จากประเด็นที่มีการเรียกร้องให้ทำให้Uberถูกกฎหมาย ผมอยากแสดงความคิดให้ทุกคนได้พิจารณาด้วยเหตุผล และไม่ใช้อารมณ์ดังนี้ครับ
ขั้นแรกต้องระบุปัญหาให้ชัดเจนก่อน
ถ้าปัญหาคือ : แท็กซี่ปฏิเสธการรับผู้โดยสาร
ในความเป็นจริง uber/grab car (แยกระหว่างgrab carกับgrab taxiนะ) ก็ปฏิเสธเหมือนกัน เพียงแค่เราไม่รู้ เพราะว่าเวลาเรียกผ่านแอพ จะมีคนขับหลายคนได้รับคำเรียกนั้น ดังนั้นบางคนก็ไม่รับ บางคนก็รับ ภาพที่เราเห็นคือมีคนรับ แต่ในความเป็นจริง คนที่กดรับเรานั้นอาจไม่ใช่คันที่อยู่ใกล้เราที่สุด(คันที่อยู่ใกล้เราสุดไม่เอา แต่คันที่ห่างออกไปเอา ก็เหมือนโดนปฏิเสธแล้วโบกคันอื่นต่อ แต่ไม่ต้องออกแรง)
จะเห็นได้ว่า เราไม่ต้องแก้การไม่รับผู้โดยการ เราเพียงแค่ทำให้ผู้โดยสารสามารถติดต่อคนขับแบบทีละหลายคนได้ ก็เพียงพอและแก้ปัญหาได้แล้ว (ก็คือเรียกผ่านแอพนั่นเอง) ซึ่งในรูปแบบนี้ grab taxi(ที่ไม่ใช่grab car) หรือแอพอื่นๆก็มีแล้ว ซึ่งพวกนี้ถูกกม. ดังนั้นก็"ไม่จำเป็น"ต้องแก้กฎหมายเพื่อUber/grab car
(ปล.1 ในความเป็นจริง ไม่ใช่uber/grab carจะรับผู้โดยสารตลอดนะ จากประสบการณ์หลายๆครั้งก็เรียกแล้วไม่มีคนรับ โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำและเรียกไปไกลๆ เช่นเรียกตอน19.00จากพารากอนไปบางนา กดเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับ ขนาดราคาแพงกว่าช่วงปกติ ดังนั้นการทำให้uber/grab carถูกกม. ก็ไม่การันตีว่าจะแก้ปัญหานี้)
(ปล.2 การปฏิเสธผู้โดยสารถ้าจะมองอีกมุมก็ไม่ใช่เรื่องผิด แท็กซี่ไม่ใช่ข้าราชการที่ห้ามเลือกรับบริการ แท็กซี่เป็นเสมือนบริการนวด สปา หรือการค้าขายอื่นๆ มีสิทธิ์ที่จะเลือกขาย/ไม่ขายใครก็ได้ เช่น ถ้าผมขายของชำแล้วไม่ถูกกับคนๆหนึ่งในหมู่บ้าน เวลาคนๆนั้นมาซื้อของ ผมก็น่าจะมีสิทธิ์ที่จะไม่ขายให้เขานะ แล้วค่าบริการของรถแท็กซี่ คนขับก็ไม่ใช่คนคิดราคา แต่เป็นกม.ที่ควบคุมราคา ดังนั้นถ้าคนขับคิดว่าไม่คุ้ม เขาก็น่าจะมีสิทธิ์ปฏิเสธนะ ถ้าปฏิเสธไม่ได้ ก็เหมือนถูกมัดมือชกให้เจ๊ง ผมว่านี่เป็นสิทธิและเสรีภาพของเขานะ)
-------------------------------------
ถ้าปัญหาคือ : uber/grab carรู้คนขับก่อนขึ้นรถ ทำให้มั่นใจ
อันนี้ไม่แน่ใจว่าใช่ปัญหาหรือเปล่า เพราะพอกดเรียกแล้วคนขับกดรับ เราถึงจะรู้ประวัติคนขับ ซึ่งค่าเท่ากับโบกแล้วเปิดประตูมาดูหน้าตา รูปร่าง และใบประวัติคนขับที่หน้ารถ ค่าเท่ากัน (เห็นหลังเรียกเหมือนกัน และมีสิทธิ์ปฏิเสธเหมือนกัน)
