แท็กซี่ ขอขึ้นราคามิเตอร์แบ่งโซนรถติด! บวกนาทีละ 2 บาท เชื่อ คุ้มทุนจะไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร
ปัญหา แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ถือว่ายังเป็นปัญหาเรื้อรังที่มีให้พบเห็นบ่อยครั้ง จนสร้างความระอาใจแก่ผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก ช่วงหลังๆมานี้จึงเป็นที่มาของการเลือกหาบริการที่ดีกว่า แม้จะผิดกฎหมายก็ตาม อย่าง Uber หรือ Grab car
แต่ในมุมของคนขับแท็กซี่นั้น กลับมองว่าปัญหาดังกล่าวมาจากอัตราค่าบริการที่ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่แท้จริง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ซึ่งรถติดหนาแน่นยาวเหยียด ทำให้ต้องใช้เวลาบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
โดยราคาค่าโดยสารมิเตอร์เดิม ในกรณีรถติดไม่สามารถวิ่งได้เกินกว่า 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีการกำหนดไว้เป็นอัตราเดียวกันทั้งหมด คือนาทีละ 2 บาท ซึ่งขาดทุนเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนค่าขนส่งที่แท้จริง จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารในเขตเมือง หรือแถวย่านการค้าและห้างสรรพสินค้า
ล่าสุด ทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร จึงได้เสนอแนวทางแบ่งราคาค่าโดยสารเป็น 2 โซน คือ โซนรถติด (เขตกรุงเทพฯ ชั้นใน) - โซนรถไม่ติด (เขตกรุงเทพฯ ชั้นนอก) เพื่อแก้ไขปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารในระยะยาว
โดยในโซนที่รถติด จะต้องมีการคิดค่าโดยสารในช่วงเวลาที่รถติดหรือจอดนิ่งในอัตราที่สูงกว่าโซนที่รถไม่ติด คือมากกว่านาทีละ 2 บาทที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน ส่วนอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นก็จะอยู่ที่ 35 บาทเท่าเดิม และจะปรับเฉพาะค่าโดยสารช่วงที่รถติดเท่านั้น ส่วนจะปรับเพิ่มเป็นนาทีละกี่บาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด
ทั้งนี้ ทางสหกรณ์แท็กซี่เชื่อว่า หากดำเนินการตามนี้ ปัญหา แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน จะหมดไป เนื่องจากคนขับ แท็กซี่ ไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงและขาดทุนเหมือนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานครยังรอความชัดเจนจากกระทรวงคมนาคมที่สัญญาว่าจะมีการปรับราคา ค่าโดยสารแท็กซี่ รอบที่ 2 ขึ้นอีก 5% หรือ บวกเพิ่มช่วงเร่งด่วนอีก 50 บาทด้วย แต่งานนี้บรรดาโชว์เฟอร์แท็กซี่ ก็เสียงแตก หวั่นขึ้นค่ามิเตอร์มากไปผู้โดยสารจะไม่ขึ้น และหันไปใช้บริการอื่นแทนแบบสุดโต่ง
คงต้องรอบทสรุปกันต่อไปว่าเรื่องราวของราคา ค่าโดยสารแท็กซี่ จะเป็นไปในทิศทางไหนกันแน่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.bugaboo.tv/watch/332245
( ^_^ ) แท็กซี่ขอขึ้นราคา สวนทางมาตรฐานกับการให้บริการ อย่างนี้ก็ได้เหรอ ? ขึ้นมากี่ครั้งแล้วก็ยังแย่เหมือนเดิม
ปัญหา แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ถือว่ายังเป็นปัญหาเรื้อรังที่มีให้พบเห็นบ่อยครั้ง จนสร้างความระอาใจแก่ผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก ช่วงหลังๆมานี้จึงเป็นที่มาของการเลือกหาบริการที่ดีกว่า แม้จะผิดกฎหมายก็ตาม อย่าง Uber หรือ Grab car
แต่ในมุมของคนขับแท็กซี่นั้น กลับมองว่าปัญหาดังกล่าวมาจากอัตราค่าบริการที่ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่แท้จริง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ซึ่งรถติดหนาแน่นยาวเหยียด ทำให้ต้องใช้เวลาบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
โดยราคาค่าโดยสารมิเตอร์เดิม ในกรณีรถติดไม่สามารถวิ่งได้เกินกว่า 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีการกำหนดไว้เป็นอัตราเดียวกันทั้งหมด คือนาทีละ 2 บาท ซึ่งขาดทุนเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนค่าขนส่งที่แท้จริง จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารในเขตเมือง หรือแถวย่านการค้าและห้างสรรพสินค้า
ล่าสุด ทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร จึงได้เสนอแนวทางแบ่งราคาค่าโดยสารเป็น 2 โซน คือ โซนรถติด (เขตกรุงเทพฯ ชั้นใน) - โซนรถไม่ติด (เขตกรุงเทพฯ ชั้นนอก) เพื่อแก้ไขปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารในระยะยาว
โดยในโซนที่รถติด จะต้องมีการคิดค่าโดยสารในช่วงเวลาที่รถติดหรือจอดนิ่งในอัตราที่สูงกว่าโซนที่รถไม่ติด คือมากกว่านาทีละ 2 บาทที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน ส่วนอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นก็จะอยู่ที่ 35 บาทเท่าเดิม และจะปรับเฉพาะค่าโดยสารช่วงที่รถติดเท่านั้น ส่วนจะปรับเพิ่มเป็นนาทีละกี่บาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด
ทั้งนี้ ทางสหกรณ์แท็กซี่เชื่อว่า หากดำเนินการตามนี้ ปัญหา แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน จะหมดไป เนื่องจากคนขับ แท็กซี่ ไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงและขาดทุนเหมือนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานครยังรอความชัดเจนจากกระทรวงคมนาคมที่สัญญาว่าจะมีการปรับราคา ค่าโดยสารแท็กซี่ รอบที่ 2 ขึ้นอีก 5% หรือ บวกเพิ่มช่วงเร่งด่วนอีก 50 บาทด้วย แต่งานนี้บรรดาโชว์เฟอร์แท็กซี่ ก็เสียงแตก หวั่นขึ้นค่ามิเตอร์มากไปผู้โดยสารจะไม่ขึ้น และหันไปใช้บริการอื่นแทนแบบสุดโต่ง
คงต้องรอบทสรุปกันต่อไปว่าเรื่องราวของราคา ค่าโดยสารแท็กซี่ จะเป็นไปในทิศทางไหนกันแน่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้