาศแล้วก็ลงน้ำไปเลยยยย หลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าเราไปดำน้ำสน้อกเกิ้ลเล่นเราก็กลั้นหายใจแล้วก็ลงไปเองก็ Freediving เหมือนกัน บอกเลยว่าไม่ใช่นะคะ เพราะว่าลงไปแบบนั้นไม่เก่งจริงลงได้ไม่ลึกค่ะ ไม่ก็ถ้าเก่งเกินไป หรือถ้าใครบ้าพลังลงไปเองคนเดียวลึกๆ มันอันตรายนะคะ เราแนะนำก่อนดีกว่าว่า Snorkel diving, skin diving และ Freediving ต่างกันยังไง
Snorkel Diving ใส่หน้ากาก ใส่ตีนกบ หายใจผ่านท่ออากาศ ลอยตัวดูปลาที่ผิวน้ำ
Skin Diving ใส่หน้ากาก ใส่ตีนกบ หายใจผ่านท่ออากาศ เหมือนกันแต่สามารถมุดๆ ผุดๆ ใต้น้ำได้ จึงทำให้ต้องเรียนวิธีไล่น้ำออกจากหน้ากากด้วย ไม่งั้นน้ำเข้าหน้ากากระหว่างดูปลาจะไม่สนุกนะคะ
Freediving ใส่หน้ากาก ใส่ตีนกบ หายใจผ่านท่อหรือหายใจที่ผิวน้ำเลย ดำลงไปดูใต้น้ำได้ลึกๆ เลย เพราะว่ารู้วิธีการเตรียมลมหายใจ อันตรายใต้น้ำ และวิธีช่วยชีวิตเบื้องต้น
เรามาดูกันดีกว่าว่า Freediving ไม่ใช่แค่การกลั้นหายใจแล้วลงไปลึกๆ มันมีวิธีที่ช่วยให้อยู่ในน้ำได้นานขึ้น ลึกขึ้น ดำน้ำปลอดภัยมากขึ้น และที่สำคัญสนุกมากขึ้นค่ะ
เข้าใจวิธีการหายใจ
การเรียนวิธีหายใจสำหรับ Freediving เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณครูเลยสอนในห้องเรียน เป็นเรื่องแรกเลย การหายใจที่ดีสำหรับ Freediving ต่างจากการหายใจธรรมดาที่เราหายใจบนบก เพราะการหายใจสำหรับ Freediving คือเราต้องหายใจเพื่อการเก็บอากาศ เพราะเราจะต้องเก็บอากาศแล้วลงไปใต้น้ำนานๆ ดังนั้นเราต้องมีการเตรียมลมหายใจ เตรียมปอด และเตรียมตัวเองให้พร้อม
สิ่งที่คุณครูเน้นเลย คือการทำ Freediving เราต้องผ่อนคลาย ไม่กังวล เพราะถ้าเรายิ่งกังวล ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งคิดเยอะ สมองเราจะให้ออกซิเจนเยอะ แล้วทำให้อากาศเรายิ่งหมดเร็วนะจ๊ะ
การเตรียมลมหายใจในการ Freediving แบบกระชับๆ มีประมาณนี้
ขั้นที่ 1 Breath Up: หายใจยาวๆ เข้าท้อง 1 นาที 30 วิ เพื่อทำให้ตัวเราผ่อนคลาย เตรียมใจก่อนลง
ขั้นที่ 2 - Final Breath: หายใจเข้าท้องให้เต็ม แล้วเอาเข้าเพิ่มที่หน้าออกด้วย เอาลมเข้าไปให้เต็มปอดสุดๆ เพื่อให้ปอดเราขยาย เตรียมพร้อมรับอากาศ
ขั้นที่ 3 - Full Lung Final Breath: เมื่อเตรียมใจ และเตรียมปอดพร้อมแล้ว ก็หายใจเต็มปอดอีกครั้ง (อากาศครั้งนี้ใช้จริงแล้วนะ เก็บไปให้สุด)
DIVE! ฮึ้บอากาศ แล้วลงไปเลยจ้าาาา เอาให้นานที่สุดแล้วก็ขึ้นมา
Recovery Breath: งับอากาศเข้าปอด แล้ว hold ไว้สัก 3 วินาที เพื่อเพิ่ม ออกซิเจนให้ร่างกายหลังจากที่เราใช้ไปใต้น้ำ เพื่อเอาออกซิเจนที่เราใช้ไปใต้น้ำ
เราลองเองมากับตัวแล้วว่าการกลั้นหายใจแบบบ้านๆ ที่เราทำมากับการเตรียมลมหายใจแบบนี้ผลลัพท์ต่างกันมาก เมื่อก่อนเราลองกลั้นหายใจแล้วมุดหัวลงน้ำเราอยู่ได้มากสุดครึ่งนาที แต่พอลองเตรียมลมหายใจแบบ Freediving แล้วอยู่ใต้น้ำได้นาทีกว่าๆ เลย
ลงน้ำด้วยท่าที่ถูกต้อง
รูปแบบของ Freedive (Freedive Discipline) มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ในหลักสูตรเบื้องต้น ครูได้แนะนำ 2 แบบ นั่นก็คือ
การลงน้ำแบบไม่มีเชือกเรียกว่า Constant Weight (CTW) คือการที่เราเอาหัวมุดน้ำเหมือนเป็ด(duck dive) แล้วตีขาช่วยให้ลงไปได้ลึกๆ แบบไม่มีเชือกนี้ มีอิสระมากกว่า ดำไปแล้วเห็นอะไรมากกว่า ถ่ายรูปสวยกว่า
ถ้ามาดูกันค่ะ ว่าสาวๆ ลงน้ำพริ้วกันขนาดไหน
Free immersion (FIM) หรือการไต่เชือกลงไม่ตีขา คือการที่เรากลับหัวแล้วเอามือสาวเชือกลงไปเรื่อยๆ แบบนี้จะเน้นความเท่ และความลึก เพราะเมื่อเราไต่เชือกลงไป เราจะมีสมาธิมากขึ้น ทำให้เราลงไปได้ลึกขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเพราะเรามีสมาธิกับการลงลึกนั้นทำให้เราไม่ได้ดูวิวอะไรมาก แต่บอกเลยว่าเท่เบอร์แรง
เข้าใจอันตรายในการดำน้ำ Freediving
การดำน้ำทุกแบบมีความเสี่ยงต่ออันตรายอยู่แล้ว ทั้ง Scuba และ Freediving จึงทำให้ต้องมีการเรียนการสอน การออกบัตรนักดำน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าเราเข้าใจอันตรายที่จะเกิดขึ้นและเรารู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
ความอันตรายที่เกิดจาก Freediving หลักๆ มี 2 อย่างคือ Black Out กับ Lung Squeeze
Black Out คือการที่เราฝืนตัวเองกลั้นหายใจนานเกินไป ฝืนมากๆ จนภาพตัดเป็นสีดำ วิธีการช่วยคือบัดดี้ว่ายมาช่วยพาเราขึ้นจากน้ำ
Lung Squeeze คือการที่เราลงไปลึกเกินไป เกินกว่าความคุ้นเคยของปอดเรา เพราะในที่ลึกๆ อากาศจะถูกบีบมาก ถ้าเราไม่ฝึกปอดโดยค่อยๆ เพิ่มความลึกทีละน้อย ปอดอาจจะบีบมากๆ แล้วเป็นอันตรายได้ วิธีป้องกันคือค่อยๆ ฝึกให้ร่างกายชินกับความลึก