" แชร์ประสบการณ์ work and study Canada กฏหมายที่อำนวยให้ทำงานได้ตั้งแต่เข้า Program "
ทำไม แคนาดา?
- ตอนสมัยเด็กไปมาเกือบครบพวกโครงการแบบว่า work and travel, working and holiday Australia แล้วค่ะ แต่ประเทศที่คิดว่ายังไงวันนึงก็ต้องได้ไปอยู่ดีก็คือ UK, Canada, New Zealand และเราก็ชอบแบบว่า ไปแล้วนานๆ ดูวัฒนธรรม เห็นทุกซอก ทั้งดีและไม่ดี เลยตั้งใจว่าจะไปสัก 1 ปี พอดู Criteria ต่างๆ ความยากง่ายในการเข้าประเทศไปเรียน ได้ผลออกมาเป็น Canada เพราะว่า work and study เหมาะกับที่จบใหม่ๆ หรือมีประสบการณ์มาไม่กี่ปี ไม่ควรเกิน 28 ปีเพราะวีซ่าจะผ่านยาก เราก็เลยแบบว่า เอาประเทศนี้ก่อน อายุเยอะแล้วค่อยไปที่อื่นเอา
เมืองไหน ? Vancouver VS Toronto
งาน เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจด้วยตัว Work and study ด้วยและก็ตั้งใจว่าอยากทำร้านต่างชาติ คนไทยน้อยๆ
- คำตอบเชิงงาน คือ โตรอนโต
อยากเที่ยวโซนไหน
1) ถ้าไป Toronto จะได้เที่ยว Ottawa>>> montreal>>> Quebec ซึ่ง สเน่ห์ คือ ความหนาว ความเป็นเมืองหลวง สถาปัตยกรรมยุโรป แต่อยู่ในเมืองที่เราคิดว่าน่าจะคล้ายอเมริกาเพราะแคนาดาอยู่การปกครองสมัย Victoria ( ถ้าเคยขอวีซ่าอังกฤษจะมีคำถามว่า คุณเคยไปประเทศในกลุ่มนี้หรือไม๊ ออสเตรเลีย แคนาดา ) และ ที่ Montreal และ Quebecเค้าใช้ภาษาฝรั่งเศสจ้าาาาาา ถ้าขับรถเที่ยวอาจจะดูป้ายยากนิดนึง และก็อยากไปเที่ยวน้ำตก Niagara เพื่อข้ามไป shopping ที่อเมริกา Buffolo Tax 0%
Dundus Square
Ottawa
2) Vancouver เป็นเมืองอุดมไปด้วยธรรมชาติ อากาศจะคล้าย Sydney คือ เช้าแดด กลางวันฝน บ่ายๆ ลมแรง กลางคืน หนาว แบบว่า ไม่มีหิมะ ส่วนตัวว่าอากาศเดายาก ร้อนหนาวปนๆกัน อาหารการกินแบบ Asia คนเอเชียมากกว่า Zone Toronto ข้อดีคือ อาหารญี่ปุ่นจัดว่าเด็ดมากเพราะคนญี่ปุ่นเยอะ เที่ยวจะเชิงธรรมชาติสวยงาม แบบว่า นั่ง Ferri ข้ามไป Victoria เมืองธรรมชาติน่ารักๆ หรือไป alberta Lake Liouse แบบ ดื่มด่ำธรรมชาติสุดๆ
Vancouver
ประเภทของงานที่ทำ งานที่ แคนาดาหายาก ?
>>> ขึ้นอยู่กับคนคะ!!!!
ยกตัวอย่าง เราไปอยู่ออส หลักๆทำงานร้านต่างชาติ เสริม Job thai เพราะได้เพื่อน Connection และก็กินฟรี อิอิ แต่พอมา Toronto มาถึงก็เดินร่อน resume ที่ซีรอคมาตั้งแต่เมืองไทย 55+ เอาเป็นว่า ความกล้าจะทำให้คุณได้งานคะ ไม่ว่าจะอยู่เมืองไหนก็ตาม
กฏหมายเปลี่ยนไปอย่างไร?
