ขอเริ่มก่อนว่า จริงๆ ก็กำลังอยู่ในช่วง วิตกกังวล ไม่ใช่เสียดายโทรศัพท์ แต่เส้นทางที่โดนปล้นมันเป็นเส้นทางที่เดินกลับบ้านทุกวันเวลากลางคืนหลังเลิกงาน เดินมา 3 ปีกว่าแล้ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรอย่างนี้ขึ้น
เข้าเรื่องเลยนะครับ ตอนนี้ เวลาที่ Melbourne Australia เป็นเวลา 4.38 am
เรื่องเกิดจากผมเลิกงาน ตอนราวๆ 5 ทุ่มที่ออสเตรเลีย ก็นั่งรถไฟกลับบ้าน ปกติ มาถึงสถานีแถวบ้านประมาณ 1 am ผมจะเดินเส้นทางนี้กลับประจำ ใช้เวลาเดินประมาณ 10-20 นาที ผมก็เดินออกจากสถานี เดินตามทางเท้าปกติ ระหว่างทางมีกลุ่มคนดำ ประมาณ 7-8 คน ปนๆ กัน หญิงชาย ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเป็นวันเสาร์ ปกติก็มีคนเดินกลับจาก Party เป็นเรื่องปกติ
หลังจากผมเดินละ จะกลุ่มนั้นมาแล้วประมาณ 200-300 เมตรได้ ผมก็ได้ยินเสียง คนวิ่งมา ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร นึกว่าเป็นคนกลุ่มอื่นวิ่งมาจากทางสถานี แต่อยู่ๆ พอวิ่งผ่านหน้าผมไป มันก็หยุด แล้วก็หันมา เป็นชายผิวดำ สองคน คนนึงเข้ามาทางด้านหน้า อีกคนยืนขวางด้านหลัง
คนนึงรูปล่างเตี้ย อีกคน สูงกว่า ประมาณ เกือบ 180 ได้ คนเตี้ยก็เดินเข้ามา เอามือล้วงกระเป๋า แล้วเริ่มพุดว่ามันมีมีด ให้เอาโทรศัพท์มา ผมก็ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่มี โชคดีที่ผมเป็นคนมีสติ ผมจึงดึงทีท่า บอกว่าไป เอาไปทำอะไร
มันก็บอกว่า บอกให้เอามา มันมีมีด ผมก็รู้ว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องเล่นๆ ปกติ คนดำมักขี้เล่น ผมก็แค่ลองเชิงดูก่อน, อันนี้ผมยอมให้แต่โดยดี เพราะยังไง ก็เอาชีวิตไว้ก่อน ก็ยื่นให้มันไป, หลังจากนั้น มันก็ให้ผมปลดล็อค Reset Password, Reset เครื่องทั้งหมด
ตอนนี้เองที่ผมเริ่งสังเกตุว่า ไอคนสูงชักกลัวๆ ชักดึงๆ ไอคนเตี้ย ไม่ให้ทำอะไรต่อ, ผมจึงถือโอกาสมองหน้าไอคนสูงแล้วบอกว่า เนี่ย ชั้นก็ Reset ให้แล้ว เอาไปเลย แล้วรีบๆ ไปซะ
ไอคนสูงก็ดึงๆ แต่คนเตี้ยมันไม่ยอมครับ มันจะขอกระเป๋าเงินผมอีก ผมมีความรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่มืออาชีพ ไม่อย่างนั้น มันคงรื้อกระเป๋าผมไปแล้ว ไม่มานั่งถามให้ผมยื่นให้ ผมจึงบอกว่า ผมใช้ Apple Wallet ไม่ได้พกเงิน ทุกอย่างอยู่ในโทรศัพท์หมด เนี่ย นายสองคนเอาทุกอย่างไปแล้วจริงๆ เงินชั้นก็ไม่มีติดตัว
คนสูงมีการยินเงินให้ผม 5 ดอลล่า แล้วบอกว่าให้ไปซะ ผมบอกว่าผมไม่เอา ให้มันรีบเอาโทรศัพท์แล้วก็ไปซะ ไอคนเตี้ยเริ่มจับคอเสื้อผม แล้วก็บอกว่า ชั้นจำหน้าแกได้นะ ห้ามบอกใคร ห้ามไปบอกให้ใครช่วย แล้วมันก็วิ่งกันไปทางสถานีรถไฟ
