เกริ่นก่อนนะครับ ผมเพิ่งมาขับ TAXI ได้ ประมาณ 6 เดือน ผมขับทั้ง GrabTaxi และ UberFlash ทำให้เห็นถึงปัญหาหลายๆอย่างที่บางคนอธิบายออกมาให้สังคมเข้าใจยาก ยิ่งฝั่ง TAXI ยิ่งอธิบายยากครับ ว่าทำไมเขาถึงคิดว่าเขาต้องปฏิเสธเพราะขาดทุน ต่างจาก Uber ทำไมในขณะที่รถติดๆเขาถึงไม่กลัวที่จะขาดทุน
เริ่มเรื่องอยากจะอธิบายว่า หลักการของ TAXI METER กับ หลักการของ UBER มันช่างตรงกันข้ามกันแบบสุดขั้วเลยครับ ถามว่ามันสุดขัวยังไงเหรอ?
สูตรการคำนวณค่าโดยสารของ TAXI METER จะคิดจากระยะทางที่วิ่งเป็นหลัก มันจะ เริ่มที่ 35 บาท ใน 1 กม แรก
หลังจาก กม ที่ 2-10 จะคิด กม ละ 5.5 บาท
11-20 คิด กม ละ 6.5 บาท
21-40 คิด กม ละ 7.5 บาท
41-60 คิด กม ละ 8 บาท
61-80 คิด กม ละ 9 บาท
เกินกว่า 80 คิด กม ละ 10.5 บาท
ถ้ารถติด(เฉพาะความเร็วรถไม่เกิน 6 กม ต่อ ชม) คิด 2 บาท ต่อนาที
แต่ในขณะที่ UBER คิดค่าโดยสาร เริ่มต้นที่ 10 บาท ระยะทางคิด กม ละแค่ 4 บาท และ คิด 3.5 บาท ต่อนาที(ระยะเวลาทั้งหมด)
ดูผ่านๆแล้ว TAXI มันต้องดีกว่าสิ ราคาแพงกว่าเห็นๆใช่มั๊ยครับ Start ก็ตั้ง 35 บาท ทำไมยังเรื่องมากกันอีก ยิ่งไกลยิ่งแพง ทำไมพวกไม่ไปกันว่ะ
แถมรถติดพวกก็ได้ตังอีก มันจะเอาตรงไหนมาขาดทุนกันล่ะ?
ผมเชื่อเลยว่า ร้อยละ 99% ต้องเกิดคำถามแบบนี้ขึ้นมาแน่นอน แต่ถ้าเรามาลองเจาะดูในรายละเอียดแล้ว จะพบความจริงแบบนี้ครับ
รูปมิเตอร์ตัวอย่างนี้คือสภาพรถติดครับ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 18 นาที (138 นาที) วิ่งเป็นระยะทาง 27.4 กม.
ถ้าเราคิดแยกค่าโดยสาร เป็นเวลา กับ ระยะทางจะได้ดังนี้
35 บาทแรก คือ 1 กม แรก
2-10 = 9*5.5 = 49.5 บาท
11-20 = 10 * 6.5 =65 บาท
7.4 * 7.5 = 55.5 บาท
รวมรายได้ที่ได้จากระยะทาง 35+49.5+65+55.5 = 205 บาท
ดังนั้น รายได้ที่ได้จากรถติด = 357 - 205 = 152 บาท
คิดเป็นรถติดทั้งสิ้น 152/2 = 76 นาที
ถ้าเป็น UBER ละครับ trip นี้จะเสียเท่าไหร่?
