สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์
MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการครับ
ผมได้นำเสนอเรื่องเทพและเมวีไอยคุปต์มาสองสัปดาห์แล้ว และก็ยังไม่หมด แต่วันนี้คิดว่า เปลี่ยนเรื่องบ้างดีกว่า จะได้ไม่น่าเบื่อ ส่วนเรื่องเทพอียิปต์องค์ที่เหลือ เอาไว้เสาร์อาทิตย์หน้าครับ
วันนี้ ขอนำเสนอ เรื่องราวของ สถานที่สุดสยองในโลก ซึ่งทั้งหมดมี 20 แห่งจากทั่วโลก แน่นอนต้องเป็น "สารคดีซีรี่ส์" ครับ ต้องเล่าเป็นตอนๆ มาเริ่มต้นกับ
ตอนที่ 1.
(1) " HELLTOWN - เมืองนรก !!! "
เมืองแห่งนี้ อยู่ในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่ถูกซื้อโดยรัฐบาล เพื่อที่จะใช้สร้างเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่แผนการสร้างอุทยานนั้น ไม่เคยถูกวางแผนจนสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายเมืองนี้ก็ถูกปล่อยร้าง ซึ่งเมืองแห่งนี้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นเมืองผีดุ และมีตำนานมากมายเกี่ยวกับผีของเมืองนี้ และในตำนาน หรือเรื่องราวเล่าขานกันมากมาย และแต่ละเรื่องยังแยกแตกต่างกันไปอีก
HELL TOWN ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหรัฐ ล้อมรอบด้วยเมืองต่างๆอีกหลายเมือง เช่น บอสตั้น เพนนิซูล่า เนอธฟิลด์ ทาวน์ชิพ เป็นต้น และอย่างที่กล่าวมาแล้วว่ามันมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับเมืองนรกนี้ ฉะนั้น การจะสืบสาวราวเรื่องแต่ละเรื่องจึงเป็นสิ่งที่ยากลำบากมิใช่น้อย
มาฟังตำนานหรือเรื่องเล่าบางเรื่องของเมืองนี้กัน...เริ่มจาก
สุสานเขย่าขวัญ
เป็นสุสานของชุมชนแห่งหนึ่ง มีคนพบเห็นภูติผี มานั่งอยู่บนม้านั่ง และมีดวงตาที่จ้องเขม็งไปเบื้องหน้าของตน เหมือนหนึ่งว่ากำลังจ้องมองใครสักคนหรือบางอย่างที่อยู่ตรงหน้า มีองค์กร "ล่าท้าผี" องค์กรหนึ่ง ใช้ชื่อว่า THE GHOST OF OHIO ได้พยายามสืบเสาะหาเรื่องราวความเป็นมาของผีที่มานั่งบนม้านั่งในสุสานนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาต้นตอของเรื่องราวได้ว่าผีตนนั้นเป็นใคร ทำไมมานั่งอยู่ในสุสานนี้...
อีกเรื่องหนึ่งคือ...
รถรับส่งนักเรียนผีสิง !!