บอกตรงๆ ว่า ตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีสติ เท่าตอนที่พิมพ์หรอกครับ แต่นึกได้ว่า สถานีรถไฟ จะมีตำรวจเฝ้าตลอดเวลา แต่จะทำยังไงละ มันวิ่งไปทางนั้น จะให้เดินตามมันไปก้ยังไงอยู่ ถ้าเกิดมันมีมีดจริงๆ แล้วเห็นเราเดินตามมันไปละ
ผมตัดสินใจ เดินเข้าเกาะกลางถนน โบกรถอยู่ สองสามคัน โดยหวังจะให้เขาพอไปที่สถานีรถไฟ ก็ไม่มีใครจอด จนผมมานั่งคิดว่า เม่งใครมันจะจอดวะ ตี 1 เขาก็ต้องกลัว มีทางเดียวคือ เดินต่อให้ถึงบ้าน แล้วไปใช้โทรศัพท์ที่บ้าน หรือให้น้องชายพาไปสถานีตำรวจ
โชคดีเดินไปถึง 1-3 นาที เจอออสซี่ สองคนปั่นจักยาน คล้าย ที่เขาเล่น X-tream ผ่านมา ผมเลยตะโกนถามว่า มีโทรศัพท์ไหม ปรากฎว่าไม่มี ผมเลยบอกไปเลยว่า ชั้นเพิ่งโดนปล้นมือถือ ไม่รู้จะติดต่อใคร หรือจะยังไงดี
ประทับใจมาก ที่สองคนนี้บอกว่า ให้คนนึงรีบปั่นไปสถานีรถไฟ แล้วไปบอกตำรวจให้ดักคนไว้ (โชคร้ายที่ตำรวจประจำสถานีรถไฟไม่ดัก ไม่ทำอะไรเลย เหตุผลนึงคือ ผม เจ้าตัว ไม่ได้ไปบอกตำรวจเอง) เหตุผลคือ ผมต้องซ้อนท้ายด้วยการยืน ออสซี่อีกคนนึง เพื่อพาผมปั่นไปสถานี
พอถึงสถานี ตำรวจก็ไม่ทำอะไรมาก บอกตรงๆ ว่าผมผิดหวังมาก กับตำรวจสองคนนี้ ถ้าเขาจะสั่งหยุดรถไฟ ที่เพิ่งออกไป ผมคิดว่ามีโอกาสหาตัวเจอได้ง่ายมาก แต่เขาบอกผมแค่ว่า ให้ไปแจ้งที่สถานีตำรวจ หรือไม่ก็ไม่แจ้งพรุ่งนี้
ผมจึงแจ้งชื่อ ที่อยู่ไว้ แล้วผมบอกว่า ผมไม่กล้าจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ตำรวจก็ให้ผมเดินกลับมา ซึ่งผมผิดหวังและกลัวมากๆ ที่ต้องเดินยอ้นกลับบ้านมาทางเดิมที่เพิ่งเกิดเหตุ
ผมมาถึงบ้าน เห็นห้องน้องชายเปิดไฟอยู่ จึงรีบวิ่งไปห้องน้องชาย เรียกออกมาทำอะไรได้บ้าง ขั้นแรกผมกับน้องเข้าไป Fine my iphone ก่อน แต่ก็หาเครื่องไม่เจอ ผมจึง Contact Live Apple Australia ก็ได้คำตอบมาว่าเครื่องผมมีการ Reset ออกจาก Fine my iPhone หาเครื่องไม่ได้ ให้ผมไปติดต่อตำรวจ
น้องผมจึงตัดสินใจ เอาวะ ไปโรงพักกันตอนนี้แหละ แต่ยังไม่ได้ทันได้ก้าวไปไหน ก็มีเสียงคนมากดกริ่งหน้าบ้าน ปรากฎว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย ได้รับแจ้งให้มาครับ
ก็เข้ามาสอบปากคำ ก็ตามที่ผมเล่าไปด้านบน แล้วเขาก็ขอโทษขอโพย เขาบอกว่ามีการขู่ว่ามีมีด นี่คือร้ายแรงถึงชีวิต ตำรวจที่ถนานีควรจะสั่งหยุดรถไฟ 2-3 ขบวนก่อนหน้า ที่ออกไปทันที