รายได้เริ่มต้น 10 บาท
กม ละ 4 บาท = (27.4 * 4) + 10 = 119.5 บาท
รายได้ที่ได้จากเวลาที่ใช้ทั้งหมด 138 นาที = 138 * 3.5 = 483 บาท
รายได้ รวม ของ uber = 119.5 + 483 = 602.5 บาท
ทุกคนเริ่มเห็นอะไรลางๆแล้วหรือยังครับ ถ้ายังไม่ชัดผมจะแสดงกราฟ วงกลมเปรียบเทียบอัตราส่วนรายได้ระหว่าง เวลากับระยะทางของทั้ง 2 แบบนะครับ
เห็นหรือยังครับ ว่าหลักการทำเงินของ 2 ระบบนี้มันแตกต่างกันมากครับ METER จะทำเงินได้มาก ถ้ารถไม่ติด ส่วน UBER จะทำเงินได้มาก ถ้ารถติด
แต่เดี๋ยวก่อนครับ อย่าเพิ่งมาบอกว่าถ้ารู้แบบนี้แล้วทำไม TAXI ไม่หันไปขับ UBER กันละ จะมามัวขาดทุนอยู่ทำไม ใช่มั๊ยครับ?
ผมก็ขับ UBER เหมือนกัน จะบอกว่ารายได้คนขับ UBER ปัจจุบันมันก็ไม่ได้สวยหรูอะไรหรอกครับ ผมเพิ่งขับมาได้ 1 เดือนเอง incentive อะไรมันก็ยังดูดีแต่พวกที่ขับกันมานานมากแล้ว incentive นี้เรียกว่าไม่มียังจะได้เลยครับ สำหรับผมโดน UBER หัก 25% จากรายได้ (ไม่รวมทางด่วนนะ)
ปัญหาของ UBER หลักๆที่มันกวนใจคนขับคือ ระบบมันพยายามทำให้รถมีตลอดโดยไม่คำนึงถึง partner เท่าที่ควร เจอให้ไปรับแบบ 20 กม ขึ้นไปอยู่บ่อยๆ พอไปถึง เดินทางกันอยู่ 5 กม หรือ ดีไม่ดี cancel กันดื้อๆก็มีครับ
สุดท้ายสิ่งที่ผมอยากจะสื่อให้ทุกท่านทราบคือ ปัญหา แท๊กซี่ไทย ที่มันคาราคาซังอยู่ในปัจจุบันเพราะไอ้คนแก้ไขปัญหา ไม่ได้มองที่จุดตรงนี้ครับ ทุกอย่างมันมโนขึ้นกันเองว่ามันควรเป็นแบบนี้นะ แล้วเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ สังคมมันเปลี่ยน แต่กฏเกณฑ์ไม่เปลี่ยน เปลี่ยนแค่ราคามิเตอร์มันก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่แท้จริงเลยสักนิด
เรื่องราคารถติดคิด 2 บาท ต่อ นาที นี่ถ้าติดขยับ ถือว่าฟาล์วนะครับ เช่น ขับ 10 กม ต่อ ชม คนขับจะได้รายได้ราวๆ 55 บาท ต่อ ชม ซึ่งมันเป็นไปได้ครับเช่น รถติดขยับบนทางด่วน
แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ควรปรับ ฐาน 6 กม ต่อ ชม เป็น คิดเป็นนาทีที่เดินทางไปเลยแบบ uber ก็ได้ แต่ควรยืนราคาไว้ที่ 2 บาท หรือ ลดลงมาสัก 1.5 บาท ก็ได้ เช่น ถ้า trip นี้คิด ที่ นาทีละ 1.5 บาท รายได้จะเป็นดังนี้
รวมรายได้ที่ได้จากระยะทาง 35+49.5+65+55.5 = 205 บาท
ดังนั้น รายได้ที่ได้จากระยะเวลา = 1.5 * 138 = 207 บาท
คิดเป็นเงินทั้งสิ้น = 412 บาท อย่างนี้สิครับ win win คนขับได้รายได้เฉลี่ย ชั่วโมงละ 200 บาท ถือว่า ok ส่วนคนนั่งก็แฟร์ดีนะครับ รถติดก็จ่ายแพงหน่อย
แต่ถ้าคิดเป็นนาทีละ 2 บาท เลยผมว่ามันจะโหดร้ายกับผู้บริโภคมากมาย ครับ
ไว้มีอีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับ การขับรถ TAXI ผมจะมาเขียน share ให้อ่านกันนะครับ วันนี้ขอเท่านี้ก่อนนะ ถ้ามันผิดพลาดเรื่องตัวเลขอย่างไรก็ต้องขออภัยด้วยครับ เพราะเขียนไป นึกไป คำนวณไป วาดกราฟสด ลง pantip เลยครับ 555
ไขข้อข้องใจกันว่าทำไม TAXI METER ถึงมีปัญหาเยอะนัก ต่างจาก UBER ที่บริการดี๊ดี
เริ่มเรื่องอยากจะอธิบายว่า หลักการของ TAXI METER กับ หลักการของ UBER มันช่างตรงกันข้ามกันแบบสุดขั้วเลยครับ ถามว่ามันสุดขัวยังไงเหรอ?
