"มาปล่อยตัว ปล่อยใจ นอนแพกาญจนบุรี ที่ Ananta River Hills Resort"

ฝากกดไลท์หรือติดตามรีวิวสถานที่กิน เที่ยว หรืออื่นๆได้ในเพจเฟสบุ๊ค ตัวดื้อ มือลั่นเที่ยว ตามลิ้งด้านล่างด้วยนะครับ https://m.facebook.com/ตัวดื้อ-มือลั่นเที่ยว-454138691607946/


สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ล่องแพที่จังหวัดกาญจนบุรี บริเวณเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งทริปนี้เป็นทริปแบบกระทันหัน แพลนก่อนเดินทางแค่ 2 วันเองครับ เนื่องจากอยากจะพาครอบครัวไปพักผ่อน แต่โชคดีหน่อยช่วงที่ไปเป็นวันธรรมดา เลยพอจะหารีสอร์ทได้ไม่ยากมาก ในที่สุดก็มาจบลงที่ อนันตารีเวอร์ฮิลส์รีสอร์ท เพราะที่นี่ราคาถูกกว่าเจ้าอื่นนิดหน่อย และทริปนี้ไปกันหลายคนเลยต้องเซฟค่าใช้จ่ายเท่าที่ทำได้ ( ผมโทรจองห้องพักแบบไม่ได้จ่ายค่ามัดจำล่วงหน้านะครับ )


ผมกับเพื่อนนัดเจอกับครอบครัวที่กาญจนบุรีเลย เพราะครอบครัวเดินทางมาจากต่างจังหวัด แต่ผมกับเพื่อนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยขึ้นรถบัสที่สถานีขนส่งสายใต้รอบ 09.00 น. ไปถึงบขส. กาญจนบุรีประมาณ 11.00 น. ระหว่างทางก็ไม่มีปัญหาอะไร ราบรื่นดีครับ แต่มาพีคสุดๆช่วงที่ต้องเดินทางต่อจากตัวเมืองกาญฯ ไปยังตลาดเอราวัณ เพราะรถเมย์สายนี้เป็นรถมินิบัสแบบหวานเย็น ไม่มีแอร์ หน้าต่างเปิดปิดแทบไม่ได้ ( พีคไมละ 555 )



ยิ่งไปกว่านั้น คนเยอะมาก อัดกันแน่นยังกับปลากระป๋อง แถมผมและเพื่อนยังได้ยืนอีก 555 ถือว่าอึดอัดและลำบากพอสมควรเลยแหละ



ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ ก็มาสุดสายที่ตลาดเอราวัณครับ สำหรับใครที่มารถเมย์แบบผม อาจจะลำบากตรงที่ต้องจ้างรถต่อไปยังรีสอร์ทบริเวณเขื่อนศรีนครินทร์ เว้นเสียแต่ว่ารีสอร์ทมีบริการรถรับส่งฟรี ซึ่งไม่แน่ใจว่าแต่ละรีสอร์ทจะมีบริการนี้รึเปล่า แต่ผมโชคดีหน่อยตรงที่ให้รถของครอบครัวมารับ เลยสบายไปครับ

ขับรถจากตลาดเอราวัณใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงรีสอร์ทแล้วครับ พอมาถึงจะเห็นป้ายแบบนี้



มองจากด้านบนลงไปยังบริเวณที่พัก จะเห็นวิวสวยมากๆ เป็นห้องพักแบบแพลอยน้ำ ที่มีฉากหลังเป็นผืนน้ำตัดกับภูเขาเขียวขจี บรรยากาศดีเวอร์ แต่เสียดายวันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนไปหน่อยครับ



จากนั้นก็เดินมาเช๊คอิน บริเวณล๊อบบี้รีสอร์ทเป็นล๊อบบี้ไม้ขนาดเล็ก ภายในล๊อบบี้จะมีพวกร้านขายกาแฟ เครื่องดื่มและขายขนมขบเคี้ยวต่างๆด้วย ส่วนพนักงานที่นี่ก็ถือว่าบริการโอเคครับ



เช๊คอินเสร็จเรียบร้อยก็จะมีพนักงานรีสอร์ทเดินไปส่งยังห้องพักครับ ระหว่างทางเดินบนแพ ก็จะเห็นห้องพักหลายไซค์ หลายขนาด เรียงรายเป็นแนวยาวเลย



ถึงเวลาสำรวจห้องพักกันแล้วครับ โดยภาพรวมห้องพักก็ถือว่าสะอาดสะอ้านดีนะครับ พื้นและผนังทำจากไม้ทั้งหมด ซึ่งผนังห้องบางมากๆ เสียงห้องข้างๆเดินหรือคุยกันยังได้ยินเลย 555 แต่สำหรับผมก็โอเคนะ นอนได้สบายมาก



ห้องน้ำก็มีการแยกพื้นที่อาบน้ำ กับห้องส้วมครับ แต่ผมว่าพื้นที่อาบน้ำดูเก่าไปหน่อย ส่วนแชมพูและครีมอาบน้ำก็เป็นขวดแบบรีฟิล ผมว่ารีสอร์ทราคาระดับนี้ ของใช้ในห้องน้ำควรจะเป็นแบบขนาดเล็กที่ใช้เสร็จแล้วทิ้งเลย น่าจะโอเคมากกว่านี้ครับ ( ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ )



เปิดประตูออกไปด้านนอกห้องพัก ก็จะมีระเบียงให้นั่งรับลมชมวิวด้วย บรรยากาศดีมาก เห็นวิวสุดลูกหูลูกตา