เล่ากันว่า รถโรงเรียนซึ่งรับและส่งนักเรียนที่ว่านี้ ถูกลากดึงเข้าไปในป่า เด็กนักเรียนในรถทุกคนถูกสังหารอย่างทารุณ โหดเหี้ยมอำมหิต บางคนก็เล่าว่า ฆาตกรผู้สังหารเด็กๆ เป็นฆาตกรต่อเนื่องบ้าง เป็นคนไข้โรคจิตที่หนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าบ้าง เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มคนที่นับถือลัทธิบูชาซาตานบ้าง
และหลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมสังหารหมู่ ก็เกิดเรื่องสยองเกิดขึ้นตามมา มีคนพบเห็นรถคันนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณของเด็กนักเรียนซึ่งปรากฏกายให้เห็น โดยผีเด็กๆเหล่านั้น นั่งประจำที่ของตนภายในรถ และยังมีวิญญาณของฆาตกรผู้ฆ่าเด็กๆอยู่ในรถด้วย โดยเจ้าผีฆาตกรนั้นนั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถและสูบบุหรี่อย่างสบายใจ บางครั้งก็มีเสียงเด็กๆเล่นกัน หัวเราะกัน บางทีก็กลายเป็นเสียงเด็กๆกรีดร้อง ดังมาจากรถคันนั้น คนที่อยู่แถวนั้นพยายามแก้ไขเรื่องราว อยากจะกำจัดความหลอนที่เจออยู่ไปเสียให้พ้นๅ ไปจากชุมชนของตน จึงพยายามฉุดลากดึงเคลื่อนย้ายรถนักเรียนผีสิงคันนี้ออกไป ผลปรากฏว่าทุกคนที่พยายามล้วนต้องประสบเคราะห์ร้าย ประสบอุบัติเหตุกันบ้าง ถึงเสียชีวิตไปเลยก็มี
และเมื่อหมดหนทาง ทุกคน จึงทิ้งมันไว้อย่างนั้น ไม่มีใครกล้าไปยุ่มย่ามแตะต้องมัน จนถึงทุกวันนี้
(2) ปราสาทลีพ (LEAP CASTLE) แห่งไอรแลนด์
ปราสาทแห่งนี้ เป็นที่ร่ำลือกันว่า เป็นสถานที่ที่หลอนที่สุดในโลก เพราะในระหว่างการซ่อมบูรณะบำรุง คนงานได้เจอกับถ้ำประหลาดที่คาดไม่ถึง
ซึ่งในถ้ำนั้น สามารถเข้าได้ทางเดียวนั่นก็คือ ช่องลับบนหลังคาเท่านั้น !!!
ในถ้ำนี้ คนงานที่มาซ่อมปราสาท ได้เจอกับกระบะรถเข็นขนาดใหญ่ 3 คัน ที่เต็มไปด้วยซากโครงกระดูกมนุษย์อยู่เต็มทั้ง 3 คัน ซึ่งจนบัดนี้ ไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นที่ปราสาทแห่งนี้ในช่วงยุคโบราณ แต่ล่ำลือกันว่า กระดูกเหล่านั้น คือนักโทษเชลยซึ่งถูกสังหารอย่างทารุณ และนำไปทิ้งไว้ในถ้ำลับ
นอกจากนี้แล้ว ยังมี
"โบสถ์นองเลือด" (BLOODY CHAPEL) อยู่ในปราสาท ในห้องยังเหลือร่องรอยฆาตกรรมเลือดเปรอะไปทั่วอีกด้วย
Leap Castle ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่ๆมีผีสิงมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเมือง คูเดลรี่ (Cooldalery) เขต คันทรี่ ออฟาลี่ (County Offaly) ประเทศไอร์แลนด์ โครงสร้างของปราสาทที่เก่าแก่นี้ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกและเป็นสถานที่สำคัญสำหรับรายการโทรทัศน์แนว "ล่าท้าผี" ที่จัดไว้ให้ผู้ชมที่ชอบหรือหลงใหลในเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่นรายการ Ghost Hunters และ The Most Haunted ที่ไปตามล่าหาความจริงกับสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์เบื้องหลังของปราสาทที่น่าเศร้า และสิ่งที่เป็นรากฐานของชื่อเสียงที่น่ากลัวของมัน
วันที่ๆสร้างปราสาท มีความคลุมเครือเล็กน้อย บางคนบอกว่าปราสาทถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ขณะที่คนอื่นอ้างว่ามันเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 15 แต่ไม่ว่ามันจะถูกเริ่มสร้างเมื่อไรก็ตาม Leap Castle ถูกสร้างทับที่อยู่ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ซึ่งถูกครอบครองโดยพวก "ดรูอิด" ที่ใช้สถานที่ในการให้บริการสำหรับทำพิธีกรรมบางอย่าง ชื่อเดิมของปราสาทคือ Leim Ui Bhanain แปลว่า "การโดดของพวกโอแบนน่อน" (The Leap of the O'Bannons ) และชื่อนี้ได้นำไปสู่ต้นกำเนิดของชื่อและสภาพแวดล้อมที่น่าสยดสยองโดยรอบ
