เเชร์ประสบการณ์ เด็กอายุ 16 ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจนพูดได้ ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี!

สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้เเรกของผม (กระทู้เเรกที่มีสาระ 5555)
ผิดพลาดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะครับบบบบ ><
เเนะนำตัวคร่าวๆก่อนนะครับ ผมเป็นเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง ตอนนี้อายุ 16 ปี เกิดเเละโตในต่างจังหวัด เรียนโรงเรียนรัฐ คือเเบบว่าโรงเรียนไทยเลยครับ โรงเรียนประจำอำเภอธรรมดาๆนี่เเหละ สายวิทย์-คณิต ซึ่งเเทบจะไม่ได้เเตะต้องกับภาษาอังกฤษเลย เเละอีกอย่าง ผมเป็นเด็กวิทย์-คณิตที่โง่วิทย์ เเละคณิตมากครับ บอกเลย 555

ผมจะมาเเชร์ประสบการณ์พูดภาษาอังกฤษได้ โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี เอาจริงๆผมก็ไม่รู้ระยะเวลาจริงๆว่ากี่เดือน เเต่ต้องขอบอกว่าไม่ถึงหนึ่งปีจริงๆครับ เเละผมก็เพิ่งเริ่มฝึกภาษาอย่างจริงจังตอนปิดเทอม ม.4 (ปิดเทอมระยะสั้นๆนะครับ คือปิดภาคการศึกษาเเรกอะครับ เปิดมาก็ ม.4 เทอม2) ตอนนี้ ผมอยู่ ม.5 เเล้ว! จริงๆเเล้วก่อนหน้านั้น ผมไม่ได้ชอบภาษาอังกฤษเลย เเต่ก็ไม่ได้เกลียด ผมคิดว่าภาษาของผมตอนนั้นเเย่มาก ถึงเเม้ว่าตั้งเเต่ประถม มา ม.ต้น ผมจะทำคะเเนนได้ดีมาโดยตลอด เเต่ผมเพิ่งมารู้สึกตัวเองตอนขึ้น ม.ปลาย ว่าเเค่นี้มันยังไม่พอ! คือเราฟัง พูดอะไร จับใจความอะไรไม่ได้เลยตอนนั้น เรียงประโยคไม่เป็นเลย เวลาพูดนี้ก็ไม่ได้! ผมก็เลยคิดที่จะเริ่มฝึกภาษา เพราะตอนขึ้น ม.ปลาย มา ผมรู้สึกชอบอิ้งเเล้ว5555 เเต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง วันนั้นครับ ใกล้สอบกลางภาค ตอน ม.4 จะทบทวนวิชาชีวะ เลยเปิดไปดูคลิปในยูทูปของติวเตอร์พี่คนหนึ่งที่เป็นผู้หญิง สอนวิชาชีวะ รู้สึกว่าจะเป็นรายการ ตื่นมาติว ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ดูไปดูมาก็ไปสดุดกับคลิปนึงครับ คือว่าเป็นรายการเดียวกันนั้นเเหละ เเต่เป็นวิชาภาษาอังกฤษ โดยติวเตอร์ชื่อดัง นามว่า พี่ลูกกอล์ฟ! ผมก็เลยกดเข้าไปดูคลิปเเรก เเล้วก็เเบบ! พี่ลูกสอนสนุกมากกกกครับ! ได้ความรู้เยอะมาก! เเต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ "จุดเปลี่ยน" ครับ เรียกได้ว่าคำพูดของพี่ลูกในคลิปนั้นได้เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
ผมชอบทัศนคติของพี่ลูกกอล์ฟมาก เเละคำพูดที่เปลี่ยนชีวิตผมในวันนั้นคือ เกี่ยวกับการฟังครับ การฟังคือกุญเเจสำคัญในการฝึกภาษา Listening is the key
ในคลิปพี่ลูกกอล์ฟจะเเบ่งการฝึกภาษาออกเป็น 4 skills คือ listening speaking reading เเละก็ writing