เนื่องด้วย มีการขู่ด้วยของมีคม เคสผมจึงกลายเป็นเคสพิเศษขึ้นมาทันที ไม่ได้เป็นแค่ iPhone 7 Plus หายธรรมดา นั่งให้ปากคำอยู่สักพัก ก็มี เสียงกริ่งมาอีก ทีนี้เป็นคนใส่ชุดโค้ท ดำสองคน หญิงชาย เข้ามา เป็นทีม Investigate (ตอนนี้ผมมีความรู้สึกว่าเข้าไปอยุ่ในหนังสืบสวนสอบสวนยังไงบอกไม่ถูก) เขาก็เข้ามารับเรื่องต่อจากตำรวจ แล้วก็พาผมขึ้นรถ ขับย้อนไปเส้นทางที่เกิดเหตุ อธิบายตั้งแต่ เจอออสซี่สองคนตรงไหน แล้วลงไปถ่ายรูป โดนคนดำปล้นตรงไปน แล้วลงไปถ่ายรูป เจอกลุ่มคนตรงไหน แล้วเดินไปถ่ายรูป
สักพัก เขาอ่านสำนวนจากตำรวจ ว่ามีการกระชากคอเสื้อผม เขาจงขอให้ผมถอดเสื้อ กันหนาวออก แล้วใส้ไปในถุงใหญ่ๆ เขาบอกว่าจะเอาไปตรวจ DNA และลายนิ้วมือ
เท่านั้นยังไม่พอ มีการเอาแท่งอะไรสักอย่างมากวาด DNA ที่กระพุ้งแก้มด้านในสองข้างของผม เพื่อนเอาไป Match กับ DNA ที่เสื้อ
โชคดีที่ผมเก็บกล่อง iPhone 7 Plus ไว้ เขาจึงจดเลข EMEI และ Series Number ไป แล้วเขาบอกว่า เขาจะไปติดต่อกับค่ายโทรศัพท์ทั้งหมด เมื่อไรมีการเปิดใช้เครื่องในออสเตรเลีย ก็จะหาเจอ
ตอนนี้มีเท่านี้ครับ พรุ่งนี้เขาจะส่งทีมสอบสวนชุดเช้าเข้ามาคุยอีกรอบ ตอนนี้เป็นทีมชัดกลางคืน พรุ่งนี้คงมาหาหลักฐานเพิ่มเติม แล้วคงมาบอกว่าต้องทำยังไงต่อ เพราะเขาจะไปตรวจจับภาพที่สถานีรถไฟ ตามกล้อง
ถ้ามีความคืนหน้ายังไงจะมาเล่าให้ฟังต่อครับ
แต่ไม่คิดว่าการที่ iPhone 7 Plus หาย จะมาซึ่งการสอบสวนขนาดนี้ ค่อนข้างประทับใจครับ
ประสบการณ์ ตำรวจ ออสเตรเลีย โดนปล้น iPhone 7 Plus สดๆ ร้อนๆ ครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ ตอนนี้ เวลาที่ Melbourne Australia เป็นเวลา 4.38 am
เรื่องเกิดจากผมเลิกงาน ตอนราวๆ 5 ทุ่มที่ออสเตรเลีย ก็นั่งรถไฟกลับบ้าน ปกติ มาถึงสถานีแถวบ้านประมาณ 1 am ผมจะเดินเส้นทางนี้กลับประจำ ใช้เวลาเดินประมาณ 10-20 นาที ผมก็เดินออกจากสถานี เดินตามทางเท้าปกติ ระหว่างทางมีกลุ่มคนดำ ประมาณ 7-8 คน ปนๆ กัน หญิงชาย ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเป็นวันเสาร์ ปกติก็มีคนเดินกลับจาก Party เป็นเรื่องปกติ
หลังจากผมเดินละ จะกลุ่มนั้นมาแล้วประมาณ 200-300 เมตรได้ ผมก็ได้ยินเสียง คนวิ่งมา ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร นึกว่าเป็นคนกลุ่มอื่นวิ่งมาจากทางสถานี แต่อยู่ๆ พอวิ่งผ่านหน้าผมไป มันก็หยุด แล้วก็หันมา เป็นชายผิวดำ สองคน คนนึงเข้ามาทางด้านหน้า อีกคนยืนขวางด้านหลัง
คนนึงรูปล่างเตี้ย อีกคน สูงกว่า ประมาณ เกือบ 180 ได้ คนเตี้ยก็เดินเข้ามา เอามือล้วงกระเป๋า แล้วเริ่มพุดว่ามันมีมีด ให้เอาโทรศัพท์มา ผมก็ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่มี โชคดีที่ผมเป็นคนมีสติ ผมจึงดึงทีท่า บอกว่าไป เอาไปทำอะไร
