ภาพยนตร์: Finding Neverland
กำกับ: Marc Foster
นักแสดงนำ: Johnny Depp, Kate Winslet, Julie Christie
Finding Neverland สร้างมาจากเรื่องจริงบางส่วนของนักประพันธ์ชื่อดัง J.M. Barrie (Johnny Depp) ซึ่งเมื่อเขาได้มารู้จักกับลูกชายทั้งสี่คนของ Sylvia Davies (Kate Winslet) ที่เป็นแม่หม้ายสามีตายก็ทำให้เขาได้แรงบันดาลใจในการประพันธ์บทละครเวทีเรื่อง Peter Pan
ความน่าสนใจของหนังไม่ได้อยู่ที่ Barrie แต่งเรื่อง Peter Pan ออกมาได้ยังไง แต่มันอยู่ที่การก้าวผ่านความเจ็บปวดและการสร้างสมดุลระหว่างโลกแห่งความจริงและแห่งจินตนาการได้ยังไงต่างหาก ความลึกของบทหนังทำให้ได้เสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และการแสดงของ Depp ก็ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย แม้ Depp จะพลาดรางวัลไปแต่ก็ไม่ได้ลดคุณค่าในตัวงานของเขาลงเลย เขาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของนักประพันธ์โลกส่วนตัวสูงคนนี้ได้ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับ Winslet ที่แม้จะไม่ได้เข้าชิงรางวัลแต่เธอไม่เคยพลาดแม้แต่วินาทีเดียวกับการเข้าถึงบทบาทคุณแม่ผู้ใช้ความรักที่มีต่อลูกชายทั้งสี่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต
Foster กำกับหนังได้กลมกล่อมแม้จะดูเนิบนาบไปนิดช่วงต้นเรื่องแต่มันเป็นการสร้างอารมณ์ให้เราค่อยๆ ซึมซับเนื้อเรื่อง ไม่ผลีผลามในการเอาตัวเองไปอยู่ในโลกแห่งความจริงและจินตนาการของ Barrie การตัดต่อระหว่างโลกทั้งสองก็ทำได้แนบเนียนสมจริง
หนังใช้ดนตรีประกอบมาช่วยเชื่อมความรู้สึกได้ดีเยี่ยม ดนตรีที่เข้ามาถูกที่ถูกเวลาช่วยผลักดันอารมณ์เราให้อิ่มเอมได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากจบที่ทำให้เราน้ำตาไหลพรากได้ทุกครั้งที่ดู
ข้อคิดจากหนังเรื่องนี้คือการจะกลับมาอยู่กับความจริงที่เจ็บปวดได้ บางครั้งมันก็ต้องอาศัยจินตนาการและความเชื่อ
ให้คะแนน 5/5
อ่านรีวิวหนังเก่าเรื่องอื่นๆ ได้ที่นี่ค่ะ
http://gorjaiwriter.blogspot.com/search/label/Movie%20Review
[CR] <รีวิวหนังเก่า> Finding Neverland (2004) Johnny Depp Kate Winslet
ภาพยนตร์: Finding Neverland
กำกับ: Marc Foster
นักแสดงนำ: Johnny Depp, Kate Winslet, Julie Christie
Finding Neverland สร้างมาจากเรื่องจริงบางส่วนของนักประพันธ์ชื่อดัง J.M. Barrie (Johnny Depp) ซึ่งเมื่อเขาได้มารู้จักกับลูกชายทั้งสี่คนของ Sylvia Davies (Kate Winslet) ที่เป็นแม่หม้ายสามีตายก็ทำให้เขาได้แรงบันดาลใจในการประพันธ์บทละครเวทีเรื่อง Peter Pan
ความน่าสนใจของหนังไม่ได้อยู่ที่ Barrie แต่งเรื่อง Peter Pan ออกมาได้ยังไง แต่มันอยู่ที่การก้าวผ่านความเจ็บปวดและการสร้างสมดุลระหว่างโลกแห่งความจริงและแห่งจินตนาการได้ยังไงต่างหาก ความลึกของบทหนังทำให้ได้เสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และการแสดงของ Depp ก็ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย แม้ Depp จะพลาดรางวัลไปแต่ก็ไม่ได้ลดคุณค่าในตัวงานของเขาลงเลย เขาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของนักประพันธ์โลกส่วนตัวสูงคนนี้ได้ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับ Winslet ที่แม้จะไม่ได้เข้าชิงรางวัลแต่เธอไม่เคยพลาดแม้แต่วินาทีเดียวกับการเข้าถึงบทบาทคุณแม่ผู้ใช้ความรักที่มีต่อลูกชายทั้งสี่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต
Foster กำกับหนังได้กลมกล่อมแม้จะดูเนิบนาบไปนิดช่วงต้นเรื่องแต่มันเป็นการสร้างอารมณ์ให้เราค่อยๆ ซึมซับเนื้อเรื่อง ไม่ผลีผลามในการเอาตัวเองไปอยู่ในโลกแห่งความจริงและจินตนาการของ Barrie การตัดต่อระหว่างโลกทั้งสองก็ทำได้แนบเนียนสมจริง
หนังใช้ดนตรีประกอบมาช่วยเชื่อมความรู้สึกได้ดีเยี่ยม ดนตรีที่เข้ามาถูกที่ถูกเวลาช่วยผลักดันอารมณ์เราให้อิ่มเอมได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากจบที่ทำให้เราน้ำตาไหลพรากได้ทุกครั้งที่ดู
ข้อคิดจากหนังเรื่องนี้คือการจะกลับมาอยู่กับความจริงที่เจ็บปวดได้ บางครั้งมันก็ต้องอาศัยจินตนาการและความเชื่อ
ให้คะแนน 5/5
อ่านรีวิวหนังเก่าเรื่องอื่นๆ ได้ที่นี่ค่ะ http://gorjaiwriter.blogspot.com/search/label/Movie%20Review