ทักษะที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ การฟัง เพราะตอนเด็ก ก่อนเราจะพูดภาษาไทยได้ มันก็เกิดจากการฟังก่อน เราฟังพ่อ เเม่เราว่าเขาพูดอะไรบ้าง เเละเราก็ซึมซับมาเรื่อยๆจนเกิดเป็นทักษะการพูด พอเราพูดได้ เเล้วเข้าโรงเรียนเราจึงมาฝึกทักษะต่อไปคือการอ่าน เเละการเขียน หลังจากวันนั้นผมก็ติดตามพี่ลูกมาโดยตลอด เเละได้ดูคลิปประสบการณ์ชีวิตของพี่ลูกต่างๆ ทำให้ผมมีเเรงบันดาลใจในการฝึกภาษา สิ่งเเรกที่ผมทำคือ เปิดใจ ถ้าเราเปิดใจให้ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษก็จะเปิดประตูให้เรา ประตูเเห่งโอกาส! ผมเริ่มโดยการฝึกฟังครับ อยากบอกว่าผมไม่ได้ตั้งใจมากเท่าไหร่ ความรู้สึกท้อ ความรู้สึกกดดันในการฝึกเลยไม่ค่อยมี คือไปอย่างชิวๆ วันไหนอยากฟังก็ฟัง วันไหนไม่อยากก็ไม่ฟัง สายขี้เกียจที่เเท้ทรู 555555 ไม่ขนาดนั้นนะครับ จริงๆก็ฟังทุกวันเเหละ เเต่ถ้าเราขี้เกียจจะฟังอะไรเดิมๆ ผมก็จะหาสิ่งที่ตัวเองชอบมาฟัง คือตอนนั้นคิดว่า ยังไงในหนึ่งวันเราต้องฝังให้ได้เเหละ นิดๆหน่อยๆก็เอา ขอเเค่ได้ฟัง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลงต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษหมด ตอนเเรกที่ฝึกฟังคือผมจะฝึกฟังจากเว็บ VOA ไปๆมาขี้เกียจครับ! 5555 ผมเลยเปลี่ยนไปดูหนัง ดูซีรีย์เป็นภาษาอังกฤษเเทน เพราะผมชอบดูอยู่เเล้ว ทีนี้ก็หาฝรั่งคุยครับ ผมคุยจากเเอพ Skout เพื่อนเเนะนำมา เเต่เพื่อนบอกว่าเเอพนี้มีเเต่คนหยิ่ง เพื่อนนกจากเเอพนี้ตลอด ทักใครไม่ค่อยมีใครตอบ 5555 เเต่ผมโชคดีหรืออะไรก็ไม่รู้ครับ ผมกลับเจอเเต่คนอัธยาศัยดี ทักใครไปก็ตอบก็เล่นด้วยทุกคน เเล้วก็มีเเต่คนทักมาด้วย โชคดีไปอีกกกก! 555555 ทีนี้ด้วยความที่ฝรั่งชอบใช้ตัวย่อ เเสลงต่างๆ ส่งมาเเต่ละที ก็ต้องไปค้นกูเกิลดู ก็เลยชอบหาเเสลง สำนวนต่างๆมาใส่หัว อีกอย่างที่ผมทำคือ ศึกษา grammar ครับ คือไม่ได้ศึกษาไปงั้นๆนะครับ เเต่ผมชอบ เเละอยากใช้ภาษาอังกฤษเเบบถูกๆ ผมเลยหา grammar เรื่องนั้นเรื่องนี้อ่าน สังสัยว่าอะไรใช้ยังไงก็หา ฟังเพลงดูเนื้อเพลง ดูหนังซับอิ้ง อ่านโพสต์ฝรั่ง ฯลฯ เเล้วก็งงว่าทำไมอันนี้ใช้อย่างนี้ ก็เลยหา ไปๆมาจำ grammar ต่างๆได้ ใช้ได้อย่างถูกต้องโดยไม่รู้ตัว ซึ่งตอนเเรกงงมากๆ พอใช้บ่อยๆใช้ถูกตอนไหนก็ไม่รู้ จนถึงตอนนี้ก็ยังศึกษาเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ เพราะเราก็ยังไม่ได้เก่งขนาดนั้น ทีนี่ครับ ไปๆมาภาษาอังกฤษกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตั้งเเต่ตอนไหนไม่รู้ รอบตัวผมเป็นภาษาอังกฤษ ชอบเขียนอะไรเป็นภาษาอังกฤษ บางครั้งก็เขียน essay เล่น ชอบอ่าน หาอะไรเป็นภาษาอังกฤษ ดู หรือจะฟังอะไรเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย คือมีอยู่หลายช่วงเลยที่ฟังจนหลอนหู วนเวียนอยู่ในหัว อย่างดูหนังผมก็เอาซับออก ก็เเบบเห้ย! ทำไมฟังรู้เรื่อง! คือจริงๆผมไม่ได้รู้ศัพท์ทุกคำนะครับ เเต่ไม่รู้สิครับ มันฟังออกอะครับ ส่วนคำศัพท์ไหนที่ไม่รู้เราก็เดาจากบริบถเเละก็สถานการณ์ พอดูจบเราก็ค่อยไปค้นดูความหมาย เวลาจะหาคำศัพท์ไรงี้ ก็จะใช้พวก Oxford Dic หรือดิก ที่ เเปล Eng - Eng เเล้วก็ดูว่าศัพท์นั้นๆทำหน้าที่เป็นอะไร ใช้สถานการณ์ไหน สิ่งที่ได้อีกก็คือ synonyms ของศัพท์นั้นๆอีกมากมาย เเล้วคลังศัพท์ก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำได้โดยไม่ต้องท่องจำซ้ำๆ เวลาจะท่องศัพท์ ผมจะท่องเเบบนี้ครับ คืออย่างเช่นคำว่า disgusting ผมก็จะนึกถึง อะไรที่น่าเกลียด สิ่งที่เราเกลียด ผมเกลียดเเมงมุม ผมเลยนึกถึงเเมงมุม เเล้วพูดออกมาว่า