พวกโอแบนน่อน เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยจากมณฑล ทิพเพอรารี่ี่ (Tipperary) ตำนานกล่าวไว้ว่า พี่น้องโอแบนน่อนสองคน ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นหัวหน้าครอบครัว และเพื่อที่จะตัดสินว่า ใครสมควรจะครอบครองตำแหน่งหัวหน้า สองพี่น้องจึงท้าทายกันว่า จะกระโดดจากก้อนหินที่ปราสาทสร้างขึ้น ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ไม่เพียงแต่จะได้ปกครองตระกูลเท่านั้น แต่จะต้องรับผิดชอบในการสร้างปราสาทด้วย และด้วยเหตุนี้เอง การเริ่มต้นของ "ปราสาทแห่งการโดด" (Leap Castle) จึงกลายเป็นเรื่องแห่งการนองเลือด
พี่น้องโอแบนนอนครองปราสาทได้ไม่นานเท่าไร เพราะพวกเขาอยู่ในฐานะผู้รับใช้ตระกูลโอแครอล (O'Carrolls) ซึ่งเป็นตระกูลที่โหดเหี้ยมและโดดเด่นด้วยแรงแห่งความโลภและอำนาจ ปรสาทก็เลยถูกยึดไป การยึดปราสาทของพวกโอแครอลล์ ทำให้เกิดภาพสังหารที่น่าสยดสยอง ซึ่งทำให้เป็นรอยด่างพร้อยเหนือธรรมชาติ เป็นจุดสำคัญของชื่อเสียงที่น่ากลัวของปราสาท ตามตำนานการสังหารหมู่จำนวนมากเกิดขึ้นภายในกำแพงของปราสาทซึ่งอยู่ในการถือครองของตระกูลโอแครอลล์
เมื่อหัวหน้าของตระกูลแครอลเสียชีวิตและไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ข้อพิพาทระหว่างบุตรชายของเขาคือ แธดเดียส และ เตกี (Thaddeus and Teighe) ซึ่งเป็นผู้ปกครองก็เกิดขึ้น แธดเดียสเป็นนักบวชและอยู่ท่ามกลางมวลชน เมื่อเขาถูกฆ่าโดยเตกี ในห้องซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "โบสถ์นองเลือด" (The Bloody Chapel) หลังจากนั้นก็ปรากฏร่างผีของบาดหลวงมองเห็นเดินไปที่โบสถ์นองเลือดและบันไดด้านล่าง
การรุกครอบครองและการฆาตกรรมของพวกโอแครอลล์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ Leap Castle กลายเป็นตำนาน หนึ่งในการสังหารที่ชั่วร้ายที่สุดที่เชื่อมโยงกับครอบครัวของพวกเขาคือ การที่ครอบครัว แม็กมาฮอน (McMahon) ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงฉลองที่ Leap Castle เพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะของ แม็กมาฮอนต่อตระกูลคู่แข่งพวกตน ซึ่งได้ว่าจ้างเขา แต่แทนที่จะจ่ายเงินให้แม็กมาฮอนเป็นการตอบแทน พวกโอแครอลล์กลับวางยาพิษเขา และต่อมา มีคนเห็นผีแม็คมาฮอนหลายครั้งในบริเวณปราสาท
หนึ่งในวิญญาณที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Leap Castle คือสุภาพสตรีในชุดแดงซึ่งเป็นคนสูงมาก สวมเสื้อสีแดงประดับด้วยใบมีคมพริ้ว เรื่องราวเบื้องหลังสุภาพสตรีในชุดแดงคือ เธอถูกคุมขังโดยพวกโอแครอลล์ และถูกข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอให้กำเนิดทารกที่ถูกพวกโอแครอลล์ฆ่าทิ้งโดยกดให้จมน้ำตาย ด้วยความเศร้าโศกจากการสูญเสียลูกของเธอ สุภาพสตรีในชุดแดงจึงใช้มีดของเธอฆ่าตัวตาย จบสิ้นชีวิตของเธอจากความทุกข์ทรมาน
ปี 1900 มีการค้นพบผนังด้านหลังของกำแพงในโบสถ์ที่มีโครงกระดูกมนุษย์มากมายติดไม้แหลม ต้องใช้รถลาก 3 คันถึงจะขนศพเหล่านั้นออกไปหมด เชื่อกันว่าพวกโอแครอลล์ผู้โหดร้ายปล่อยผู้เข้าพักซึ่งมิได้สงสัยอะไรผ่านประตูกับดักแล้วโดนหอก 8 ฟุตที่วางดักไว้ด้านล่างทิ่มแทง
