อันที่จริงผมไม่อยากเข้าไปยุ่งกับธุรกิจสายนี้หรอกนะ ใครจะรวย ใครจะหลอกใคร ก็ปล่อยให้เป็นไป ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาก็ไม่ใช่อยากเป็นฮีโร่มากอบกู้ ทวงความถูกต้องให้ใคร แต่เป็นเพราะมันเริ่มคุกคามชีวิตผมและคนใกล้ตัวผม มันทำให้คนใกล้ตัวผมเริ่มเข้ามาก้าวก่ายชีวิต การงานของผม เอาชีวิตผมไปเปรียบกับว่าการเป็นอยู่แบบเก่า ทำงานบริษัทเป็นเรื่องโง่เขลาหากไม่เปิดใจรับทำธุรกิจขายตรง ซ้ำร้ายยังมีสร้างสื่อวีดีโอ ถึงขั้นมองว่าชีวิตคนปัจจุบันมันเลวร้ายขนาดไหน ทำไมยังโง่เป็นแบบเดิมๆ
กระทู้นี้จะไม่ย้อนไปถึงรายละเอียดกระบวนการหลอกคนให้เข้าไปอย่างไร เพราะผมเห็นมีกระทู้แนวนี้ให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ.
ผมไม่อยากคุกคามอาชีพใคร แต่พวกนั้นคุกคามผมก่อน ในเมื่ออยากผมให้ศึกษาเรื่องขายตรง ผมก็จะทำให้ดู ฝากบอกบรรดาสาวกขายตรงทั้งหลาย อย่าใช้คำยอดฮิตที่ว่า “ อย่าไปฟังคนอื่น ให้เข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง” ให้รู้ไว้ว่า ผมเอง ศึกษามาก่อนที่พวกคุณบางคนจะเข้ามาทำอีก ศึกษาจากขายตรงหลายๆที่ด้วย แต่การศึกษาของผมทำอย่างมีสติ ไม่มีใครมานั่งกรอกหูล้างสมอง ไม่มีใครมานั่งเพ้อเจ้อความร่ำรวยรายได้เดือนละเป็นล้าน ในการศึกษาของผม ไม่ได้มองแค่ว่าจะได้ผลประโยชน์อะไร แต่มองย้อนกลับไปด้วยว่าเสียอะไร แก่นแท้ของรายได้มาจากไหน
ขายตรงเป็นแนวความคิดที่เกิดมาหลายสิบปีแล้วในต่างประเทศ หากคุณสามารถคิดค้น ผลิตสินค้าเจ๋งๆขึ้นมาชิ้นหนึ่ง อยากมาวางตลาด แต่เพื่อลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องมีหน้าร้านค้า ค่าโฆษณา ค่าขนส่ง ก็เอามาทำเป็นขายตรง โดยให้ผู้ซื้อใช้แล้วบอกต่อ เพิ่มยอดขาย เอาค่าใช้จ่ายส่วนที่เคยต้องใช้เป็นต้นทุนร้าน โฆษณา ค่าขนส่ง มาแบ่งให้ผู้ขายตรงแทน ยอมรับว่าแนวคิดแบบนี้ทำเป็นอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อีกอาชีพหนึ่งเลย และรวยได้หากแต่ว่าต้องใช้เวลาในการขยายกลุ่มผู้ใช้ที่เราบอกต่อ และการส่งเสริมให้มีการบอกต่อนี่เอง
ทำให้เกิดการคิดระบบผลตอบแทนจูงใจ จนเกิดเป็นระบบ MLM ขึ้นมานั่นเอง
เนื้อแท้ของธุรกิจ คือมีสินค้าที่ใช้ได้จริง ราคาสมเหตุสมผล การลดต้นทุนจากค่าใช้จ่ายหน้าร้าน โฆษณา ค่าขนส่ง เปลี่ยนมาเป็นผลตอบแทนให้ผู้ขายตรง ราคาสินค้าก็ควรจะอยู่ในเกณฑ์เดียวกับสินค้าทั่วไปในตลาด หรืออาจสูงกว่าต่ำกว่าบ้างเล็กน้อย ก็ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะเฉพาะของสินค้าตัวนั้น แนวทางนี้ ความร่ำรวย มั่นคง เกิดขึ้นได้แน่นอน แต่มาจากการใช้ระยะเวลาและความอุตสาหะ ในการทำเหมือนทำงานอื่นๆนั่นแหละ
แล้วขายตรงใน บ้านเรา ขายอะไร?