แล้วgrab taxiก็จะมีประวัติขึ้นมาเหมือนuber/grab carนะ ดังนั้นถ้าแก้กม.ให้uber/grab carถูกกม. ก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิม เพราะตอนนี้grab taxiก็ทำได้อยู่แล้ว
-------------------------------------
ถ้าปัญหาคือ : เรียกแท็กซี่ไม่รู้ราคาชัดเจน แต่uber/grab carรู้แน่นอน
ถ้าปัญหาคือ : แท็กซี่ราคาแพงกว่าuber/grab car
เห็นมีบางคนคิดแบบนี้ อันนี้ไม่รู้เคยใช้บริการจริงหรือเปล่า เพราะuberเราไม่รู้ราคาแน่นอนนะ เวลากดเรียกจะมีแค่ช่วงราคาโดยประมาณ แต่ก็ไม่รู้แน่นอนเหมือนกัน ส่วนgrab carรู้แน่นอน (แต่เป็นการรู้ก่อนเรียกเท่านั้น ซึ่งเรียกวันนี้กับเมื่อวาน ราคาอาจไม่เท่ากันก็ได้)
ผมไม่รู้ว่าคนที่ระบุปัญหานี้ต้องการอะไร
- ถ้ารู้ราคาแน่นอนจะได้เตรียมเงินไปพอ? >>> ถ้าแบบนี้การรู้ราคาแน่นอนก็ช่วยได้ แต่uberที่ให้ราคาแบบช่วงประมาณก็ไม่แก้ปัญหานี้ เพราะราคาอาจเกินช่วงที่ประมาณไว้ก็ได้ ถ้ารถติดมากๆเช่น เกิดอุบัติเหตุณ์บนท้องถนนทำให้รถติดหรืออะไรก็ตาม ดังนั้นกรณีนี้Uberถูกกม.ก็ไม่ช่วยอะไร แล้วgrab taxiก็จะมีการประมาณราคาเป็นช่วงราคาเหมือนuber ก็สามารถใช้ทดแทนได้อยู่ดี
- ถ้ารู้ราคาแน่นอนจะได้ตัดสินใจว่าจะไปหรือเปล่า ถ้าแพงก็ไม่ไป >>> กรณีนี้uberก็เหมือนข้างบน มันก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ดี
ส่วนเรื่องราคาแพงกว่า อันนี้ไม่มีความชัดเจน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึก แต่ส่วนตัวที่นั่งมาก็ไม่ต่างกันนะ (แต่ถ้าเป็นช่วงพีคๆเช่นช่วงหัวค่ำที่ความต้องการรถมีสูงมาก ราคาuber/grab carจะแพงกว่าแน่นอน) แต่ที่จะเห็นราคาถูกกว่าน่าจะเป็นเพราะโปรโมชั่น เพราะแอพuber/grab carมักจะมีโปรโมชั่นลดราคา (ซึ่งgrab taxiก็มี) แต่สิ่งนี้ไม่น่าจะเพียงพอให้มีการแก้กม. เพราะมันเป็นแค่สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ไป เมื่อแก้กม.แล้วอาจไม่มีอีกก็ได้
ส่วนประเด็นเรื่องgrab carรู้ราคาแน่นอน อันนี้ถูกต้อง แต่ถ้าต้องการให้ถูกกม.เพื่อสิ่งนี้ มันต้องดูผลกระทบด้วย เช่น
- Grab car/uberอาจมีราคาถูกกว่า กรณีนี้อาจเป็นไปได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าต้นทุนรถต่างกัน รถที่จะจดทะเบียนเป็นแท็กซี่ต้องเครื่องยนต์มากกว่า1500ซีซี(ผ่อน15,000) แต่grab carบางทีเป็นพวกวีออส ซึ่งเครื่องยนต์ต่ำกว่า(ผ่อน8,000) จะเห็นได้ว่าต้นทุนต่างกันเท่าตัว แบบนี้ถ้าไปแข่งราคา แท็กซี่คงสู้ไม่ได้ และถ้าแก้กม. แล้วคนที่ซื้อรถมาผ่อนขับแท็กซี่จะทำอย่างไร พวกเขาไม่ผิดนะ เพราะกม.กำหนด เขาก็ทำตามกม. จะให้เขารับเคราะห์ก็ไม่ยุติธรรมกับเขานะ