ในยุค 1600 ปราสาทเปลี่ยนกรรมสิทธิ์อีกครั้ง ลูกสาวของผู้ครอบครองคือพวกโอแครอลล์ ไปมีสัมพันธ์สวาทกับ กับตันดาร์บี้ นักโทษชาวอังกฤษในห้องขังเธอจะแอบย่องนำอาหารไปให้กับตันดาร์บี้อย่างสม่ำเสมอ และทั้งสองวางแผนที่จะหนีไปด้วยกัน ดึกคืนหนึ่งเธอแอบลงไปที่คุมขังและปล่อยตัวเขา จากนั้นทั้งคู่เริ่มหลบหนีออกจากปราสาทลีฟ แต่ทางออกพวกเขาถูกตัดขาด แต่เมื่อพวกเขาวิ่งเข้าไปหาพี่ชายของหญิงสาวบนบันได ชายสองคนก็เริ่มต่อสู้กัน และดาบของดาร์บี้เป็นฝ่ายชนะ และเมื่อลูกชายของพวกแครอลตาย ลูกสาวจึงได้กลายเป็นทายาทของปราสาท
ผีของคนที่ตายแล้วก็ปรากฏเพิ่มขึ้น และยังมีเรื่องราวต่างๆหลังจากนั้นอีก จนครอบครัวดาร์บี้ละทิ้งไป ในปี 1922
ปีเตอร์ บาร์ทเล็ตต์ (Peter Bartlett) เป็นผู้เริ่มฟื้นฟูปราสาทนี้ เขาลงทุนลงแรงบูรณะปฏิสังขรณ์ปราสาทไปมากและนานถึง 15 ปี และบอกว่ามีพยานผู้พบเห็นปรากฏการณ์ "โพลเตอร์ไกส์" (Poltergeist Acitivities) แทบทุกที่ในปราสาทเลยทีเดียว เขาเคยติดต่อแม่มดให้มาทำพิธีขับไล่วิญญาณ แม่มดนั้นกล่าวว่า วิญญาณในปราสาทขออยู่ต่อโดยสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายอะไรแก่คนในปราสาท ปี 1989 ปีเตอร์เสียชีวิตลง และการซ่อมแซมบูรณะก็หยุดไปอย่างน่าเสียดาย,
ปี 1991 นักดนตรีคนหนึ่งฃื่อ
ชอน ไรอั้น (Sean Ryan) และภรรยาชื่อ แอนนี่ (Anne) ได้ซื้อปราสาทนี้ไว้ และดำเนินการบุรณะซ่อมแซมต่อ
ครอบครัวไรอั้น ได้รับอุบัติเหตุในปราสาท คนหนึ่งถึงกับกระดูกสะบ้าหัก ทำให้ล่าช้าในการบูรณะปราสาท เมื่อการซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว ก็เกิดอุบัติเหตุอีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้ทำให้ไรอั้นต้องตัดข้อเท้าทิ้ง
ประวัติความเป็นมาของปราสาทและเรื่องราวที่น่าขนลุกขนพองที่ชาวบ้านเล่าให้ฟัง ไม่ได้เป็นการยับยั้งครอบครัวไรอั้นได้ พวกเขาคลอดบุตรของทารกแรกเกิดใน "ห้องสวดมนต์นองเลือด" เหตุการณ์ซึ่งนำความสุขมาให้ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีต่อเรื่องราวการสังหารและการนองเลือดที่สาปแช่งห้องนี้มานานหลายชั่วอายุคน
จนถึงทุกวันนี้ ปราสาทยังคงเป็นเจ้าของโดยครอบครัวไรอั้น และยังยินดีเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน ถ้าคุณไปเที่ยวที่นั่น และคุณไม่สามารถพักค้างคืนในปราสาทลีพได้ ก็ยังมีโรงแรมมากมายในบริเวณใกล้เคียง และชอน ไรอั้นยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลต้องการสัมผัสบริเวณนี้โดยตรง เขาเปิดประตูให้กับผู้เยี่ยมชมและนำทัวร์ในปราสาทลีพเองเลยทีเดียว
เครดิตข้อมูล =
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://amazingthaisea.com/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94/<--ส่วนนี้คัดลอกมา
และ
https://www.authenticireland.com/blog/haunting-history-leap-castle/ เว็บภาษาอังกฤษ
ส่วนนี้ MC แปลเอง
พบกันวันพรุ่งนี้ อีกวันหนึ่งครับ
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 5/8/2560 - 20 สถานที่สุดสยอง ตอนที่ 1
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการครับ
ผมได้นำเสนอเรื่องเทพและเมวีไอยคุปต์มาสองสัปดาห์แล้ว และก็ยังไม่หมด แต่วันนี้คิดว่า เปลี่ยนเรื่องบ้างดีกว่า จะได้ไม่น่าเบื่อ ส่วนเรื่องเทพอียิปต์องค์ที่เหลือ เอาไว้เสาร์อาทิตย์หน้าครับ
วันนี้ ขอนำเสนอ เรื่องราวของ สถานที่สุดสยองในโลก ซึ่งทั้งหมดมี 20 แห่งจากทั่วโลก แน่นอนต้องเป็น "สารคดีซีรี่ส์" ครับ ต้องเล่าเป็นตอนๆ มาเริ่มต้นกับ ตอนที่ 1.