เมื่อคิดจะทำขายตรง สินค้าส่วนใหญ่ที่ถูกเลือกมาทำจะมีลักษณะแบบนี้
- สินค้าที่ไม่เคยมีในท้องตลาด เพราะจะได้ลดข้อโต้แย้งด้วยการเอามาเปรียบเทียบกับสินค้าทั่วไปทั้งด้านราคาและคุณภาพ หรือหากเป็นสินค้าชนิดเดียวกับสินค้าทั่วไปในตลาด ต้องแตกต่าง มาจากการคิดค้นใหม่ครั้งแรกในโลก ที่คนทั่วไปทั้งหลายไม่เคยคิดมาก่อน อัจฉริยะสุดๆครับ
- สินค้าส่วนใหญ่ พิสูจน์คำกล่าวอ้าง เรื่องคุณภาพอันเลิศเลอนั้นยาก ส่วนหนึ่งมาจากไม่มีตัวเปรียบเทียบ อีกส่วนหนึ่งคือคุณภาพ ถูกวัดเอาจากความรู้สึกผู้ใช้ (ซึ่งส่วนใหญ่ “ผู้ใช้. ก็คือผู้ที่หลวมตัวเข้าไปทำธุรกิจเองนั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็ต้องบอกว่ามันดีสุดยอด)
- คุณภาพงานวิจัยสินค้าระดับโลกอย่างที่ว่า อาจเป็นพวกอาหารเสริม เครื่องสำอาง เครื่องดื่ม หรือยาอะไรก็ตาม ที่รักษาได้เกือบทุกโรค โรคสำคัญๆทั้งนั้น ทั้งๆที่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งๆ ในโลกนี้ยังคิดไม่ออกเลย แบบนี้เราน่าจะลดทุนวิจัย ทุบโรงพยาบาล มาสร้างโรงงานผลิตสินค้าพวกนี้ดีไหม หรือสินค้าบางอย่าง จุดประสงค์ใช้อย่างหนึ่ง แต่มีคุณสมบัติพิเศษเอาไปใช้อีกแบบที่ต่างกันสุดขั้ว แถมยังใช้ได้มีคุณภาพซะด้วย.
- ราคาแพงกว่าสินค้าทั่วไปในตลาด 2-3 เท่า เป็นอย่างน้อย เอาง่ายๆ ถ้าคุณไม่ได้ทำธุรกิจนี้เอง และเดินไปเจอสินค้าตัวนี้ด้วยราคาที่เห็น ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากซื้อโดยสมัครใจแน่นอน คนที่ซื้อสินค้านี้ส่วนใหญ่ ซื้อเพราะความจำใจเพราะตัวเองทำขายตรงตัวนี้ ต้องซื้อเพื่อทำยอดขายให้ได้ตามเป้า ผิดจากแนวคิดการขายตรงที่ต้องลดต้นทุนเอามาจ่ายให้ผู้ทำธุรกิจ สินค้าจึงควรมีราคายุติธรรมกว่านี้(หรือหากมีสินค้าบางอย่างราคาใกล้เคียงท้องตลาด แต่คุณจะได้ Point ต่ำมาก หรือไม่ได้เลย)
- มักจะมีการสาธิตโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆ(แต่ผิดสมมุติฐาน) ให้คนที่ไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสินค้านี้ดีจริงๆ และเอาสินค้าทั่วไปมาทดลองแบบผิดๆ ทำให้เห็นผลไม่ดี.
