I Am Not Your Negro (Raoul Peck, 2016)
By Form Corleone
"สารคดีที่สามารถพาเราไปสัมผัสและเข้าถึงความรุนแรงของการเหยียดสีผิวในสังคมอเมริกาได้อย่างทรงพลัง" I Am Not Your Negro เป็นภาพยนตร์สารคดีที่เข้าชิงรางวัลออสก้าเมื่อปีที่ผ่านมา ในที่นี้ต้องขอบคุณทาง 'Documentary Club' ที่เอาหนังสารคดีเรื่องนี้มาฉายในบ้านเรา แม้บริบทของคนไทยกับคนอเมริกันจะแตกต่างกันแต่เนื้อหาของหนังนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อความรู้สึกได้ในระดับที่ดีมากรวมทั้งยังทรงพลังและไม่แปลกใจที่สารคดีเรื่องนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสารคดีที่ดีที่สุดของปีที่ผ่านมา โดยเนื้องานของสารคดีนั้นมาจากงานเขียนของ 'เจมส์ บาลด์วิน' นักเขียนและนักต่อสู้เสรีภาพเรื่องการแบ่งแยกสีผิว ด้วยข้อความที่เขาเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า 'จดหมายบันทึกความทรงจำถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่ผมทั้งรักทั้งชัง' ตัวสารคดีถูกบรรยายด้วยน้ำเสียงของ 'แซมวล แอล แจ็คสัน' ที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้ลุ่มลึกแฝงไปด้วยเสน่ห์ผนวกรวมกับภาพฟุตเทจของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของการเรียกร้องเสรีภาพให้คนผิวสีสามคนคือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, มัลคอล์ม เอ็กซ์, เม็ดการ์ เอเวอร์ส บอกเล่าตัดสลับเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนที่ทั้งสามคนจะถูกลอบยิงเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ความพิเศษในความตลกร้ายของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ที่เราชอบมากๆ คือตลอดระยะเวลาที่หนังดำเนินไปนั้นจะมีการตัดสลับเอาภาพยนตร์ยุคสมัยเก่าๆบอกเล่าเรื่องราวของคนผิวสีที่อยู่ในภาพยนตร์ซึ่งเป็นอะไรที่แยบยล+ชาญฉลาดมากๆ การสอดแทรกเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยของภาพยนตร์เรื่องอื่นๆลงไปนั้นทำให้ช่วงขณะที่รับชมอยู่นั้นเรารู้สึกเพลิดเพลินไปกับการตัดสลับเรื่องราวแบบนี้ แต่แน่นอนว่าความเพลิดเพลินนั้นมาพร้อมด้วยความเวทนาสงสารถึงความโหดร้ายที่มนุษย์พึงกระทำต่อกันเพียงเพราะสีผิวต่างกัน
สำหรับเราเองนั้น เข้าใจถึงความรุนแรงของการเหยียดสีผิวในอเมริกันจากการดูหนังเรื่องต่างๆ หรือดูสารคดีของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ตามอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับความรุนแรงของกรณีการแบ่งสีผิวในอเมริกันอยู่พอสมควร แต่หนังเรื่องนี้สำหรับเราไม่จำเป็นที่จะต้องรับรู้เรื่องการแบ่งสีผิวมาก่อนเลยก็สามารถเข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเรื่องได้เป็นอย่างดี ด้วยการที่หนังแบ่งประเด็นอย่างชัดเจนและประเด็นต่างๆนั้นยังสามารถบอกเล่าหรือสื่อสารด้วยภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้ลงตัวจนให้ความรู้สึกเสมือนพาเราเข้าใกล้เหตุการณ์ในเรื่องแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความสำเร็จของ 'I Am Not Your Negro' คือการส่งมอบพลังแห่งความเท่าเทียบกันระหว่างสีผิวหรือนัยยะของการเท่าเทียบกันระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองสะท้อนผ่านเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้อนาคตอันใกล้นี้เราจะไม่ได้ยินหรือได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และด้วยการที่สารคดีบอกเล่าข้อเท็จจริงหรือนำเสนอภาพฟุตเทจที่บันทึกคำพูดหรือเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆเอาไว้ทำให้เราสัมผัสถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้น ถึงแม้ในปัจจุบันการแบ่งแยกสีผิวจะลดน้อยลงไปในสังคมโลกแต่เราก็ยังเชื่อว่าการเหยียดสีผิวยังคงมีอยู่ในสังคมโลกเสมอแต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไปในลักษณะอื่นๆ ทุกครั้งที่เราเห็นการกระทำความรุนแรงต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่เรามักจะตั้งคำถามถึงการกระทำนั้นๆเสมอ ว่าที่สุดแล้วพวกเขาเหล่านั้นกระทำไปเพื่ออะไร? พวกเขาเหล่านั้นแบ่งแยกชนชั้นแบ่งแยกสีผิวไปเพื่ออะไร? คำตอบทั้งหมดของคำถามที่เราตั้งขึ้นนั้นถูกตอบไว้แล้วภายในสารคดีเรื่องนี้ว่าพวกเขาเหล่านั้นทำไปเพื่ออะไร ซึ่งมันเป็นความสะเทือนใจที่ได้เห็นและเข้าใจคำตอบเหล่านั้น