Program work and study แท้จริง คือ COOP (โค ออพ ) คือ เน้นฝึกงาน นักเรียนสามารถทำงานได้ในหลักสูตร Diploma หรือ ถ้าเป็นนักเรียน College ก็จะเรียนมี Coop term เหมือนบังคับให้ลง เพื่อประสบการณ์การทำงานนั่นเอง
แต่นักเรียนเรียนภาษาจะได้แค่ study permit เท่านั้นไม่สามารถทำงานได้ Work and study program ซึ่ง 5 ปีก่อนหน้านั้น หลักสูตร เรียน 5 เดือน และทำงาน 5 เดือน สามารถทำงานได้ก็ต่อเมื่อหลังจากจบหลักสูตรเรียนแ
แต่ในปัจจุบัน ซึ่ง 2017 นักเรียนสามารถทำงาน 20 ชม ในขณะเรียนและ 40 ชม ในช่วง Coop term
work permit ในแคนาดามี ถึง 4 ตัวคือ
1) work on Campus
2) work off Campus
3) work as a Co-op Student or Internship
4) work in canada after graduate.
ซึ่ง ในฐานะ นักเรียนเราจะอยู่ในข้อที่ 3 คือ work as a Coop student or Internship คือ ฝึกงานแบบได้รับค่าตอบแทน หรือไม่ได้รับค่าตอบแทน ก็ต้องมี work permit ซึ่งเจ้าใบ work Permit เจ้าหน้าที่ก็จะ ให้มาพร้อมตอนที่เข้า ตม ที่แคนาดาเลย
สมัครอย่างไร
>>> Applying with your study permit
Your acceptance letter must confirm that a co-op or internship placement is part of your program’s curriculum. You then only need to apply for a study permit and we will process the work permit as part of your application.
ดังนั้นแล้ว work permit มันจะได้ก็ต่อเมื่อเรียนแบบ Coop หรือ work and study ซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้
1) สมัครสอบเข้า work and study program วัดระดับภาษา
โปรแกรมเหมาะกับคนที่มีพื้นฐานการสื่อสาร หากระดับไม่ถึงก็ไม่ต้องตกใจ เราก็สามารถไปเรียนภาษาเสริมได้คะแล้วค่อยเข้า Coop แต่อย่าลืมว่า ช่วงภาษายังทำงานไม่ได้ (แอบทำก็อีกเรื่อง อิอิ) ในความเห็นส่วนตัวมองว่า ดีที่มีการสอบไปก่อนเพราะว่าในเคสไม่ได้ภาษาเลยไปถึงลำบากแน่ๆ เพราะ ร้านไทยที่แคนาดาไม่ได้มีเยอะมาก ดังนั้นแล้ว
แคนาดาเหมาะกับการไปเรียน และทำงาน แต่ไม่ได้ทำงานเป็นหลัก
2) สอบสัมภาษณ์กับทางสถาบัน เพื่อวัดระดับว่า speaking เราได้เท่าไหร่ บางคนสอบได้คะแนนสูงตก speaking เราก็จะถูกลด level ไปต่างกับระบบบ้านเราที่เน้นการทำข้อสอบเพียงอย่างเดียว
3) รอผลว่าจะต้องเรียนเพิ่มไม๊
4 ) เมื่อตกลงปลงใจก็เสียตังค์ ขอใบตอบรับจะได้ LOA มาครอบครองเพื่อสมัครขอวีซ่าและ Study Permit.
สมัครเองกับผ่านตัวแทนหรือ เอเจนท์ดีกว่า ?
