ระหว่างซื้อหุ้น กับ ซื้อทีดิน พี่ๆ เจ้าของกิจการคิดว่ายังไงครับ

พี่ๆ ที่มีธุรกิจคิดว่าแบบไหนสมเหตุสมผลกว่ากันครับ

ปัจจัยพิจารณาคือ
ตัวผมตอนนี้อายุ 30

หุ้น
พอร์ทหุ้นหลายๆ ปี ผมเฉลี่ยทำผลตอบแทนได้ประมาณ 10% ถ้ารวมปันผลก็ 13-14%
ส่วนตัวมองว่าหุ้นมีสภาพคล่องดี ผิดก็ออกแก้ไขใหม่ได้ ไม่ได้ลงเงิน(ส่วนลงทุน) ไปทั้งหมด
ผมเป็นสาย VI ครับ ซื้อเฉพาะตอนที่คนตกใจเท่านั้น ปีนึงซื้อแค่ครั้งสองครั้ง หรือไม่ซื้อเลย
ถือยาว ซึ่งถ้าลงทุนต่อ แผนคือผมคงหยุดลงทุนในเมืองไทยไปลงทุนหุ้นต่างประเทศแทน
ไปหา Groth ที่กลุ่มประเทศ CLMV

ซึ่งกรณีถ้าซื้อหุ้น เป็นสิ่งที่ผมทำอยู่แล้วมีข้อดีคือมีสภาพคล่องสูง และผมก็ไม่ได้ลงทุนด้วยเงินลงทุนทั้งหมด
ยังมีเงินเพื่อไว้ลงทุนอย่างอื่น แต่ยังไม่มีไอเดีย และยังไม่มีประสบการณ์ทำธุรกิจเองทั้งระบบ
ซึ่งเมื่อลงลิสงานที่ต้องทำเป็นในทางปฏิบัติทั้งหมด ผมก็ยังอดชื่นชมพวกเจ้าของกิจการไม่ได้ทุกที
เขาเก่งกันนะครับ

ที่ดิน
พื้นคือผมไม่เคยซื้ออสังหา แต่ความตั้งใจคือเตรียมที่ทางไว้ตอนเกษียนไม่อยากเริ่มตอนแก่
ส่วนตัวมองว่าเป็นทำเลที่ดี ใกล้กรุงเทพไม่เกิน 50 กม ขับไปได้ดูทุกอาทิตย์ เข้าไปเย็นกลับได้
ใกล้อำเภอ ไม่ไกลโรงเรียน ติดโรงพยาบาลชุมชน อยู่ได้ ทำเกษตรได้
เพื่อบ้านเป็นคนรู้จักกันที่ไปซื้อก่อน

ถ้าเป็นการซื้อที่ดิน เงินส่วนลงทุนผมจะหมด ทำให้ไปลงทุนอย่างอื่นต่อได้อยาก
แต่จะได้สินทรัพย์ถาวรมา (ไม่ได้กู้ และคนละส่วนกับส่วนเงินสำรองและเงินใช้จ่ายในบ้าน)
ซึ่งผมคงมองไปในลักษณะการเกษตรบางอย่างครับ
เพราะตอนนี้ผมก็มีรายได้ประจำอยู่แล้ว ยังไม่ต้องพึ่งรายได้จากส่วนนี้
และการเกษตรผมมองว่ากินต้นทุนเวลาเราน้อยกว่ากิจการแบบอื่น
เหมือนให้ต้นไม้ทำงานให้เรา ถ้าวางระบบได้ดี ซึ่งตรงนี้สำคัญเพราะผมมีงานประจำ
มูลค่าที่ดินที่สืบมาเบื้องต้นขึ้นประมาณปีละ 10-14% ในปีก่อนๆ แต่จะก็สะภาพคล่องต่ำตามแบบอสังหา
น้ำไม่ขาดแม้ว่าน่าแล้งเพราะอยู่ติดคลองชลประทานและมีบ่อและท่อทำเข้าที่ดินไว้แล้ว
แรงงานคิดว่าน่าจะพอจัดการได้ ดูจากแถวนั้นมีคนรับจ้างและพื้นการเกษตรอยู่
พื้นฐานเกษตรผมไม่มี แต่พ่อแม่ผมมี แต่เป็นสายวิชาการเพราะจบเกษตรปลูกเป็น
แต่มีทัศนคติว่าเกษตรไม่มีกำไรจำไม่ทำ แต่ผมกดตัวเลขแล้วมีความเป็นไปได้ถ้าวางระบบดี
ปล. ไม่ใช่พืชออแกนนิก หรือผักไฮโดร นะครับเป็นอย่างอื่น

เป้าตอนนี้คือ ไม่ติดลบค่าการดำเนินงาน ถ้าไม่ดี ก็ยังมีตัวที่ดินอยู่ที่มูลค่าโตตามเวลา
และผมยังไม่ต้องพึ่งพารายได้ส่วนนี้ แค่อย่าเป็นรายจ่ายเกินไป และถ้าไม่สำเร็จก็ถือว่าผมได้ก้าวขา
เก้าแรกในการมีประสบการณ์ทำธุรกิจ

เป้าสุดท้ายคือหลักเกษียญงานหลัก คือมีงานหรือธุรกิจทำอาจไม่ใช่อันนี้ก็ได้ ไม่รอลูกเลี้ยง

ขอบคุณที่อดทนอ่านครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่