สูตรการคำนวณค่าโดยสารของ TAXI METER จะคิดจากระยะทางที่วิ่งเป็นหลัก มันจะ เริ่มที่ 35 บาท ใน 1 กม แรก
หลังจาก กม ที่ 2-10 จะคิด กม ละ 5.5 บาท
11-20 คิด กม ละ 6.5 บาท
21-40 คิด กม ละ 7.5 บาท
41-60 คิด กม ละ 8 บาท
61-80 คิด กม ละ 9 บาท
เกินกว่า 80 คิด กม ละ 10.5 บาท
ถ้ารถติด(เฉพาะความเร็วรถไม่เกิน 6 กม ต่อ ชม) คิด 2 บาท ต่อนาที
แต่ในขณะที่ UBER คิดค่าโดยสาร เริ่มต้นที่ 10 บาท ระยะทางคิด กม ละแค่ 4 บาท และ คิด 3.5 บาท ต่อนาที(ระยะเวลาทั้งหมด)
ดูผ่านๆแล้ว TAXI มันต้องดีกว่าสิ ราคาแพงกว่าเห็นๆใช่มั๊ยครับ Start ก็ตั้ง 35 บาท ทำไมยังเรื่องมากกันอีก ยิ่งไกลยิ่งแพง ทำไมพวกไม่ไปกันว่ะ
แถมรถติดพวกก็ได้ตังอีก มันจะเอาตรงไหนมาขาดทุนกันล่ะ?
ผมเชื่อเลยว่า ร้อยละ 99% ต้องเกิดคำถามแบบนี้ขึ้นมาแน่นอน แต่ถ้าเรามาลองเจาะดูในรายละเอียดแล้ว จะพบความจริงแบบนี้ครับ
รูปมิเตอร์ตัวอย่างนี้คือสภาพรถติดครับ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 18 นาที (138 นาที) วิ่งเป็นระยะทาง 27.4 กม.
ถ้าเราคิดแยกค่าโดยสาร เป็นเวลา กับ ระยะทางจะได้ดังนี้
35 บาทแรก คือ 1 กม แรก
2-10 = 9*5.5 = 49.5 บาท
11-20 = 10 * 6.5 =65 บาท
7.4 * 7.5 = 55.5 บาท
รวมรายได้ที่ได้จากระยะทาง 35+49.5+65+55.5 = 205 บาท
ดังนั้น รายได้ที่ได้จากรถติด = 357 - 205 = 152 บาท
คิดเป็นรถติดทั้งสิ้น 152/2 = 76 นาที
ถ้าเป็น UBER ละครับ trip นี้จะเสียเท่าไหร่?
รายได้เริ่มต้น 10 บาท
กม ละ 4 บาท = (27.4 * 4) + 10 = 119.5 บาท
รายได้ที่ได้จากเวลาที่ใช้ทั้งหมด 138 นาที = 138 * 3.5 = 483 บาท
รายได้ รวม ของ uber = 119.5 + 483 = 602.5 บาท
ทุกคนเริ่มเห็นอะไรลางๆแล้วหรือยังครับ ถ้ายังไม่ชัดผมจะแสดงกราฟ วงกลมเปรียบเทียบอัตราส่วนรายได้ระหว่าง เวลากับระยะทางของทั้ง 2 แบบนะครับ
เห็นหรือยังครับ ว่าหลักการทำเงินของ 2 ระบบนี้มันแตกต่างกันมากครับ METER จะทำเงินได้มาก ถ้ารถไม่ติด ส่วน UBER จะทำเงินได้มาก ถ้ารถติด
แต่เดี๋ยวก่อนครับ อย่าเพิ่งมาบอกว่าถ้ารู้แบบนี้แล้วทำไม TAXI ไม่หันไปขับ UBER กันละ จะมามัวขาดทุนอยู่ทำไม ใช่มั๊ยครับ?