(1) " HELLTOWN - เมืองนรก !!! "
เมืองแห่งนี้ อยู่ในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่ถูกซื้อโดยรัฐบาล เพื่อที่จะใช้สร้างเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่แผนการสร้างอุทยานนั้น ไม่เคยถูกวางแผนจนสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายเมืองนี้ก็ถูกปล่อยร้าง ซึ่งเมืองแห่งนี้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นเมืองผีดุ และมีตำนานมากมายเกี่ยวกับผีของเมืองนี้ และในตำนาน หรือเรื่องราวเล่าขานกันมากมาย และแต่ละเรื่องยังแยกแตกต่างกันไปอีก
HELL TOWN ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหรัฐ ล้อมรอบด้วยเมืองต่างๆอีกหลายเมือง เช่น บอสตั้น เพนนิซูล่า เนอธฟิลด์ ทาวน์ชิพ เป็นต้น และอย่างที่กล่าวมาแล้วว่ามันมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับเมืองนรกนี้ ฉะนั้น การจะสืบสาวราวเรื่องแต่ละเรื่องจึงเป็นสิ่งที่ยากลำบากมิใช่น้อย
มาฟังตำนานหรือเรื่องเล่าบางเรื่องของเมืองนี้กัน...เริ่มจาก
สุสานเขย่าขวัญ
เป็นสุสานของชุมชนแห่งหนึ่ง มีคนพบเห็นภูติผี มานั่งอยู่บนม้านั่ง และมีดวงตาที่จ้องเขม็งไปเบื้องหน้าของตน เหมือนหนึ่งว่ากำลังจ้องมองใครสักคนหรือบางอย่างที่อยู่ตรงหน้า มีองค์กร "ล่าท้าผี" องค์กรหนึ่ง ใช้ชื่อว่า THE GHOST OF OHIO ได้พยายามสืบเสาะหาเรื่องราวความเป็นมาของผีที่มานั่งบนม้านั่งในสุสานนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาต้นตอของเรื่องราวได้ว่าผีตนนั้นเป็นใคร ทำไมมานั่งอยู่ในสุสานนี้...
อีกเรื่องหนึ่งคือ...
รถรับส่งนักเรียนผีสิง !!