- Grab carรู้ราคาแน่นอน แต่ราคานั้นก็เป็นราคาที่ทางบริษัทกำหนด ถ้าวันนึงไร้คู่แข่งแล้วเขากำหนดราคาสูงมากๆ แบบนี้จะทำยังไง จะแก้กม.อีกไหม หรือจะทำใจรับชะตากรรม หรือว่าถ้าแก้กม.ให้grab carถูกกม.แล้ว ต้องออกกม.ควบคุมราคาอีก แบบนี้ก็จะเป็นเหมือนแท็กซี่นะ ถ้าวิ่งไกลมากแล้วรถติดมาก คนขับก็ไม่คุ้ม สุดท้ายก็จะมีปัญหาเดิมคือไม่รับผู้โดยสารอยู่ดี และการรู้ราคาแน่นอนก็จะไร้ค่าไปโดยปริยาย
- มีตัวอย่างคนตั้งกระทู้ในเว็บพันทิพให้เห็น เช่นคนขับuberมาโพสในทำนองว่า ขับแล้วแทบจะไม่เหลือกำไร (ลองเสริชในgoogleว่า "ขับuber pantip" ดูได้)
จะเห็นว่าจริงๆแล้วuber/grab carก็สามารถทำตัวเองให้ถูกกม.ได้นะ ถ้าสเปครถถูกตามกม. แต่ถ้าจะเปลี่ยนสเปคให้ต่ำลง แล้วคนอื่นๆก่อนหน้าที่เขาทำถูกทำตามกม. เขาได้รับผลกระทบ จะช่วยยังไง (เห็นมีแต่คนบอกให้แก้ แต่ไม่เห็นพูดอะไรที่เป็นรูปธรรมเลย มีแค่คำว่าแก้ แก้จากอะไรเป็นอะไร แล้วผลกระทบจะมีอะไรบ้าง แล้วจะแก้ปัญหาผลกระทบยังไง ไม่เห็นมีใครพูด)
แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาจริงๆคือ "ราคา" มากกว่า แท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารก็เพราะไม่คุ้ม(ราคา) grab car/uberรู้ราคาชัดเจน ซึ่งเรื่องราคานี้พูดได้ยาก คนจ่ายก็ไม่อยากจ่ายแพง คนบริการก็อยากได้กำไร คำว่าแพงของคนจ่ายแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก กำไรที่คนขับอยากได้ต่อวันของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก คำถามคือจะกำหนดเท่าไหร่???
ถ้ากำหนดมิเตอร์แบบเดิม แต่ให้สามารถมีบริการอีกแบบคือคิดราคาเหมา >>> ถ้าเหมาแล้วเอาอะไรอ้างอิงการคิดราคานั้น แล้วสิ่งอ้างอิงนั้นยุติธรรมเหมาะสมหรือไม่ จะดูอย่างไร ถ้าไม่มีอะไรอ้างอิง แล้วแต่บริษัทกำหนด วันนึงที่การแข่งขันสูงแล้วมีการแข่งกันลดราคา คนขับจะอยู่อย่างไรถ้าโดนกดราคา วันนึงที่การแข่งขันต่ำแล้วบริษัทโก่งราคาเพื่อกำไรที่มากขึ้น แล้วผู้โดยสารจะทำอย่างไร ไร้ทางเลือกเหมือนเดิม เวลารัฐจะทำอะไรต้องดูประเด็นหรือมุมมองต่างๆเหล่านี้ ซึ่งคนที่เชียร์ให้แก้ก็ไม่บอกทางแก้ตรงนี้ (ถ้าบอกให้รัฐไปคิดเอาเอง ถ้าเขาอ้างว่าคิดได้แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณจะรับได้ไหม? ยังไงเราก็ควรช่วยกันคิดเพื่อบ้านเมืองไหม?)