disgusting เเละก็อาจจะเเต่งประโยคประมาณว่า Spiders are disgusting อีกสิ่งที่ผมชอบทำเเละรู้สึกว่ายากคือ การออกเสียงครับ 5555 ชอบฟังเสียงของศัพท์นั้นๆเเล้วออกเสียงตาม ผมคิดว่าการออกเสียงสำคัญกว่าสำเนียง ถ้าเราออกเสียงได้ถูกเเล้ว เดี๋ยวเวลาคุย อยู่กับฝรั่งนานๆสำเนียงก็คงจะได้เองละมั้ง 5555 อีกอย่างคือ สำหรับผม ผมคิดว่า ภาษาอังกฤษมีหลายสำเนียงมากกกก เเต่ละพื้นที่ก็จะมีสำเนียงต่างๆออกไปอีก ซึ่งมันสำหรับผม ไม่ว่าจะสำเนียงไหน หรือจะ Thai accent มันโอเคหมด อีกอย่างที่ชอบทำคือชอบพูดคนเดียว พูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน เช่นตอนอาบน้ำ อาจจะคิดว่าตัวเองเป็นประธานาธิบดี เเล้วก็พูดเรื่องนโยบายต่างๆไปเรื่อย คือจะมโนว่ามีคนถามเราเเบบนี้ ตั้งคำถามกับเราเเบบนี้นะ ให้หัวข้อมา เเล้วผมก็จะพูดๆๆๆ ตอบไป 5555

เเละปัจจุบัน (ม.5) ผมมีเพื่อนฝรั่งที่ถูกคอกันมากหลายคนเลย ก็คุยกันทุกวัน วีดีโอคอลหากัน คุยกันบ่อยมาก ไปไหนก็เข้าหาเเต่ฝรั่ง กลายเป็นคนอัธยาศัยดีต่อชาวต่างชาติโดยไม่รู้ตัว 55555 จริงๆคือผมขี้อายมากกับคนไทย อยากบอกว่าเราฟัง/พูด ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าเเต่ก่อนโดยไม่รู้ตัวเลยจริงๆครับ! เริ่มมาตระหนักรู้ตอนที่ฝันเป็นภาษาอังกฤษ ทีนี้ก็มีเพื่อนที่เป็นฝรั่งอยู่ไทย มีรุ่นน้อง หรือมีเพื่อนที่เรียนอินเตอร์ ก็ไปเที่ยวด้วยกัน คุยกันทุกวัน นั้นเเหละครับ ตอนนี้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปเเล้ว

สุดท้ายนี้ต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้าอ่านเเล้วอาจจะงงๆ เพราะผมเขียนไม่ค่อยรู้เรื่อง 5555 เเละก็ลัดไปค่อนข้างเยอะ เเต่ผมอยากบอกว่า จริงๆเเล้ว ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งภาษาอังกฤษ หรือพูดอิ้งได้ดี ผมยังต้องฝึกอีกเยอะ เเละตอนนี้ก็ฝึกอยู่เรื่อยๆ เเต่ผมในตอนนี้ไม่มีปัญหาในการสื่อสารในชีวิตประจำเป็นภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ ไม่มีปัญหาในการสื่อสารกับเพื่อนฝรั่ง 5555 ซึ่งผมรู้สึกดีมาก เพราะผมฝึกอิ้งด้วยตัวเองจนทำให้ทักษะทางด้านภาษาของผมดีกว่าเมื่อก่อน เเละอีกอย่าง ถ้าเราต้องการจะทำอะไรจริงๆ มันไม่นานหรอกครับ ไม่นานเลย ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ นอกจากเราไม่ทำ ภาษาอังกฤษนำโอกาส เเละสิ่งดีๆต่างๆมาให้ผมมาก เเละตอนนี้ผมก็มีเเพลนว่าจะไปเรียนต่อที่ UK เพื่อพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
เวลาที่เราฝึกอะครับ ให้ฝึกอย่างถูกต้องมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เเต่เวลาที่เรากำลังสื่อสาร หรือใช้งานจริงๆอะครับ เพียงเเค่ปล่อยมันไป! ผิดถูกยังไงช่างมัน เราผิดตลอดเวลาเเหละ เเต่เราเรียนรู้จากมัน ตอนเราพูดไทย เราก็ยังพูดผิดบ้างเลย นั้นทำให้เราหยุดพูดภาษาไทยไหม? ก็ไม่! เเล้วทำไมถ้าเราพูดผิดในภาษาอังกฤษ เราจะต้องหยุดพูดภาษาอังกฤษด้วย When you're practicing English try to speak as correctly as possible. But when you're communicating with people. Just let it go!
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่