มันก็บอกว่า บอกให้เอามา มันมีมีด ผมก็รู้ว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องเล่นๆ ปกติ คนดำมักขี้เล่น ผมก็แค่ลองเชิงดูก่อน, อันนี้ผมยอมให้แต่โดยดี เพราะยังไง ก็เอาชีวิตไว้ก่อน ก็ยื่นให้มันไป, หลังจากนั้น มันก็ให้ผมปลดล็อค Reset Password, Reset เครื่องทั้งหมด
ตอนนี้เองที่ผมเริ่งสังเกตุว่า ไอคนสูงชักกลัวๆ ชักดึงๆ ไอคนเตี้ย ไม่ให้ทำอะไรต่อ, ผมจึงถือโอกาสมองหน้าไอคนสูงแล้วบอกว่า เนี่ย ชั้นก็ Reset ให้แล้ว เอาไปเลย แล้วรีบๆ ไปซะ
ไอคนสูงก็ดึงๆ แต่คนเตี้ยมันไม่ยอมครับ มันจะขอกระเป๋าเงินผมอีก ผมมีความรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่มืออาชีพ ไม่อย่างนั้น มันคงรื้อกระเป๋าผมไปแล้ว ไม่มานั่งถามให้ผมยื่นให้ ผมจึงบอกว่า ผมใช้ Apple Wallet ไม่ได้พกเงิน ทุกอย่างอยู่ในโทรศัพท์หมด เนี่ย นายสองคนเอาทุกอย่างไปแล้วจริงๆ เงินชั้นก็ไม่มีติดตัว
คนสูงมีการยินเงินให้ผม 5 ดอลล่า แล้วบอกว่าให้ไปซะ ผมบอกว่าผมไม่เอา ให้มันรีบเอาโทรศัพท์แล้วก็ไปซะ ไอคนเตี้ยเริ่มจับคอเสื้อผม แล้วก็บอกว่า ชั้นจำหน้าแกได้นะ ห้ามบอกใคร ห้ามไปบอกให้ใครช่วย แล้วมันก็วิ่งกันไปทางสถานีรถไฟ
บอกตรงๆ ว่า ตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีสติ เท่าตอนที่พิมพ์หรอกครับ แต่นึกได้ว่า สถานีรถไฟ จะมีตำรวจเฝ้าตลอดเวลา แต่จะทำยังไงละ มันวิ่งไปทางนั้น จะให้เดินตามมันไปก้ยังไงอยู่ ถ้าเกิดมันมีมีดจริงๆ แล้วเห็นเราเดินตามมันไปละ
ผมตัดสินใจ เดินเข้าเกาะกลางถนน โบกรถอยู่ สองสามคัน โดยหวังจะให้เขาพอไปที่สถานีรถไฟ ก็ไม่มีใครจอด จนผมมานั่งคิดว่า เม่งใครมันจะจอดวะ ตี 1 เขาก็ต้องกลัว มีทางเดียวคือ เดินต่อให้ถึงบ้าน แล้วไปใช้โทรศัพท์ที่บ้าน หรือให้น้องชายพาไปสถานีตำรวจ
โชคดีเดินไปถึง 1-3 นาที เจอออสซี่ สองคนปั่นจักยาน คล้าย ที่เขาเล่น X-tream ผ่านมา ผมเลยตะโกนถามว่า มีโทรศัพท์ไหม ปรากฎว่าไม่มี ผมเลยบอกไปเลยว่า ชั้นเพิ่งโดนปล้นมือถือ ไม่รู้จะติดต่อใคร หรือจะยังไงดี
ประทับใจมาก ที่สองคนนี้บอกว่า ให้คนนึงรีบปั่นไปสถานีรถไฟ แล้วไปบอกตำรวจให้ดักคนไว้ (โชคร้ายที่ตำรวจประจำสถานีรถไฟไม่ดัก ไม่ทำอะไรเลย เหตุผลนึงคือ ผม เจ้าตัว ไม่ได้ไปบอกตำรวจเอง) เหตุผลคือ ผมต้องซ้อนท้ายด้วยการยืน ออสซี่อีกคนนึง เพื่อพาผมปั่นไปสถานี
พอถึงสถานี ตำรวจก็ไม่ทำอะไรมาก บอกตรงๆ ว่าผมผิดหวังมาก กับตำรวจสองคนนี้ ถ้าเขาจะสั่งหยุดรถไฟ ที่เพิ่งออกไป ผมคิดว่ามีโอกาสหาตัวเจอได้ง่ายมาก แต่เขาบอกผมแค่ว่า ให้ไปแจ้งที่สถานีตำรวจ หรือไม่ก็ไม่แจ้งพรุ่งนี้