ถ้าบอกว่างั้นก็ให้ผู้โดยสารกรอกราคาเสนอไปเองตอนส่งคำสั่งเรียกรถ ไม่ต้องให้บริษัทกำหนด >>> แล้วคนทั่วไปจะรู้ประมาณการณ์ราคาถูกไหม แล้วคนขับที่ไม่ได้ไปบริเวณนั้นบ่อย จะรู้ไหมว่าราคานี้ถูก แพง เหมาะสม จะตัดสินใจกดรับ/ไม่รับจากอะไร
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมว่าเหล่านี้คือบริบทที่ไม่มีการลดสเปครถนะ และเมื่อไม่ลดสเปครถในการจดทะเบียนเป็นรถยนต์สาธารณะ รถบริการพวกuber/grab carก็จะหายไปจำนวนมาก(เพราะพวกวีออสจะเอามาขับไม่ได้)
สำหรับพวกที่คิดว่า
- ไม่สนใจว่าคนขับจะกำไรหรือเปล่า กำหนดราคาให้ถูกๆเลย
- ไม่สนใจว่าราคาจะเท่าไหร่ ถ้าโดนโก่งแพงๆก็ไม่เป็นไร จ่ายไหว
- ไม่สนใจว่าคนที่ซื้อรถมาแบบถูกกม.จะต้นทุนแพงกว่า ได้รับผลกระทบ อยู่ไม่ไหว ไม่สนใจหาทางแก้หรือช่วยเหลือเขา ขอแค่ให้มีการแก้กม.เพื่อตัวเองได้บริการที่ต้องการก็พอ
ถ้าคิดแบบนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์โวยวายคนขับแท็กซี่ที่ไม่ดีหรอกครับ เพราะพวกคุณก็เห็นแก่ตัวเหมือนพวกเขา
-------------------------------------
ในความเป็นจริง หลายๆประเทศโดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว uberก็ไม่ได้ถูกกม.นะ ดูได้จากลิ้งค์นี่
https://thematter.co/pulse/how-do-they-deal-with-uber/20287/amp
ทีนี้บางคนก็จะบอกว่าก็เพราะแท็กซี่ตปท.มีมาตราฐาน บริการดี แต่ของไทยไม่ใช่ (สมมติตัดเรื่องความคุ้มของทั้งผู้โดยสารและคนขับในเรื่องราคา) ในกรณีนี้ก็ต้องร้องเรียน แล้วถ้าร้องเรียนแล้วไม่มีการดำเนินการ แปลว่าปัญหาอยู่ที่เจ้าหน้าที่นะ เพราะละเลย/ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะอย่าลืมว่าทุกอาชีพก็มีทั้งคนดีและไม่ดี การที่แท็กซี่บริการไม่ดีบ้างก็ไม่แปลก(และตปท.ก็น่าจะมีเหมือนกัน คงไม่ได้บริการดีทุกคนหรอกมั้ง) ทางแก้คือให้จนท.ดำเนินการแบบจริงจัง (ที่เห็นว่าuber/grab carควบคุมมาตราฐานได้ดีกว่า อาจเพราะทางบริษัทเข้มงวดจริงจัง แบบนี้ต้องร้องเรียนให้จัดการจนท.ครับ)
(ทีนี้ก็นำไปสู่ปัญหาอีกข้อ เรื่องการร้องเรียน จะตรวจสอบยังไงว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เป็นเรื่องจริง ถ้ามีคลิปก็ชัดเจน แต่ถ้าไม่มีคลิปไม่มีหลักฐาน แบบนี้ก็พิสูจน์ยากอีก (แต่นี่ถือว่านอกประเด็นละ))
(ถ้าปฏิเสธเพราะไม่รู้เส้นทาง อันนี้ก็ควรออกกม.ให้การสอบใบขับขี่สาธารณะต้องมีการทดสอบความรู้เรื่องเส้นทางแบบจริงจัง เพื่อไม่ให้มีการกล่าวอ้างแบบนี้ได้)