เล่ากันว่า รถโรงเรียนซึ่งรับและส่งนักเรียนที่ว่านี้ ถูกลากดึงเข้าไปในป่า เด็กนักเรียนในรถทุกคนถูกสังหารอย่างทารุณ โหดเหี้ยมอำมหิต บางคนก็เล่าว่า ฆาตกรผู้สังหารเด็กๆ เป็นฆาตกรต่อเนื่องบ้าง เป็นคนไข้โรคจิตที่หนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าบ้าง เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มคนที่นับถือลัทธิบูชาซาตานบ้าง
และหลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมสังหารหมู่ ก็เกิดเรื่องสยองเกิดขึ้นตามมา มีคนพบเห็นรถคันนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณของเด็กนักเรียนซึ่งปรากฏกายให้เห็น โดยผีเด็กๆเหล่านั้น นั่งประจำที่ของตนภายในรถ และยังมีวิญญาณของฆาตกรผู้ฆ่าเด็กๆอยู่ในรถด้วย โดยเจ้าผีฆาตกรนั้นนั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถและสูบบุหรี่อย่างสบายใจ บางครั้งก็มีเสียงเด็กๆเล่นกัน หัวเราะกัน บางทีก็กลายเป็นเสียงเด็กๆกรีดร้อง ดังมาจากรถคันนั้น คนที่อยู่แถวนั้นพยายามแก้ไขเรื่องราว อยากจะกำจัดความหลอนที่เจออยู่ไปเสียให้พ้นๅ ไปจากชุมชนของตน จึงพยายามฉุดลากดึงเคลื่อนย้ายรถนักเรียนผีสิงคันนี้ออกไป ผลปรากฏว่าทุกคนที่พยายามล้วนต้องประสบเคราะห์ร้าย ประสบอุบัติเหตุกันบ้าง ถึงเสียชีวิตไปเลยก็มี
และเมื่อหมดหนทาง ทุกคน จึงทิ้งมันไว้อย่างนั้น ไม่มีใครกล้าไปยุ่มย่ามแตะต้องมัน จนถึงทุกวันนี้
(2) ปราสาทลีพ (LEAP CASTLE) แห่งไอรแลนด์
ปราสาทแห่งนี้ เป็นที่ร่ำลือกันว่า เป็นสถานที่ที่หลอนที่สุดในโลก เพราะในระหว่างการซ่อมบูรณะบำรุง คนงานได้เจอกับถ้ำประหลาดที่คาดไม่ถึง ซึ่งในถ้ำนั้น สามารถเข้าได้ทางเดียวนั่นก็คือ ช่องลับบนหลังคาเท่านั้น !!!
ในถ้ำนี้ คนงานที่มาซ่อมปราสาท ได้เจอกับกระบะรถเข็นขนาดใหญ่ 3 คัน ที่เต็มไปด้วยซากโครงกระดูกมนุษย์อยู่เต็มทั้ง 3 คัน ซึ่งจนบัดนี้ ไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นที่ปราสาทแห่งนี้ในช่วงยุคโบราณ แต่ล่ำลือกันว่า กระดูกเหล่านั้น คือนักโทษเชลยซึ่งถูกสังหารอย่างทารุณ และนำไปทิ้งไว้ในถ้ำลับ
นอกจากนี้แล้ว ยังมี "โบสถ์นองเลือด" (BLOODY CHAPEL) อยู่ในปราสาท ในห้องยังเหลือร่องรอยฆาตกรรมเลือดเปรอะไปทั่วอีกด้วย
Leap Castle ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่ๆมีผีสิงมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเมือง คูเดลรี่ (Cooldalery) เขต คันทรี่ ออฟาลี่ (County Offaly) ประเทศไอร์แลนด์ โครงสร้างของปราสาทที่เก่าแก่นี้ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกและเป็นสถานที่สำคัญสำหรับรายการโทรทัศน์แนว "ล่าท้าผี" ที่จัดไว้ให้ผู้ชมที่ชอบหรือหลงใหลในเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่นรายการ Ghost Hunters และ The Most Haunted ที่ไปตามล่าหาความจริงกับสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์เบื้องหลังของปราสาทที่น่าเศร้า และสิ่งที่เป็นรากฐานของชื่อเสียงที่น่ากลัวของมัน