ผมก็ขับ UBER เหมือนกัน จะบอกว่ารายได้คนขับ UBER ปัจจุบันมันก็ไม่ได้สวยหรูอะไรหรอกครับ ผมเพิ่งขับมาได้ 1 เดือนเอง incentive อะไรมันก็ยังดูดีแต่พวกที่ขับกันมานานมากแล้ว incentive นี้เรียกว่าไม่มียังจะได้เลยครับ สำหรับผมโดน UBER หัก 25% จากรายได้ (ไม่รวมทางด่วนนะ)
ปัญหาของ UBER หลักๆที่มันกวนใจคนขับคือ ระบบมันพยายามทำให้รถมีตลอดโดยไม่คำนึงถึง partner เท่าที่ควร เจอให้ไปรับแบบ 20 กม ขึ้นไปอยู่บ่อยๆ พอไปถึง เดินทางกันอยู่ 5 กม หรือ ดีไม่ดี cancel กันดื้อๆก็มีครับ
สุดท้ายสิ่งที่ผมอยากจะสื่อให้ทุกท่านทราบคือ ปัญหา แท๊กซี่ไทย ที่มันคาราคาซังอยู่ในปัจจุบันเพราะไอ้คนแก้ไขปัญหา ไม่ได้มองที่จุดตรงนี้ครับ ทุกอย่างมันมโนขึ้นกันเองว่ามันควรเป็นแบบนี้นะ แล้วเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ สังคมมันเปลี่ยน แต่กฏเกณฑ์ไม่เปลี่ยน เปลี่ยนแค่ราคามิเตอร์มันก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่แท้จริงเลยสักนิด
เรื่องราคารถติดคิด 2 บาท ต่อ นาที นี่ถ้าติดขยับ ถือว่าฟาล์วนะครับ เช่น ขับ 10 กม ต่อ ชม คนขับจะได้รายได้ราวๆ 55 บาท ต่อ ชม ซึ่งมันเป็นไปได้ครับเช่น รถติดขยับบนทางด่วน
แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ควรปรับ ฐาน 6 กม ต่อ ชม เป็น คิดเป็นนาทีที่เดินทางไปเลยแบบ uber ก็ได้ แต่ควรยืนราคาไว้ที่ 2 บาท หรือ ลดลงมาสัก 1.5 บาท ก็ได้ เช่น ถ้า trip นี้คิด ที่ นาทีละ 1.5 บาท รายได้จะเป็นดังนี้
รวมรายได้ที่ได้จากระยะทาง 35+49.5+65+55.5 = 205 บาท
ดังนั้น รายได้ที่ได้จากระยะเวลา = 1.5 * 138 = 207 บาท
คิดเป็นเงินทั้งสิ้น = 412 บาท อย่างนี้สิครับ win win คนขับได้รายได้เฉลี่ย ชั่วโมงละ 200 บาท ถือว่า ok ส่วนคนนั่งก็แฟร์ดีนะครับ รถติดก็จ่ายแพงหน่อย
แต่ถ้าคิดเป็นนาทีละ 2 บาท เลยผมว่ามันจะโหดร้ายกับผู้บริโภคมากมาย ครับ
ไว้มีอีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับ การขับรถ TAXI ผมจะมาเขียน share ให้อ่านกันนะครับ วันนี้ขอเท่านี้ก่อนนะ ถ้ามันผิดพลาดเรื่องตัวเลขอย่างไรก็ต้องขออภัยด้วยครับ เพราะเขียนไป นึกไป คำนวณไป วาดกราฟสด ลง pantip เลยครับ 555