จากทั้งหมดที่กล่าวมา จะเห็นว่าทุกวันนี้แอพgrab taxi(ที่ไม่รวมgrab car) หรือแอพอื่นๆให้ลักษณะนี้ เพียงพอแล้วสำหรับการแก้ปัญหา ถ้าจะขาดหรือควรเพิ่มก็คือการคิดบริการแบบราคาเหมา ซึ่งจะทำได้ก็ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติ และการแก้ปัญหาผลกระทบที่ตามมา(ซึ่งยังไม่เห็นว่าจะมีใครเสนอแนะเรื่องพวกนี้ได้จริง)
ดังนั้นเราอย่าเพิ่งตามกระแสหรือใช้อารมณ์ แต่หันมาช่วยกันหาทางแก้หรือหาแนวทางปฏิบัติที่ทำได้จริง และไม่ส่งผลกระทบให้คนที่ทำถูกกฎหมายต้องเดือดร้อนดีกว่านะครับ คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
ชวนคุยชวนคิดเรื่อง Taxi Uber และ Grab
ขั้นแรกต้องระบุปัญหาให้ชัดเจนก่อน
ถ้าปัญหาคือ : แท็กซี่ปฏิเสธการรับผู้โดยสาร
ในความเป็นจริง uber/grab car (แยกระหว่างgrab carกับgrab taxiนะ) ก็ปฏิเสธเหมือนกัน เพียงแค่เราไม่รู้ เพราะว่าเวลาเรียกผ่านแอพ จะมีคนขับหลายคนได้รับคำเรียกนั้น ดังนั้นบางคนก็ไม่รับ บางคนก็รับ ภาพที่เราเห็นคือมีคนรับ แต่ในความเป็นจริง คนที่กดรับเรานั้นอาจไม่ใช่คันที่อยู่ใกล้เราที่สุด(คันที่อยู่ใกล้เราสุดไม่เอา แต่คันที่ห่างออกไปเอา ก็เหมือนโดนปฏิเสธแล้วโบกคันอื่นต่อ แต่ไม่ต้องออกแรง)
จะเห็นได้ว่า เราไม่ต้องแก้การไม่รับผู้โดยการ เราเพียงแค่ทำให้ผู้โดยสารสามารถติดต่อคนขับแบบทีละหลายคนได้ ก็เพียงพอและแก้ปัญหาได้แล้ว (ก็คือเรียกผ่านแอพนั่นเอง) ซึ่งในรูปแบบนี้ grab taxi(ที่ไม่ใช่grab car) หรือแอพอื่นๆก็มีแล้ว ซึ่งพวกนี้ถูกกม. ดังนั้นก็"ไม่จำเป็น"ต้องแก้กฎหมายเพื่อUber/grab car
(ปล.1 ในความเป็นจริง ไม่ใช่uber/grab carจะรับผู้โดยสารตลอดนะ จากประสบการณ์หลายๆครั้งก็เรียกแล้วไม่มีคนรับ โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำและเรียกไปไกลๆ เช่นเรียกตอน19.00จากพารากอนไปบางนา กดเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับ ขนาดราคาแพงกว่าช่วงปกติ ดังนั้นการทำให้uber/grab carถูกกม. ก็ไม่การันตีว่าจะแก้ปัญหานี้)
(ปล.2 การปฏิเสธผู้โดยสารถ้าจะมองอีกมุมก็ไม่ใช่เรื่องผิด แท็กซี่ไม่ใช่ข้าราชการที่ห้ามเลือกรับบริการ แท็กซี่เป็นเสมือนบริการนวด สปา หรือการค้าขายอื่นๆ มีสิทธิ์ที่จะเลือกขาย/ไม่ขายใครก็ได้ เช่น ถ้าผมขายของชำแล้วไม่ถูกกับคนๆหนึ่งในหมู่บ้าน เวลาคนๆนั้นมาซื้อของ ผมก็น่าจะมีสิทธิ์ที่จะไม่ขายให้เขานะ แล้วค่าบริการของรถแท็กซี่ คนขับก็ไม่ใช่คนคิดราคา แต่เป็นกม.ที่ควบคุมราคา ดังนั้นถ้าคนขับคิดว่าไม่คุ้ม เขาก็น่าจะมีสิทธิ์ปฏิเสธนะ ถ้าปฏิเสธไม่ได้ ก็เหมือนถูกมัดมือชกให้เจ๊ง ผมว่านี่เป็นสิทธิและเสรีภาพของเขานะ)
-------------------------------------
ถ้าปัญหาคือ : uber/grab carรู้คนขับก่อนขึ้นรถ ทำให้มั่นใจ