วันที่ๆสร้างปราสาท มีความคลุมเครือเล็กน้อย บางคนบอกว่าปราสาทถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ขณะที่คนอื่นอ้างว่ามันเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 15 แต่ไม่ว่ามันจะถูกเริ่มสร้างเมื่อไรก็ตาม Leap Castle ถูกสร้างทับที่อยู่ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ซึ่งถูกครอบครองโดยพวก "ดรูอิด" ที่ใช้สถานที่ในการให้บริการสำหรับทำพิธีกรรมบางอย่าง ชื่อเดิมของปราสาทคือ Leim Ui Bhanain แปลว่า "การโดดของพวกโอแบนน่อน" (The Leap of the O'Bannons ) และชื่อนี้ได้นำไปสู่ต้นกำเนิดของชื่อและสภาพแวดล้อมที่น่าสยดสยองโดยรอบ
พวกโอแบนน่อน เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยจากมณฑล ทิพเพอรารี่ี่ (Tipperary) ตำนานกล่าวไว้ว่า พี่น้องโอแบนน่อนสองคน ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นหัวหน้าครอบครัว และเพื่อที่จะตัดสินว่า ใครสมควรจะครอบครองตำแหน่งหัวหน้า สองพี่น้องจึงท้าทายกันว่า จะกระโดดจากก้อนหินที่ปราสาทสร้างขึ้น ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ไม่เพียงแต่จะได้ปกครองตระกูลเท่านั้น แต่จะต้องรับผิดชอบในการสร้างปราสาทด้วย และด้วยเหตุนี้เอง การเริ่มต้นของ "ปราสาทแห่งการโดด" (Leap Castle) จึงกลายเป็นเรื่องแห่งการนองเลือด
พี่น้องโอแบนนอนครองปราสาทได้ไม่นานเท่าไร เพราะพวกเขาอยู่ในฐานะผู้รับใช้ตระกูลโอแครอล (O'Carrolls) ซึ่งเป็นตระกูลที่โหดเหี้ยมและโดดเด่นด้วยแรงแห่งความโลภและอำนาจ ปรสาทก็เลยถูกยึดไป การยึดปราสาทของพวกโอแครอลล์ ทำให้เกิดภาพสังหารที่น่าสยดสยอง ซึ่งทำให้เป็นรอยด่างพร้อยเหนือธรรมชาติ เป็นจุดสำคัญของชื่อเสียงที่น่ากลัวของปราสาท ตามตำนานการสังหารหมู่จำนวนมากเกิดขึ้นภายในกำแพงของปราสาทซึ่งอยู่ในการถือครองของตระกูลโอแครอลล์
เมื่อหัวหน้าของตระกูลแครอลเสียชีวิตและไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ข้อพิพาทระหว่างบุตรชายของเขาคือ แธดเดียส และ เตกี (Thaddeus and Teighe) ซึ่งเป็นผู้ปกครองก็เกิดขึ้น แธดเดียสเป็นนักบวชและอยู่ท่ามกลางมวลชน เมื่อเขาถูกฆ่าโดยเตกี ในห้องซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "โบสถ์นองเลือด" (The Bloody Chapel) หลังจากนั้นก็ปรากฏร่างผีของบาดหลวงมองเห็นเดินไปที่โบสถ์นองเลือดและบันไดด้านล่าง
การรุกครอบครองและการฆาตกรรมของพวกโอแครอลล์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ Leap Castle กลายเป็นตำนาน หนึ่งในการสังหารที่ชั่วร้ายที่สุดที่เชื่อมโยงกับครอบครัวของพวกเขาคือ การที่ครอบครัว แม็กมาฮอน (McMahon) ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงฉลองที่ Leap Castle เพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะของ แม็กมาฮอนต่อตระกูลคู่แข่งพวกตน ซึ่งได้ว่าจ้างเขา แต่แทนที่จะจ่ายเงินให้แม็กมาฮอนเป็นการตอบแทน พวกโอแครอลล์กลับวางยาพิษเขา และต่อมา มีคนเห็นผีแม็คมาฮอนหลายครั้งในบริเวณปราสาท
หนึ่งในวิญญาณที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Leap Castle คือสุภาพสตรีในชุดแดงซึ่งเป็นคนสูงมาก สวมเสื้อสีแดงประดับด้วยใบมีคมพริ้ว เรื่องราวเบื้องหลังสุภาพสตรีในชุดแดงคือ เธอถูกคุมขังโดยพวกโอแครอลล์ และถูกข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอให้กำเนิดทารกที่ถูกพวกโอแครอลล์ฆ่าทิ้งโดยกดให้จมน้ำตาย ด้วยความเศร้าโศกจากการสูญเสียลูกของเธอ สุภาพสตรีในชุดแดงจึงใช้มีดของเธอฆ่าตัวตาย จบสิ้นชีวิตของเธอจากความทุกข์ทรมาน