มีหลากหลายช่องทางที่เข้ามาโกหก หลอกลวง เพื่อหาคนทำธุรกิจ โดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ ผมกล้าใช้คำว่าโกหกหลอกลวงเพราะเป็นแบบนั้นจริงๆ ทำไมไม่มีหน่วยงานไหนมากำกับควบคุมเลย
คุณเคยเห็นโฆษณาทำนองนี้ไหม
- ทำงานที่บ้าน วันละ 2-3 ชั่วโมง แค่มีอินเตอร์เนต รายได้ 2,000-10,000 บาทต่อวัน (หรือบางที บอกเป็นรายเดือน)
- รับสมัครคนคีย์ออเดอร์ คอนเฟิร์มออแดอร์ รายได้ดี
- รับเจ้าหน้าที่เช็คต๊อกสินค้า
มีอีกมากมาย แล้วแต่คนที่หลอก มันจะคิดคำพูดออก
หลังจากมีผู้สมัครเข้าไป และเมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่าคือขายตรง สิ่งหนึ่งพวกขายตรงจะปกป้องตัวเองสุดฤทธิ์ “เราไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ เพราะแชร์ลูกโซ่ไม่มีสินค้าในระบบ แต่ของเรามี.” ก็ลองเลื่อนกลับไปดูหัวข้อที่กล่าวมาข้างต้นนะครับ สินค้าที่อุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อแค่จะให้ดูว่าต่างกับแชร์ลูกโซ่นั่นนะ มันสมควรเรียกว่าสินค้าไหม.
ทุกๆการสัมมนา บรรยายทางธุรกิจ วนเวียน มุ่งเน้นอยู่กับรายได้มหาศาล แผนธุรกิจอันสวยหรู ถ้าคุณได้ตามนั้น มีเงินใช้ไปถึงชาติหน้ายังไม่รู้จะหมดหรือเปล่า ในเมื่อโฆษณากันนัก เรื่องแผนรายได้ มีตั้งแต่ 4 ช่องทาง 5 ช่องทาง ยิ่งตำแหน่งใหญ่ๆ มีมากกว่านั้นอีก
ถ้าอย่างนั้นมาดูกัน มาผ่าแผนรายได้กันเลย แต่ผมจะดูแค่ช่องทางเดียวจากอัตราที่จ่ายให้กับสมาชิกระดับต่ำสุดด้วย การดูของผมไม่ได้ดูแค่ว่าจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร ผมจะดูด้วยว่า เงินทั้งระบบ เมื่อเข้าไปแล้ว มันไปไหนบ้าง เหลือเงินที่เป็นมูลค่าของสินค้าอยู่เท่าไร โดยทั้งหมดที่ผมจะกล่าวต่อไปอยู่บนพื้นฐานความจริง 3 ข้อดังนี้
1. ดูจากรายได้จากการหาสมาชิกเพิ่มเพียงช่องทางเดียว แต่ในความเป็นจริง จริงๆแล้วสมาชิกจะได้รับมากกว่า 4 ช่องทาง ซึ่งแค่ช่องทางเดียวนี้ ถ้าเรารู้ว่า สมมุติมูลค่าเงิน 100 บาทที่จ่ายกัน มันจะไปอยู่ตรงไหน เหลือมูลค่าสินค้าเท่าไร และเมื่อเอาไปคิดหักลบกับรายได้จากช่องทางที่ไม่ได้พูดถึง มูลค่าเงินที่จ่ายไปจะยิ่งลดน้อยลงไปอีกแค่ไหน
2. ปกติสมาชิกระดับเริ่มต้นจะมีรายได้ ตามลำดับชั้นไม่มาก ในตัวอย่างนี้ผมคิดแค่ 4 ชั้น ในขายตรงบางที่อาจมีระดับชั้นน้อยกว่านี้ (เพื่อหลีกเลี่ยงคำว่า แชร์ลูกโซ่ นั่นแหละ)แต่ก็มีวิธีคำนวณจ่ายผลตอบแทนอย่างอื่น จนผลลัพธ์ไม่ได้หนีกันมาก นอกจากนี้ สมาชิกที่จ่ายเงินซื้อตำแหน่งสูงๆ จะได้รับผลตอบแทนลึกลงไปหลายระดับชั้นมาก ความหมายในข้อนี้จะบอกว่า นี่แค่ขั้นต่ำสุดแล้ว ที่เงินถูกแบ่งออกไปยังเยอะขนาดนี้
3. ตัวเลขที่สมมุติขึ้น หลัก 10,000, 20,000 …. เพื่อให้คำนวณง่าย แต่อัตราผลตอบแทน และโครงสร้าง เอามาจากลักษณะจริงของขายตรงที่กำลังเป็นอยู่ ประเด็นหลัก อยากให้มองที่
อัตราส่วนเงินลงทุน กับเงินที่เอาไปจ่ายกินค่าหัวกันมากกว่า
ผมไมได้เหมารวมว่าทุกเครือข่ายขายตรงเป็นแบบนี้ อาจจะมีแบบดีๆ ที่เป็นไปตามแนวคิดดั้งเดิม แต่ผมกำลังกล่าวถึงขายตรงส่วนใหญ่ที่ผมเจอ.