อันนี้ไม่แน่ใจว่าใช่ปัญหาหรือเปล่า เพราะพอกดเรียกแล้วคนขับกดรับ เราถึงจะรู้ประวัติคนขับ ซึ่งค่าเท่ากับโบกแล้วเปิดประตูมาดูหน้าตา รูปร่าง และใบประวัติคนขับที่หน้ารถ ค่าเท่ากัน (เห็นหลังเรียกเหมือนกัน และมีสิทธิ์ปฏิเสธเหมือนกัน)
แล้วgrab taxiก็จะมีประวัติขึ้นมาเหมือนuber/grab carนะ ดังนั้นถ้าแก้กม.ให้uber/grab carถูกกม. ก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิม เพราะตอนนี้grab taxiก็ทำได้อยู่แล้ว
-------------------------------------
ถ้าปัญหาคือ : เรียกแท็กซี่ไม่รู้ราคาชัดเจน แต่uber/grab carรู้แน่นอน
ถ้าปัญหาคือ : แท็กซี่ราคาแพงกว่าuber/grab car
เห็นมีบางคนคิดแบบนี้ อันนี้ไม่รู้เคยใช้บริการจริงหรือเปล่า เพราะuberเราไม่รู้ราคาแน่นอนนะ เวลากดเรียกจะมีแค่ช่วงราคาโดยประมาณ แต่ก็ไม่รู้แน่นอนเหมือนกัน ส่วนgrab carรู้แน่นอน (แต่เป็นการรู้ก่อนเรียกเท่านั้น ซึ่งเรียกวันนี้กับเมื่อวาน ราคาอาจไม่เท่ากันก็ได้)
ผมไม่รู้ว่าคนที่ระบุปัญหานี้ต้องการอะไร
- ถ้ารู้ราคาแน่นอนจะได้เตรียมเงินไปพอ? >>> ถ้าแบบนี้การรู้ราคาแน่นอนก็ช่วยได้ แต่uberที่ให้ราคาแบบช่วงประมาณก็ไม่แก้ปัญหานี้ เพราะราคาอาจเกินช่วงที่ประมาณไว้ก็ได้ ถ้ารถติดมากๆเช่น เกิดอุบัติเหตุณ์บนท้องถนนทำให้รถติดหรืออะไรก็ตาม ดังนั้นกรณีนี้Uberถูกกม.ก็ไม่ช่วยอะไร แล้วgrab taxiก็จะมีการประมาณราคาเป็นช่วงราคาเหมือนuber ก็สามารถใช้ทดแทนได้อยู่ดี
- ถ้ารู้ราคาแน่นอนจะได้ตัดสินใจว่าจะไปหรือเปล่า ถ้าแพงก็ไม่ไป >>> กรณีนี้uberก็เหมือนข้างบน มันก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ดี
ส่วนเรื่องราคาแพงกว่า อันนี้ไม่มีความชัดเจน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึก แต่ส่วนตัวที่นั่งมาก็ไม่ต่างกันนะ (แต่ถ้าเป็นช่วงพีคๆเช่นช่วงหัวค่ำที่ความต้องการรถมีสูงมาก ราคาuber/grab carจะแพงกว่าแน่นอน) แต่ที่จะเห็นราคาถูกกว่าน่าจะเป็นเพราะโปรโมชั่น เพราะแอพuber/grab carมักจะมีโปรโมชั่นลดราคา (ซึ่งgrab taxiก็มี) แต่สิ่งนี้ไม่น่าจะเพียงพอให้มีการแก้กม. เพราะมันเป็นแค่สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ไป เมื่อแก้กม.แล้วอาจไม่มีอีกก็ได้
ส่วนประเด็นเรื่องgrab carรู้ราคาแน่นอน อันนี้ถูกต้อง แต่ถ้าต้องการให้ถูกกม.เพื่อสิ่งนี้ มันต้องดูผลกระทบด้วย เช่น
