เพิ่งจะบิวท์ตัวเองให้อยากเขียนกระทู้ได้ค่ะ ก่อนที่จะหลงลืมทุกอย่างไปหมด เหลือเพียงแต่ความเลือนลางที่ว่า "ไปเกาหลีมา...แค่นั้นเอง"
ครั้งแรกได้ไปเกาหลี แบบฟรีๆ จากการส่งชิงโชค อดเสียดายที่ไม่ได้เขียนรีวิว แต่ครั้งนี้ เมื่อมีโอกาสได้มาอีกครั้ง เลยต้องเขียนให้ได้ ไว้เตือนความทรงจำตัวเอง และแบ่งปันให้คนอื่นได้อ่าน เกาหลี ครั้งที่สอง เราได้ตั๋วฟรีจากการเล่นเกมส์ของเพจแอร์เอเชียเอ๊กซ์ค่ะ ได้มาสองที่นั่ง แต่ก็ต้องเสียค่าภาษี ค่าโหลดสัมภาระ ค่าอาหาร และค่าที่พักเอง รวมแล้วก็หมื่นนิดๆ แต่ได้มาแล้ว ก็ต้องไป ค่อยทำงาน หาเงิน ชดใช้หนี้กรรมไปค่ะ
เราเดินทาง 18 - 26 พ.ค 60 ไฟล์ทบิน 02.50 แต่ความสนุกก็บังเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาเทคออฟแล้ว กัปตันก็ประกาศว่า เครื่องขัดข้อง ให้รอประมาณ 45 นาที ค่ะรอก็รอ และพอถึงเวลา คราวนี้ประกาศให้เปลี่ยนเครื่องเลยจ้า สุดท้ายทั้งลำต้องเดินมาอีกเกทหนึ่ง ขึ้นชัตเทอร์บัส ไปขึ้นเครื่อง ถึงตอนที่เครื่องเทคออฟ (ของจริง) ฟ้าก็สว่างพอดี ผ่านไปกว่าห้าชั่วโมง เครื่องก็เตรียมเทคออฟที่สนามบินอินชอนแล้ว ...เอาล่ะ สิ่งที่คิดไว้ มันจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ต.ม. เกาหลี กับห้องเย็น ที่ได้รับเกียรติให้เหยียบย่ำเข้าไป ก็เพราะว่า...
ต.ม.: คีย์อะไรไม่รู้ที่คอม ก็เงยหน้ามาถามเราว่า : คุณเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า? เคยมาเกาหลีแล้วใช่ไหม?
เรา : เปล่าค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อ (พร้อมยื่นพาสปอร์ตเล่มเก่าให้ ตอนที่นางถามหา)
ต.ม.: พลิกดูไปมา ทำหน้าไม่แน่ใจ ชะโงกหน้าไปเรียก จนท.ผู้ชายที่ยืนบนแท่นสูงคอยดูคนต่อแถวผ่านต.ม. มาทางเราจ้า มาถึงฮีก็ทำหน้ายุ่ง ให้เราเดินไปห้องเย็น
วาร์ปไปในห้องเย็น มีเรากับคนไทยอีกสองคน เมื่อถูกเชิญให้นั่ง จนท.ผู้หญิงท่าทางใจดี ก็ถามเราเหมือนเดิม
ต.ม.: เปลี่ยนชื่อหรือเปล่า? ถามสามครั้ง
เรา :ไม่ค่ะ แค่สะกดนามสกุลให้ถูกต้อง เล่มแรกสะกดผิด (แต่ชื่อทั้งสองเล่มสะกดตรงกัน) พอทำใหม่ก็เลยสะกดให้ถูกต้อง (ถามกี่ครั้งก็ตอบแบบนี้ค่ะ)
ต.ม. : เอาพาสสองเล่มไปเทียบกัน สลับมองหน้าเรา ถามหาตั๋วขากลับ
เรา : หยิบใบยืนยันขากลับให้ดู แต่ในใจนี่ให้ผ่านเถอะนะ จ่ายค่าที่พักแล้วด้วย
ต.ม.:มากี่วัน กับทัวร์หรือกับใคร?