ต่อใน comment นะครับ....
ขายตรง MLM หรือ แชร์ลูกโซ่ ความเหมือนที่ถูกบิดเบือนด้วยความร่ำรวย Passive Income.
กระทู้นี้จะไม่ย้อนไปถึงรายละเอียดกระบวนการหลอกคนให้เข้าไปอย่างไร เพราะผมเห็นมีกระทู้แนวนี้ให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ.
ผมไม่อยากคุกคามอาชีพใคร แต่พวกนั้นคุกคามผมก่อน ในเมื่ออยากผมให้ศึกษาเรื่องขายตรง ผมก็จะทำให้ดู ฝากบอกบรรดาสาวกขายตรงทั้งหลาย อย่าใช้คำยอดฮิตที่ว่า “ อย่าไปฟังคนอื่น ให้เข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง” ให้รู้ไว้ว่า ผมเอง ศึกษามาก่อนที่พวกคุณบางคนจะเข้ามาทำอีก ศึกษาจากขายตรงหลายๆที่ด้วย แต่การศึกษาของผมทำอย่างมีสติ ไม่มีใครมานั่งกรอกหูล้างสมอง ไม่มีใครมานั่งเพ้อเจ้อความร่ำรวยรายได้เดือนละเป็นล้าน ในการศึกษาของผม ไม่ได้มองแค่ว่าจะได้ผลประโยชน์อะไร แต่มองย้อนกลับไปด้วยว่าเสียอะไร แก่นแท้ของรายได้มาจากไหน
ขายตรงเป็นแนวความคิดที่เกิดมาหลายสิบปีแล้วในต่างประเทศ หากคุณสามารถคิดค้น ผลิตสินค้าเจ๋งๆขึ้นมาชิ้นหนึ่ง อยากมาวางตลาด แต่เพื่อลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องมีหน้าร้านค้า ค่าโฆษณา ค่าขนส่ง ก็เอามาทำเป็นขายตรง โดยให้ผู้ซื้อใช้แล้วบอกต่อ เพิ่มยอดขาย เอาค่าใช้จ่ายส่วนที่เคยต้องใช้เป็นต้นทุนร้าน โฆษณา ค่าขนส่ง มาแบ่งให้ผู้ขายตรงแทน ยอมรับว่าแนวคิดแบบนี้ทำเป็นอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อีกอาชีพหนึ่งเลย และรวยได้หากแต่ว่าต้องใช้เวลาในการขยายกลุ่มผู้ใช้ที่เราบอกต่อ และการส่งเสริมให้มีการบอกต่อนี่เอง
ทำให้เกิดการคิดระบบผลตอบแทนจูงใจ จนเกิดเป็นระบบ MLM ขึ้นมานั่นเอง
เนื้อแท้ของธุรกิจ คือมีสินค้าที่ใช้ได้จริง ราคาสมเหตุสมผล การลดต้นทุนจากค่าใช้จ่ายหน้าร้าน โฆษณา ค่าขนส่ง เปลี่ยนมาเป็นผลตอบแทนให้ผู้ขายตรง ราคาสินค้าก็ควรจะอยู่ในเกณฑ์เดียวกับสินค้าทั่วไปในตลาด หรืออาจสูงกว่าต่ำกว่าบ้างเล็กน้อย ก็ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะเฉพาะของสินค้าตัวนั้น แนวทางนี้ ความร่ำรวย มั่นคง เกิดขึ้นได้แน่นอน แต่มาจากการใช้ระยะเวลาและความอุตสาหะ ในการทำเหมือนทำงานอื่นๆนั่นแหละ
แล้วขายตรงใน บ้านเรา ขายอะไร?