- Grab car/uberอาจมีราคาถูกกว่า กรณีนี้อาจเป็นไปได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าต้นทุนรถต่างกัน รถที่จะจดทะเบียนเป็นแท็กซี่ต้องเครื่องยนต์มากกว่า1500ซีซี(ผ่อน15,000) แต่grab carบางทีเป็นพวกวีออส ซึ่งเครื่องยนต์ต่ำกว่า(ผ่อน8,000) จะเห็นได้ว่าต้นทุนต่างกันเท่าตัว แบบนี้ถ้าไปแข่งราคา แท็กซี่คงสู้ไม่ได้ และถ้าแก้กม. แล้วคนที่ซื้อรถมาผ่อนขับแท็กซี่จะทำอย่างไร พวกเขาไม่ผิดนะ เพราะกม.กำหนด เขาก็ทำตามกม. จะให้เขารับเคราะห์ก็ไม่ยุติธรรมกับเขานะ
- Grab carรู้ราคาแน่นอน แต่ราคานั้นก็เป็นราคาที่ทางบริษัทกำหนด ถ้าวันนึงไร้คู่แข่งแล้วเขากำหนดราคาสูงมากๆ แบบนี้จะทำยังไง จะแก้กม.อีกไหม หรือจะทำใจรับชะตากรรม หรือว่าถ้าแก้กม.ให้grab carถูกกม.แล้ว ต้องออกกม.ควบคุมราคาอีก แบบนี้ก็จะเป็นเหมือนแท็กซี่นะ ถ้าวิ่งไกลมากแล้วรถติดมาก คนขับก็ไม่คุ้ม สุดท้ายก็จะมีปัญหาเดิมคือไม่รับผู้โดยสารอยู่ดี และการรู้ราคาแน่นอนก็จะไร้ค่าไปโดยปริยาย
- มีตัวอย่างคนตั้งกระทู้ในเว็บพันทิพให้เห็น เช่นคนขับuberมาโพสในทำนองว่า ขับแล้วแทบจะไม่เหลือกำไร (ลองเสริชในgoogleว่า "ขับuber pantip" ดูได้)
จะเห็นว่าจริงๆแล้วuber/grab carก็สามารถทำตัวเองให้ถูกกม.ได้นะ ถ้าสเปครถถูกตามกม. แต่ถ้าจะเปลี่ยนสเปคให้ต่ำลง แล้วคนอื่นๆก่อนหน้าที่เขาทำถูกทำตามกม. เขาได้รับผลกระทบ จะช่วยยังไง (เห็นมีแต่คนบอกให้แก้ แต่ไม่เห็นพูดอะไรที่เป็นรูปธรรมเลย มีแค่คำว่าแก้ แก้จากอะไรเป็นอะไร แล้วผลกระทบจะมีอะไรบ้าง แล้วจะแก้ปัญหาผลกระทบยังไง ไม่เห็นมีใครพูด)
แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาจริงๆคือ "ราคา" มากกว่า แท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารก็เพราะไม่คุ้ม(ราคา) grab car/uberรู้ราคาชัดเจน ซึ่งเรื่องราคานี้พูดได้ยาก คนจ่ายก็ไม่อยากจ่ายแพง คนบริการก็อยากได้กำไร คำว่าแพงของคนจ่ายแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก กำไรที่คนขับอยากได้ต่อวันของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก คำถามคือจะกำหนดเท่าไหร่???
ถ้ากำหนดมิเตอร์แบบเดิม แต่ให้สามารถมีบริการอีกแบบคือคิดราคาเหมา >>> ถ้าเหมาแล้วเอาอะไรอ้างอิงการคิดราคานั้น แล้วสิ่งอ้างอิงนั้นยุติธรรมเหมาะสมหรือไม่ จะดูอย่างไร ถ้าไม่มีอะไรอ้างอิง แล้วแต่บริษัทกำหนด วันนึงที่การแข่งขันสูงแล้วมีการแข่งกันลดราคา คนขับจะอยู่อย่างไรถ้าโดนกดราคา วันนึงที่การแข่งขันต่ำแล้วบริษัทโก่งราคาเพื่อกำไรที่มากขึ้น แล้วผู้โดยสารจะทำอย่างไร ไร้ทางเลือกเหมือนเดิม เวลารัฐจะทำอะไรต้องดูประเด็นหรือมุมมองต่างๆเหล่านี้ ซึ่งคนที่เชียร์ให้แก้ก็ไม่บอกทางแก้ตรงนี้ (ถ้าบอกให้รัฐไปคิดเอาเอง ถ้าเขาอ้างว่าคิดได้แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณจะรับได้ไหม? ยังไงเราก็ควรช่วยกันคิดเพื่อบ้านเมืองไหม?)