สำรวจห้องเสร็จสมาชิกทุกคนก็เริ่มเก็บสัมภาระของตัวเอง จากนั้นทุกคนตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันงีบซักพัก เพราะ 16.00 น โรงแรมจะมีล่องแพเปียกฟรี โดยพาไปเล่นน้ำกลางเขื่อนศรีนครินท์ ดังนั้นเลยต้องนอนพักเอาแรงซักหน่อย เพราะทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง

ในขณะที่คนอื่นพักผ่อน ผมก็ออกเดินสำรวจรีสอร์ทหน่อยว่าบรรยากาศเป็นยังไง มีอะไรน่าสนใจบ้าง ซึ่งถ้ามองจากด้านล่างบริเวณห้องพักขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นป้ายรีสอร์ทและระเบียงชมวิวตามรูปครับ



จากนั้นผมก็เดินขึ้นด้านบนไปยังจุดชมวิว เพื่อที่จะได้เห็นบรรยากาศความสวยงามในมุมที่กว้างขึ้นอีก



วิวมุมกว้างด้านขวามือ จะมองเห็นรีสอร์ทอื่นๆด้วย ซึ่งรีสอร์ทแต่ละที่ก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างกันไป



กิจกรรมอื่นๆที่มีในรีสอร์ท ก็จะมีทั้งพวกสวนสนุกน้ำ สำหรับใครที่ชอบแนวนี้ก็จัดได้เลยครับ แต่อย่าลืมใส่เสื้อชูชีพด้วยนะครับ



กิจกรรมพายเรือแคนูก็มีให้นะฮ่ะ แต่บอกเลยว่าพายแล้วเหนื่อยมาก เพราะน้ำมันนิ่ง เลยทำให้ต้องออกแรงเยอะเพื่อให้เรือเคลื่อนที่



จะมีพวกเจ๊ทสกีด้วย อันนี้ต้องจ่ายค่าเช่านะครับ จำราคาเช่าไม่ได้ แต่เหมือนราคาจะเอาเรื่องอยู่ทีเดียว



เผลอแป๊บเดียว 4 โมงเย็นแล้ว อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่าเวลานี้รีสอร์ทจะมีล่องแพเปียกฟรี พาไปเล่นน้ำที่กลางเขื่อนศรีนครินทร์ โดยจะมีเรือใหญ่ลากแพไม้พาไปกลางน้ำ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผมชอบและประทับใจที่สุดแล้วสำหรับทริปนี้ อีกอย่างทั้งเด็กและผู้สูงอายุก็สามารถล่องแพเปียกได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน



พอเรือลากแพเปียกมาถึงกลางเขื่อน ก็จะหยุดให้คนเล่นน้ำกันครับ แต่ละคนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน น้ำใสและเย็นสดชื่นมาก แต่ก่อนจะลงเล่นน้ำ ผมแนะนำให้ตรวจสอบเสื้อชูชีพให้เรียบร้อย รัดสายให้กระชับ เพื่อความปลอดภัยครับ



ใช้เวลาในการล่องแพเปียกชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับเข้าฝั่งมายังรีสอร์ท จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันอาบน้ำอาบท่า แล้วก็มากินข้าวกันในร้านอาหารของรีสอร์ทครับ บรรยากาศร้านอาหารรีสอร์ทก็ตามภาพที่เห็น อาหารรสชาติก็ถือว่าโอเคนะราคาก็พอๆกับร้านอาหารในตัวเมือง แต่ถ้าใครจะออกไปกินด้านนอก ก็ต้องขับรถออกไป ซึ่งน่าจะหาร้านยากหน่อย แต่ก็ไปได้ตามความสมัครใจของเราครับ



เสร็จจากทานข้าวทุกคนก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัยครับ บรรยากาศยามค่ำคืนก็จะเงียบๆหน่อย ถือว่าเหมาะกับการพาครอบครัวมาพักผ่อน ผมหลับสบายตลอดคืนเลย


ตื่นเช้ามาก็มีอาหารเช้าฟรีที่รีสอร์ทบริการ ซึ่งเป็นแบบุพเฟ่ต์ครับ มีพวกข้าวต้ม ไข่กระทะ ต้มเลือดหมู กับข้าว จำพวกผัดผัก ผัดไก่พริกหยวก เป็นต้น แต่คนเยอะมากกกกก แนะนำให้มาเช้าหน่อยก็ดีครับ พอกินเสร็จก็แยกย้ายกันเก็บข้าวเก็บของ แล้วก็เดินเล่นต่ออีกซักพักค่อย จากนั้นก็เช๊คเอาท์กลับบ้านครับ



โดยภาพรวมแล้ว ผมคิดว่าล่องแพกาญจนบุรีที่อนันตารีเวอร์ฮิลส์รีสอร์ท ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับผม ถึงแม้จะราคาสูงหน่อย แต่ก็มีกิจกรรมที่หลากหลายสำหรับคนที่เข้าพัก ไม่ว่าจะมาแบบกลุ่มเพื่อน คนรักหรือครอบครัวก็ร่วมสนุกกิจกรรมต่างๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมล่องแพเปียกที่ผมชอบมากๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ลองเล่นน้ำกลางเขื่อนแบบนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ ในส่วนรสชาติอาหารก็ระดับกลางๆครับ แต่ที่อยากจะแนะนำเพิ่มเติมก็คือ ในส่วนของพื้นที่บริเวณอาบน้ำ ควรจะเพิ่มการดูแลเรื่องความสะอาด และพวกของใช้ในห้องน้ำ ถ้าเป็นไปได้อยากให้เปลี่ยนเป็นไซค์เล็กที่ใช้แล้วทิ้ง น่าจะดีกว่าแบบขวดรีฟิล ส่วนความคุ้มค่า ผมมองว่าขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลนะครับ ลองพิจารณากันดูตามความเหมาะสมแล้วกันครับ สำหรับวันนี้ผมต้องขอลาเพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