เมื่อคิดจะทำขายตรง สินค้าส่วนใหญ่ที่ถูกเลือกมาทำจะมีลักษณะแบบนี้
- สินค้าที่ไม่เคยมีในท้องตลาด เพราะจะได้ลดข้อโต้แย้งด้วยการเอามาเปรียบเทียบกับสินค้าทั่วไปทั้งด้านราคาและคุณภาพ หรือหากเป็นสินค้าชนิดเดียวกับสินค้าทั่วไปในตลาด ต้องแตกต่าง มาจากการคิดค้นใหม่ครั้งแรกในโลก ที่คนทั่วไปทั้งหลายไม่เคยคิดมาก่อน อัจฉริยะสุดๆครับ
- สินค้าส่วนใหญ่ พิสูจน์คำกล่าวอ้าง เรื่องคุณภาพอันเลิศเลอนั้นยาก ส่วนหนึ่งมาจากไม่มีตัวเปรียบเทียบ อีกส่วนหนึ่งคือคุณภาพ ถูกวัดเอาจากความรู้สึกผู้ใช้ (ซึ่งส่วนใหญ่ “ผู้ใช้. ก็คือผู้ที่หลวมตัวเข้าไปทำธุรกิจเองนั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็ต้องบอกว่ามันดีสุดยอด)
- คุณภาพงานวิจัยสินค้าระดับโลกอย่างที่ว่า อาจเป็นพวกอาหารเสริม เครื่องสำอาง เครื่องดื่ม หรือยาอะไรก็ตาม ที่รักษาได้เกือบทุกโรค โรคสำคัญๆทั้งนั้น ทั้งๆที่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งๆ ในโลกนี้ยังคิดไม่ออกเลย แบบนี้เราน่าจะลดทุนวิจัย ทุบโรงพยาบาล มาสร้างโรงงานผลิตสินค้าพวกนี้ดีไหม หรือสินค้าบางอย่าง จุดประสงค์ใช้อย่างหนึ่ง แต่มีคุณสมบัติพิเศษเอาไปใช้อีกแบบที่ต่างกันสุดขั้ว แถมยังใช้ได้มีคุณภาพซะด้วย.
- ราคาแพงกว่าสินค้าทั่วไปในตลาด 2-3 เท่า เป็นอย่างน้อย เอาง่ายๆ ถ้าคุณไม่ได้ทำธุรกิจนี้เอง และเดินไปเจอสินค้าตัวนี้ด้วยราคาที่เห็น ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากซื้อโดยสมัครใจแน่นอน คนที่ซื้อสินค้านี้ส่วนใหญ่ ซื้อเพราะความจำใจเพราะตัวเองทำขายตรงตัวนี้ ต้องซื้อเพื่อทำยอดขายให้ได้ตามเป้า ผิดจากแนวคิดการขายตรงที่ต้องลดต้นทุนเอามาจ่ายให้ผู้ทำธุรกิจ สินค้าจึงควรมีราคายุติธรรมกว่านี้(หรือหากมีสินค้าบางอย่างราคาใกล้เคียงท้องตลาด แต่คุณจะได้ Point ต่ำมาก หรือไม่ได้เลย)
- มักจะมีการสาธิตโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆ(แต่ผิดสมมุติฐาน) ให้คนที่ไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสินค้านี้ดีจริงๆ และเอาสินค้าทั่วไปมาทดลองแบบผิดๆ ทำให้เห็นผลไม่ดี.
มีหลากหลายช่องทางที่เข้ามาโกหก หลอกลวง เพื่อหาคนทำธุรกิจ โดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ ผมกล้าใช้คำว่าโกหกหลอกลวงเพราะเป็นแบบนั้นจริงๆ ทำไมไม่มีหน่วยงานไหนมากำกับควบคุมเลย
คุณเคยเห็นโฆษณาทำนองนี้ไหม
- ทำงานที่บ้าน วันละ 2-3 ชั่วโมง แค่มีอินเตอร์เนต รายได้ 2,000-10,000 บาทต่อวัน (หรือบางที บอกเป็นรายเดือน)
- รับสมัครคนคีย์ออเดอร์ คอนเฟิร์มออแดอร์ รายได้ดี
- รับเจ้าหน้าที่เช็คต๊อกสินค้า
มีอีกมากมาย แล้วแต่คนที่หลอก มันจะคิดคำพูดออก
หลังจากมีผู้สมัครเข้าไป และเมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่าคือขายตรง สิ่งหนึ่งพวกขายตรงจะปกป้องตัวเองสุดฤทธิ์ “เราไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ เพราะแชร์ลูกโซ่ไม่มีสินค้าในระบบ แต่ของเรามี.” ก็ลองเลื่อนกลับไปดูหัวข้อที่กล่าวมาข้างต้นนะครับ สินค้าที่อุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อแค่จะให้ดูว่าต่างกับแชร์ลูกโซ่นั่นนะ มันสมควรเรียกว่าสินค้าไหม.