ถ้าบอกว่างั้นก็ให้ผู้โดยสารกรอกราคาเสนอไปเองตอนส่งคำสั่งเรียกรถ ไม่ต้องให้บริษัทกำหนด >>> แล้วคนทั่วไปจะรู้ประมาณการณ์ราคาถูกไหม แล้วคนขับที่ไม่ได้ไปบริเวณนั้นบ่อย จะรู้ไหมว่าราคานี้ถูก แพง เหมาะสม จะตัดสินใจกดรับ/ไม่รับจากอะไร
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมว่าเหล่านี้คือบริบทที่ไม่มีการลดสเปครถนะ และเมื่อไม่ลดสเปครถในการจดทะเบียนเป็นรถยนต์สาธารณะ รถบริการพวกuber/grab carก็จะหายไปจำนวนมาก(เพราะพวกวีออสจะเอามาขับไม่ได้)
สำหรับพวกที่คิดว่า
- ไม่สนใจว่าคนขับจะกำไรหรือเปล่า กำหนดราคาให้ถูกๆเลย
- ไม่สนใจว่าราคาจะเท่าไหร่ ถ้าโดนโก่งแพงๆก็ไม่เป็นไร จ่ายไหว
- ไม่สนใจว่าคนที่ซื้อรถมาแบบถูกกม.จะต้นทุนแพงกว่า ได้รับผลกระทบ อยู่ไม่ไหว ไม่สนใจหาทางแก้หรือช่วยเหลือเขา ขอแค่ให้มีการแก้กม.เพื่อตัวเองได้บริการที่ต้องการก็พอ
ถ้าคิดแบบนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์โวยวายคนขับแท็กซี่ที่ไม่ดีหรอกครับ เพราะพวกคุณก็เห็นแก่ตัวเหมือนพวกเขา
-------------------------------------
ในความเป็นจริง หลายๆประเทศโดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว uberก็ไม่ได้ถูกกม.นะ ดูได้จากลิ้งค์นี่
https://thematter.co/pulse/how-do-they-deal-with-uber/20287/amp
ทีนี้บางคนก็จะบอกว่าก็เพราะแท็กซี่ตปท.มีมาตราฐาน บริการดี แต่ของไทยไม่ใช่ (สมมติตัดเรื่องความคุ้มของทั้งผู้โดยสารและคนขับในเรื่องราคา) ในกรณีนี้ก็ต้องร้องเรียน แล้วถ้าร้องเรียนแล้วไม่มีการดำเนินการ แปลว่าปัญหาอยู่ที่เจ้าหน้าที่นะ เพราะละเลย/ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะอย่าลืมว่าทุกอาชีพก็มีทั้งคนดีและไม่ดี การที่แท็กซี่บริการไม่ดีบ้างก็ไม่แปลก(และตปท.ก็น่าจะมีเหมือนกัน คงไม่ได้บริการดีทุกคนหรอกมั้ง) ทางแก้คือให้จนท.ดำเนินการแบบจริงจัง (ที่เห็นว่าuber/grab carควบคุมมาตราฐานได้ดีกว่า อาจเพราะทางบริษัทเข้มงวดจริงจัง แบบนี้ต้องร้องเรียนให้จัดการจนท.ครับ)
(ทีนี้ก็นำไปสู่ปัญหาอีกข้อ เรื่องการร้องเรียน จะตรวจสอบยังไงว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เป็นเรื่องจริง ถ้ามีคลิปก็ชัดเจน แต่ถ้าไม่มีคลิปไม่มีหลักฐาน แบบนี้ก็พิสูจน์ยากอีก (แต่นี่ถือว่านอกประเด็นละ))
(ถ้าปฏิเสธเพราะไม่รู้เส้นทาง อันนี้ก็ควรออกกม.ให้การสอบใบขับขี่สาธารณะต้องมีการทดสอบความรู้เรื่องเส้นทางแบบจริงจัง เพื่อไม่ให้มีการกล่าวอ้างแบบนี้ได้)
จากทั้งหมดที่กล่าวมา จะเห็นว่าทุกวันนี้แอพgrab taxi(ที่ไม่รวมgrab car) หรือแอพอื่นๆให้ลักษณะนี้ เพียงพอแล้วสำหรับการแก้ปัญหา ถ้าจะขาดหรือควรเพิ่มก็คือการคิดบริการแบบราคาเหมา ซึ่งจะทำได้ก็ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติ และการแก้ปัญหาผลกระทบที่ตามมา(ซึ่งยังไม่เห็นว่าจะมีใครเสนอแนะเรื่องพวกนี้ได้จริง)
ดังนั้นเราอย่าเพิ่งตามกระแสหรือใช้อารมณ์ แต่หันมาช่วยกันหาทางแก้หรือหาแนวทางปฏิบัติที่ทำได้จริง และไม่ส่งผลกระทบให้คนที่ทำถูกกฎหมายต้องเดือดร้อนดีกว่านะครับ คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