ท้ายสุด 'I Am Not Your Negro' ถือเป็นสารคดีที่ทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่ง ตัวหนังให้อารมณ์ความรู้สึกความสะเทือนใจต่อการกระทำระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ประเด็นของทัศนคติในการแบ่งสีผิว ภาพความโหดร้ายของสังคมอเมริกา ทั้งหมดทั้งมวลถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละมุนและชัดเจนตรงไปตรงมาสะท้อนถึงความคิดที่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ และคนผิวสีคือประวัติศาสตร์ของประเทศอเมริกันที่คนอเมริกันผิวขาวไม่สามารถลบล้างการกระทำในอดีตไปได้เลย เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงสิ่งหนึ่งที่เราตระหนักได้นอกเหนือจากประเด็นต่างๆที่ว่าไปแล้วนั่นก็คือ เราได้หันมามองประเทศของเรา ประเทศ(เฮงซวย)ไทย ที่แค่เพียงเรื่องราว 6 ตุลา หรือ 14 ตุลา ยังไม่มีบันทึกอยู่ในแบบเรียนให้เราได้เรียนตอนชั้นประถมหรือมัธยม เราไม่เคยเข้าใจเรื่องราวพวกนี้จริงๆเสียที เราไม่เคยกล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดหรือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราแบบตรงไปตรงมาเสียที หรือเราไม่เคยเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและอยู่ร่วมกันได้เลย เราเชื่อว่าทุกคนรักประเทศของตัวเอง รักบ้านเกิดของตัวเอง เราอยากเห็นประเทศของเราดีขึ้นอาจไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นยุคสมัยของเราก็ได้ และแน่นอนว่าการที่เราได้ศึกษาอดีตที่ผ่านมาของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรานั้นน่าจะถึงเวลาที่เราจะเอาความจริงมาพูดกันเสียที...เพราะอย่างน้อยๆเราก็ได้เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาซึ่งคือเรื่องจริงที่เราต้องยอมรับให้ได้และช่วยกันทำให้ประเทศนี้น่าอยู่ขึ้นโดยที่เราไม่ต้องไล่ใครออกไปนอกประเทศเพียงเพราะเขาพยายามประกาศความจริงของประเทศนี้ให้เราฟังอีกต่อไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: I Am Not Your Negro (Raoul Peck, 2016) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"สารคดีที่สามารถพาเราไปสัมผัสและเข้าถึงความรุนแรงของการเหยียดสีผิวในสังคมอเมริกาได้อย่างทรงพลัง" I Am Not Your Negro เป็นภาพยนตร์สารคดีที่เข้าชิงรางวัลออสก้าเมื่อปีที่ผ่านมา ในที่นี้ต้องขอบคุณทาง 'Documentary Club' ที่เอาหนังสารคดีเรื่องนี้มาฉายในบ้านเรา แม้บริบทของคนไทยกับคนอเมริกันจะแตกต่างกันแต่เนื้อหาของหนังนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อความรู้สึกได้ในระดับที่ดีมากรวมทั้งยังทรงพลังและไม่แปลกใจที่สารคดีเรื่องนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสารคดีที่ดีที่สุดของปีที่ผ่านมา โดยเนื้องานของสารคดีนั้นมาจากงานเขียนของ 'เจมส์ บาลด์วิน' นักเขียนและนักต่อสู้เสรีภาพเรื่องการแบ่งแยกสีผิว ด้วยข้อความที่เขาเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า 'จดหมายบันทึกความทรงจำถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่ผมทั้งรักทั้งชัง' ตัวสารคดีถูกบรรยายด้วยน้ำเสียงของ 'แซมวล แอล แจ็คสัน' ที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้ลุ่มลึกแฝงไปด้วยเสน่ห์ผนวกรวมกับภาพฟุตเทจของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของการเรียกร้องเสรีภาพให้คนผิวสีสามคนคือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, มัลคอล์ม เอ็กซ์, เม็ดการ์ เอเวอร์ส บอกเล่าตัดสลับเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนที่ทั้งสามคนจะถูกลอบยิงเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ความพิเศษในความตลกร้ายของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ที่เราชอบมากๆ คือตลอดระยะเวลาที่หนังดำเนินไปนั้นจะมีการตัดสลับเอาภาพยนตร์ยุคสมัยเก่าๆบอกเล่าเรื่องราวของคนผิวสีที่อยู่ในภาพยนตร์ซึ่งเป็นอะไรที่แยบยล+ชาญฉลาดมากๆ การสอดแทรกเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยของภาพยนตร์เรื่องอื่นๆลงไปนั้นทำให้ช่วงขณะที่รับชมอยู่นั้นเรารู้สึกเพลิดเพลินไปกับการตัดสลับเรื่องราวแบบนี้ แต่แน่นอนว่าความเพลิดเพลินนั้นมาพร้อมด้วยความเวทนาสงสารถึงความโหดร้ายที่มนุษย์พึงกระทำต่อกันเพียงเพราะสีผิวต่างกัน