-- ประสบการณ์พบว่า
ราคาเอเจ้นท์ ถูกกว่าและไม่ต้องทำวีซ่าเอง เพราะว่าปกติโรงเรียนเค้าจำเป็นต้องให้เอเจ้นท์ไทยในการประสานงาน เอกสารและวีซ่าอันแสนยุ่งยากเพราะฉะนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยขอเอง สามารถให้ตัวแทนยื่นไป สบายกว่า
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่านคะ เขียนครั้งแรก งงๆ เบลอๆยาวๆ หากเพื่อนๆคนไหนอยากรู้ก็สามารถ หลังไมค์มาได้เลย
ราตรีสวัสดิ์ Have a great night ka
เลือกไป Work and Study Canada ประเทศที่คนมักมองเป็นอันดับท้ายๆ
- ตอนสมัยเด็กไปมาเกือบครบพวกโครงการแบบว่า work and travel, working and holiday Australia แล้วค่ะ แต่ประเทศที่คิดว่ายังไงวันนึงก็ต้องได้ไปอยู่ดีก็คือ UK, Canada, New Zealand และเราก็ชอบแบบว่า ไปแล้วนานๆ ดูวัฒนธรรม เห็นทุกซอก ทั้งดีและไม่ดี เลยตั้งใจว่าจะไปสัก 1 ปี พอดู Criteria ต่างๆ ความยากง่ายในการเข้าประเทศไปเรียน ได้ผลออกมาเป็น Canada เพราะว่า work and study เหมาะกับที่จบใหม่ๆ หรือมีประสบการณ์มาไม่กี่ปี ไม่ควรเกิน 28 ปีเพราะวีซ่าจะผ่านยาก เราก็เลยแบบว่า เอาประเทศนี้ก่อน อายุเยอะแล้วค่อยไปที่อื่นเอา
งาน เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจด้วยตัว Work and study ด้วยและก็ตั้งใจว่าอยากทำร้านต่างชาติ คนไทยน้อยๆ
- คำตอบเชิงงาน คือ โตรอนโต
1) ถ้าไป Toronto จะได้เที่ยว Ottawa>>> montreal>>> Quebec ซึ่ง สเน่ห์ คือ ความหนาว ความเป็นเมืองหลวง สถาปัตยกรรมยุโรป แต่อยู่ในเมืองที่เราคิดว่าน่าจะคล้ายอเมริกาเพราะแคนาดาอยู่การปกครองสมัย Victoria ( ถ้าเคยขอวีซ่าอังกฤษจะมีคำถามว่า คุณเคยไปประเทศในกลุ่มนี้หรือไม๊ ออสเตรเลีย แคนาดา ) และ ที่ Montreal และ Quebecเค้าใช้ภาษาฝรั่งเศสจ้าาาาาา ถ้าขับรถเที่ยวอาจจะดูป้ายยากนิดนึง และก็อยากไปเที่ยวน้ำตก Niagara เพื่อข้ามไป shopping ที่อเมริกา Buffolo Tax 0%
Dundus Square
Ottawa
2) Vancouver เป็นเมืองอุดมไปด้วยธรรมชาติ อากาศจะคล้าย Sydney คือ เช้าแดด กลางวันฝน บ่ายๆ ลมแรง กลางคืน หนาว แบบว่า ไม่มีหิมะ ส่วนตัวว่าอากาศเดายาก ร้อนหนาวปนๆกัน อาหารการกินแบบ Asia คนเอเชียมากกว่า Zone Toronto ข้อดีคือ อาหารญี่ปุ่นจัดว่าเด็ดมากเพราะคนญี่ปุ่นเยอะ เที่ยวจะเชิงธรรมชาติสวยงาม แบบว่า นั่ง Ferri ข้ามไป Victoria เมืองธรรมชาติน่ารักๆ หรือไป alberta Lake Liouse แบบ ดื่มด่ำธรรมชาติสุดๆ
Vancouver
>>> ขึ้นอยู่กับคนคะ!!!!