ผมจึงแจ้งชื่อ ที่อยู่ไว้ แล้วผมบอกว่า ผมไม่กล้าจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ตำรวจก็ให้ผมเดินกลับมา ซึ่งผมผิดหวังและกลัวมากๆ ที่ต้องเดินยอ้นกลับบ้านมาทางเดิมที่เพิ่งเกิดเหตุ
ผมมาถึงบ้าน เห็นห้องน้องชายเปิดไฟอยู่ จึงรีบวิ่งไปห้องน้องชาย เรียกออกมาทำอะไรได้บ้าง ขั้นแรกผมกับน้องเข้าไป Fine my iphone ก่อน แต่ก็หาเครื่องไม่เจอ ผมจึง Contact Live Apple Australia ก็ได้คำตอบมาว่าเครื่องผมมีการ Reset ออกจาก Fine my iPhone หาเครื่องไม่ได้ ให้ผมไปติดต่อตำรวจ
น้องผมจึงตัดสินใจ เอาวะ ไปโรงพักกันตอนนี้แหละ แต่ยังไม่ได้ทันได้ก้าวไปไหน ก็มีเสียงคนมากดกริ่งหน้าบ้าน ปรากฎว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย ได้รับแจ้งให้มาครับ
ก็เข้ามาสอบปากคำ ก็ตามที่ผมเล่าไปด้านบน แล้วเขาก็ขอโทษขอโพย เขาบอกว่ามีการขู่ว่ามีมีด นี่คือร้ายแรงถึงชีวิต ตำรวจที่ถนานีควรจะสั่งหยุดรถไฟ 2-3 ขบวนก่อนหน้า ที่ออกไปทันที
เนื่องด้วย มีการขู่ด้วยของมีคม เคสผมจึงกลายเป็นเคสพิเศษขึ้นมาทันที ไม่ได้เป็นแค่ iPhone 7 Plus หายธรรมดา นั่งให้ปากคำอยู่สักพัก ก็มี เสียงกริ่งมาอีก ทีนี้เป็นคนใส่ชุดโค้ท ดำสองคน หญิงชาย เข้ามา เป็นทีม Investigate (ตอนนี้ผมมีความรู้สึกว่าเข้าไปอยุ่ในหนังสืบสวนสอบสวนยังไงบอกไม่ถูก) เขาก็เข้ามารับเรื่องต่อจากตำรวจ แล้วก็พาผมขึ้นรถ ขับย้อนไปเส้นทางที่เกิดเหตุ อธิบายตั้งแต่ เจอออสซี่สองคนตรงไหน แล้วลงไปถ่ายรูป โดนคนดำปล้นตรงไปน แล้วลงไปถ่ายรูป เจอกลุ่มคนตรงไหน แล้วเดินไปถ่ายรูป
สักพัก เขาอ่านสำนวนจากตำรวจ ว่ามีการกระชากคอเสื้อผม เขาจงขอให้ผมถอดเสื้อ กันหนาวออก แล้วใส้ไปในถุงใหญ่ๆ เขาบอกว่าจะเอาไปตรวจ DNA และลายนิ้วมือ
เท่านั้นยังไม่พอ มีการเอาแท่งอะไรสักอย่างมากวาด DNA ที่กระพุ้งแก้มด้านในสองข้างของผม เพื่อนเอาไป Match กับ DNA ที่เสื้อ
โชคดีที่ผมเก็บกล่อง iPhone 7 Plus ไว้ เขาจึงจดเลข EMEI และ Series Number ไป แล้วเขาบอกว่า เขาจะไปติดต่อกับค่ายโทรศัพท์ทั้งหมด เมื่อไรมีการเปิดใช้เครื่องในออสเตรเลีย ก็จะหาเจอ
ตอนนี้มีเท่านี้ครับ พรุ่งนี้เขาจะส่งทีมสอบสวนชุดเช้าเข้ามาคุยอีกรอบ ตอนนี้เป็นทีมชัดกลางคืน พรุ่งนี้คงมาหาหลักฐานเพิ่มเติม แล้วคงมาบอกว่าต้องทำยังไงต่อ เพราะเขาจะไปตรวจจับภาพที่สถานีรถไฟ ตามกล้อง
ถ้ามีความคืนหน้ายังไงจะมาเล่าให้ฟังต่อครับ
แต่ไม่คิดว่าการที่ iPhone 7 Plus หาย จะมาซึ่งการสอบสวนขนาดนี้ ค่อนข้างประทับใจครับ