ปี 1900 มีการค้นพบผนังด้านหลังของกำแพงในโบสถ์ที่มีโครงกระดูกมนุษย์มากมายติดไม้แหลม ต้องใช้รถลาก 3 คันถึงจะขนศพเหล่านั้นออกไปหมด เชื่อกันว่าพวกโอแครอลล์ผู้โหดร้ายปล่อยผู้เข้าพักซึ่งมิได้สงสัยอะไรผ่านประตูกับดักแล้วโดนหอก 8 ฟุตที่วางดักไว้ด้านล่างทิ่มแทง
ในยุค 1600 ปราสาทเปลี่ยนกรรมสิทธิ์อีกครั้ง ลูกสาวของผู้ครอบครองคือพวกโอแครอลล์ ไปมีสัมพันธ์สวาทกับ กับตันดาร์บี้ นักโทษชาวอังกฤษในห้องขังเธอจะแอบย่องนำอาหารไปให้กับตันดาร์บี้อย่างสม่ำเสมอ และทั้งสองวางแผนที่จะหนีไปด้วยกัน ดึกคืนหนึ่งเธอแอบลงไปที่คุมขังและปล่อยตัวเขา จากนั้นทั้งคู่เริ่มหลบหนีออกจากปราสาทลีฟ แต่ทางออกพวกเขาถูกตัดขาด แต่เมื่อพวกเขาวิ่งเข้าไปหาพี่ชายของหญิงสาวบนบันได ชายสองคนก็เริ่มต่อสู้กัน และดาบของดาร์บี้เป็นฝ่ายชนะ และเมื่อลูกชายของพวกแครอลตาย ลูกสาวจึงได้กลายเป็นทายาทของปราสาท
ผีของคนที่ตายแล้วก็ปรากฏเพิ่มขึ้น และยังมีเรื่องราวต่างๆหลังจากนั้นอีก จนครอบครัวดาร์บี้ละทิ้งไป ในปี 1922
ปีเตอร์ บาร์ทเล็ตต์ (Peter Bartlett) เป็นผู้เริ่มฟื้นฟูปราสาทนี้ เขาลงทุนลงแรงบูรณะปฏิสังขรณ์ปราสาทไปมากและนานถึง 15 ปี และบอกว่ามีพยานผู้พบเห็นปรากฏการณ์ "โพลเตอร์ไกส์" (Poltergeist Acitivities) แทบทุกที่ในปราสาทเลยทีเดียว เขาเคยติดต่อแม่มดให้มาทำพิธีขับไล่วิญญาณ แม่มดนั้นกล่าวว่า วิญญาณในปราสาทขออยู่ต่อโดยสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายอะไรแก่คนในปราสาท ปี 1989 ปีเตอร์เสียชีวิตลง และการซ่อมแซมบูรณะก็หยุดไปอย่างน่าเสียดาย,
ปี 1991 นักดนตรีคนหนึ่งฃื่อ ชอน ไรอั้น (Sean Ryan) และภรรยาชื่อ แอนนี่ (Anne) ได้ซื้อปราสาทนี้ไว้ และดำเนินการบุรณะซ่อมแซมต่อ
ครอบครัวไรอั้น ได้รับอุบัติเหตุในปราสาท คนหนึ่งถึงกับกระดูกสะบ้าหัก ทำให้ล่าช้าในการบูรณะปราสาท เมื่อการซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว ก็เกิดอุบัติเหตุอีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้ทำให้ไรอั้นต้องตัดข้อเท้าทิ้ง
ประวัติความเป็นมาของปราสาทและเรื่องราวที่น่าขนลุกขนพองที่ชาวบ้านเล่าให้ฟัง ไม่ได้เป็นการยับยั้งครอบครัวไรอั้นได้ พวกเขาคลอดบุตรของทารกแรกเกิดใน "ห้องสวดมนต์นองเลือด" เหตุการณ์ซึ่งนำความสุขมาให้ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีต่อเรื่องราวการสังหารและการนองเลือดที่สาปแช่งห้องนี้มานานหลายชั่วอายุคน
จนถึงทุกวันนี้ ปราสาทยังคงเป็นเจ้าของโดยครอบครัวไรอั้น และยังยินดีเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน ถ้าคุณไปเที่ยวที่นั่น และคุณไม่สามารถพักค้างคืนในปราสาทลีพได้ ก็ยังมีโรงแรมมากมายในบริเวณใกล้เคียง และชอน ไรอั้นยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลต้องการสัมผัสบริเวณนี้โดยตรง เขาเปิดประตูให้กับผู้เยี่ยมชมและนำทัวร์ในปราสาทลีพเองเลยทีเดียว
เครดิตข้อมูล = [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ <--ส่วนนี้คัดลอกมา
และ https://www.authenticireland.com/blog/haunting-history-leap-castle/ เว็บภาษาอังกฤษ ส่วนนี้ MC แปลเอง
พบกันวันพรุ่งนี้ อีกวันหนึ่งครับ