ยกตัวอย่าง เราไปอยู่ออส หลักๆทำงานร้านต่างชาติ เสริม Job thai เพราะได้เพื่อน Connection และก็กินฟรี อิอิ แต่พอมา Toronto มาถึงก็เดินร่อน resume ที่ซีรอคมาตั้งแต่เมืองไทย 55+ เอาเป็นว่า ความกล้าจะทำให้คุณได้งานคะ ไม่ว่าจะอยู่เมืองไหนก็ตาม
Program work and study แท้จริง คือ COOP (โค ออพ ) คือ เน้นฝึกงาน นักเรียนสามารถทำงานได้ในหลักสูตร Diploma หรือ ถ้าเป็นนักเรียน College ก็จะเรียนมี Coop term เหมือนบังคับให้ลง เพื่อประสบการณ์การทำงานนั่นเอง แต่นักเรียนเรียนภาษาจะได้แค่ study permit เท่านั้นไม่สามารถทำงานได้ Work and study program ซึ่ง 5 ปีก่อนหน้านั้น หลักสูตร เรียน 5 เดือน และทำงาน 5 เดือน สามารถทำงานได้ก็ต่อเมื่อหลังจากจบหลักสูตรเรียนแ
แต่ในปัจจุบัน ซึ่ง 2017 นักเรียนสามารถทำงาน 20 ชม ในขณะเรียนและ 40 ชม ในช่วง Coop term
work permit ในแคนาดามี ถึง 4 ตัวคือ
1) work on Campus
2) work off Campus
3) work as a Co-op Student or Internship
4) work in canada after graduate.
ซึ่ง ในฐานะ นักเรียนเราจะอยู่ในข้อที่ 3 คือ work as a Coop student or Internship คือ ฝึกงานแบบได้รับค่าตอบแทน หรือไม่ได้รับค่าตอบแทน ก็ต้องมี work permit ซึ่งเจ้าใบ work Permit เจ้าหน้าที่ก็จะ ให้มาพร้อมตอนที่เข้า ตม ที่แคนาดาเลย
>>> Applying with your study permit
Your acceptance letter must confirm that a co-op or internship placement is part of your program’s curriculum. You then only need to apply for a study permit and we will process the work permit as part of your application.
ดังนั้นแล้ว work permit มันจะได้ก็ต่อเมื่อเรียนแบบ Coop หรือ work and study ซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้
1) สมัครสอบเข้า work and study program วัดระดับภาษา
โปรแกรมเหมาะกับคนที่มีพื้นฐานการสื่อสาร หากระดับไม่ถึงก็ไม่ต้องตกใจ เราก็สามารถไปเรียนภาษาเสริมได้คะแล้วค่อยเข้า Coop แต่อย่าลืมว่า ช่วงภาษายังทำงานไม่ได้ (แอบทำก็อีกเรื่อง อิอิ) ในความเห็นส่วนตัวมองว่า ดีที่มีการสอบไปก่อนเพราะว่าในเคสไม่ได้ภาษาเลยไปถึงลำบากแน่ๆ เพราะ ร้านไทยที่แคนาดาไม่ได้มีเยอะมาก ดังนั้นแล้ว แคนาดาเหมาะกับการไปเรียน และทำงาน แต่ไม่ได้ทำงานเป็นหลัก
2) สอบสัมภาษณ์กับทางสถาบัน เพื่อวัดระดับว่า speaking เราได้เท่าไหร่ บางคนสอบได้คะแนนสูงตก speaking เราก็จะถูกลด level ไปต่างกับระบบบ้านเราที่เน้นการทำข้อสอบเพียงอย่างเดียว
3) รอผลว่าจะต้องเรียนเพิ่มไม๊
4 ) เมื่อตกลงปลงใจก็เสียตังค์ ขอใบตอบรับจะได้ LOA มาครอบครองเพื่อสมัครขอวีซ่าและ Study Permit.
-- ประสบการณ์พบว่า ราคาเอเจ้นท์ ถูกกว่าและไม่ต้องทำวีซ่าเอง เพราะว่าปกติโรงเรียนเค้าจำเป็นต้องให้เอเจ้นท์ไทยในการประสานงาน เอกสารและวีซ่าอันแสนยุ่งยากเพราะฉะนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยขอเอง สามารถให้ตัวแทนยื่นไป สบายกว่า
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่านคะ เขียนครั้งแรก งงๆ เบลอๆยาวๆ หากเพื่อนๆคนไหนอยากรู้ก็สามารถ หลังไมค์มาได้เลย