ทุกๆการสัมมนา บรรยายทางธุรกิจ วนเวียน มุ่งเน้นอยู่กับรายได้มหาศาล แผนธุรกิจอันสวยหรู ถ้าคุณได้ตามนั้น มีเงินใช้ไปถึงชาติหน้ายังไม่รู้จะหมดหรือเปล่า ในเมื่อโฆษณากันนัก เรื่องแผนรายได้ มีตั้งแต่ 4 ช่องทาง 5 ช่องทาง ยิ่งตำแหน่งใหญ่ๆ มีมากกว่านั้นอีก
ถ้าอย่างนั้นมาดูกัน มาผ่าแผนรายได้กันเลย แต่ผมจะดูแค่ช่องทางเดียวจากอัตราที่จ่ายให้กับสมาชิกระดับต่ำสุดด้วย การดูของผมไม่ได้ดูแค่ว่าจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร ผมจะดูด้วยว่า เงินทั้งระบบ เมื่อเข้าไปแล้ว มันไปไหนบ้าง เหลือเงินที่เป็นมูลค่าของสินค้าอยู่เท่าไร โดยทั้งหมดที่ผมจะกล่าวต่อไปอยู่บนพื้นฐานความจริง 3 ข้อดังนี้
1. ดูจากรายได้จากการหาสมาชิกเพิ่มเพียงช่องทางเดียว แต่ในความเป็นจริง จริงๆแล้วสมาชิกจะได้รับมากกว่า 4 ช่องทาง ซึ่งแค่ช่องทางเดียวนี้ ถ้าเรารู้ว่า สมมุติมูลค่าเงิน 100 บาทที่จ่ายกัน มันจะไปอยู่ตรงไหน เหลือมูลค่าสินค้าเท่าไร และเมื่อเอาไปคิดหักลบกับรายได้จากช่องทางที่ไม่ได้พูดถึง มูลค่าเงินที่จ่ายไปจะยิ่งลดน้อยลงไปอีกแค่ไหน
2. ปกติสมาชิกระดับเริ่มต้นจะมีรายได้ ตามลำดับชั้นไม่มาก ในตัวอย่างนี้ผมคิดแค่ 4 ชั้น ในขายตรงบางที่อาจมีระดับชั้นน้อยกว่านี้ (เพื่อหลีกเลี่ยงคำว่า แชร์ลูกโซ่ นั่นแหละ)แต่ก็มีวิธีคำนวณจ่ายผลตอบแทนอย่างอื่น จนผลลัพธ์ไม่ได้หนีกันมาก นอกจากนี้ สมาชิกที่จ่ายเงินซื้อตำแหน่งสูงๆ จะได้รับผลตอบแทนลึกลงไปหลายระดับชั้นมาก ความหมายในข้อนี้จะบอกว่า นี่แค่ขั้นต่ำสุดแล้ว ที่เงินถูกแบ่งออกไปยังเยอะขนาดนี้
3. ตัวเลขที่สมมุติขึ้น หลัก 10,000, 20,000 …. เพื่อให้คำนวณง่าย แต่อัตราผลตอบแทน และโครงสร้าง เอามาจากลักษณะจริงของขายตรงที่กำลังเป็นอยู่ ประเด็นหลัก อยากให้มองที่อัตราส่วนเงินลงทุน กับเงินที่เอาไปจ่ายกินค่าหัวกันมากกว่า
ผมไมได้เหมารวมว่าทุกเครือข่ายขายตรงเป็นแบบนี้ อาจจะมีแบบดีๆ ที่เป็นไปตามแนวคิดดั้งเดิม แต่ผมกำลังกล่าวถึงขายตรงส่วนใหญ่ที่ผมเจอ.
ต่อใน comment นะครับ....