สำหรับเราเองนั้น เข้าใจถึงความรุนแรงของการเหยียดสีผิวในอเมริกันจากการดูหนังเรื่องต่างๆ หรือดูสารคดีของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ตามอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับความรุนแรงของกรณีการแบ่งสีผิวในอเมริกันอยู่พอสมควร แต่หนังเรื่องนี้สำหรับเราไม่จำเป็นที่จะต้องรับรู้เรื่องการแบ่งสีผิวมาก่อนเลยก็สามารถเข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเรื่องได้เป็นอย่างดี ด้วยการที่หนังแบ่งประเด็นอย่างชัดเจนและประเด็นต่างๆนั้นยังสามารถบอกเล่าหรือสื่อสารด้วยภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้ลงตัวจนให้ความรู้สึกเสมือนพาเราเข้าใกล้เหตุการณ์ในเรื่องแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความสำเร็จของ 'I Am Not Your Negro' คือการส่งมอบพลังแห่งความเท่าเทียบกันระหว่างสีผิวหรือนัยยะของการเท่าเทียบกันระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองสะท้อนผ่านเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้อนาคตอันใกล้นี้เราจะไม่ได้ยินหรือได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และด้วยการที่สารคดีบอกเล่าข้อเท็จจริงหรือนำเสนอภาพฟุตเทจที่บันทึกคำพูดหรือเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆเอาไว้ทำให้เราสัมผัสถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้น ถึงแม้ในปัจจุบันการแบ่งแยกสีผิวจะลดน้อยลงไปในสังคมโลกแต่เราก็ยังเชื่อว่าการเหยียดสีผิวยังคงมีอยู่ในสังคมโลกเสมอแต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไปในลักษณะอื่นๆ ทุกครั้งที่เราเห็นการกระทำความรุนแรงต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่เรามักจะตั้งคำถามถึงการกระทำนั้นๆเสมอ ว่าที่สุดแล้วพวกเขาเหล่านั้นกระทำไปเพื่ออะไร? พวกเขาเหล่านั้นแบ่งแยกชนชั้นแบ่งแยกสีผิวไปเพื่ออะไร? คำตอบทั้งหมดของคำถามที่เราตั้งขึ้นนั้นถูกตอบไว้แล้วภายในสารคดีเรื่องนี้ว่าพวกเขาเหล่านั้นทำไปเพื่ออะไร ซึ่งมันเป็นความสะเทือนใจที่ได้เห็นและเข้าใจคำตอบเหล่านั้น
ท้ายสุด 'I Am Not Your Negro' ถือเป็นสารคดีที่ทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่ง ตัวหนังให้อารมณ์ความรู้สึกความสะเทือนใจต่อการกระทำระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ประเด็นของทัศนคติในการแบ่งสีผิว ภาพความโหดร้ายของสังคมอเมริกา ทั้งหมดทั้งมวลถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละมุนและชัดเจนตรงไปตรงมาสะท้อนถึงความคิดที่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ และคนผิวสีคือประวัติศาสตร์ของประเทศอเมริกันที่คนอเมริกันผิวขาวไม่สามารถลบล้างการกระทำในอดีตไปได้เลย เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงสิ่งหนึ่งที่เราตระหนักได้นอกเหนือจากประเด็นต่างๆที่ว่าไปแล้วนั่นก็คือ เราได้หันมามองประเทศของเรา ประเทศ(เฮงซวย)ไทย ที่แค่เพียงเรื่องราว 6 ตุลา หรือ 14 ตุลา ยังไม่มีบันทึกอยู่ในแบบเรียนให้เราได้เรียนตอนชั้นประถมหรือมัธยม เราไม่เคยเข้าใจเรื่องราวพวกนี้จริงๆเสียที เราไม่เคยกล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดหรือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราแบบตรงไปตรงมาเสียที หรือเราไม่เคยเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและอยู่ร่วมกันได้เลย เราเชื่อว่าทุกคนรักประเทศของตัวเอง รักบ้านเกิดของตัวเอง เราอยากเห็นประเทศของเราดีขึ้นอาจไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นยุคสมัยของเราก็ได้ และแน่นอนว่าการที่เราได้ศึกษาอดีตที่ผ่านมาของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรานั้นน่าจะถึงเวลาที่เราจะเอาความจริงมาพูดกันเสียที...เพราะอย่างน้อยๆเราก็ได้เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาซึ่งคือเรื่องจริงที่เราต้องยอมรับให้ได้และช่วยกันทำให้ประเทศนี้น่าอยู่ขึ้นโดยที่เราไม่ต้องไล่ใครออกไปนอกประเทศเพียงเพราะเขาพยายามประกาศความจริงของประเทศนี้ให้เราฟังอีกต่อไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/