เรา : มา 7 วัน มากับญาติค่ะ (ตอบหนักแน่น ไอแฮฟสติมากๆ)
ต.ม.:มองหน้าเรา สลับกับพาส แต่คราวนี้ บอกให้สแกนนิ้ว และถ่ายรูป
เรานี่ใจลอย คิดว่าต้องผ่านแน่ และก็ถูกต้องนะคะ นางเชิญเราเดินออกไป ใช้บัตรสแกน ให้ผ่านออกไปได้ ตอนนั้นไม่ดีใจล่ะ แต่เบาใจมากกว่า เพราะญาติเราผ่านไปแล้ว ถ้าเราไม่ผ่านทริปล่ม เจ๊งหมดแน่
สรุปนิด : เราเตรียมหลักฐานหลักๆ ไป ก็มีตั๋วขากลับ, ใบยืนยันที่พัก, ใบรับรองการทำงาน,แพลนการท่องเที่ยว ใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องไปด้วย หากถูกถามจะได้หยิบให้ดูได้เลย
เรานั่งรถบัสจากสนามบินมาที่พักแถวมยองดง ราคา 14,000 วอน 1ชม.กว่าก็มาถึง แต่มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ เราเดินลากกระเป๋าหาที่พัก จนตะวันตกดิน คุณลุงที่เหมือนเป็นพนง. กวาดถนน เข้ามาถาม พร้อมพาข้ามไปตลาดมยองดง พาไปถามกับจนท.ที่คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยว จนในที่สุด แกก็พาเรามาถึงที่พักจนได้ ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับเซเว่น ที่เราเข้าไปถามทางมาก่อนนั้น บัดซบกับชีวิตมากค่ะ ไม่รู้เซเว่นบอกผิด หรือเราไม่ฉงนเอง แต่ช่างมัน สุดท้ายเราก็มาถึง Myeongdong Town Guesthouse
ค่าที่พัก 7 คืน 6,600 บาท ตกคนละ 3.300 ก็พอจ่ายไหว (ใครมาพักที่นี่ต้องสังเกตป้าย เพราะทางขึ้นแคบมาก) ไปถึง ก็ต้องต่อโทรศัพท์แจ้งกับเจ้าของ เพื่อรับรหัสเข้าห้อง ซึ่งสภาพต่างจากในเว็บมาก แต่ถือว่า แค่ไว้นอนเฉยๆ ขอให้สะดวก ปลอดภัย ใกล้ของกิน (ใกล้จริงๆ ตรงข้ามเซเว่น เข้าทุกวัน) กับสถานีรถไฟใต้ดิน ก็โอเคแล้ว
โปรแกรมเที่ยวก็ลอกๆ เขามา ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เน้นแค่อยากไปเห็นเท่านั้น แต่ก็ยังตื่นเต้น เพราะไม่ได้มาเกาหลีตั้งเกือบเจ็ดปี เอ้า !เริ่มวันแรกเลยค่ะ
Day 1 : ม.อีฮวา , ม.ฮงแด ตกเย็นไปกินทัคคาลบี้ ที่ตลาดมยองดง
ตื่นสาย ก็เลยไปได้แค่สองที่ ไปถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คของม.อีฮวา เอาแค่ให้ได้ไปเห็นของจริงพอ ซึ่งก็สวยมากๆ และแถวย่านม. อีฮวา ของก็น่ากินทั้งนั้น จากนั้นก็ นั่งรถไฟใต้ดินแค่ป้ายเดียว ไปต่อที่ย่านศิลปะม.ฮงอิค ดูเต้นวงโคฟ ตลาดย่านม. ที่มีร้านค้าเยอะมาก แต่ก็ได้แต่ดู เราทรัพย์น้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัดค่ะ
ตอนนั่งพักขา ก็บังเอิญนั่งใกล้กับ บุ้งกี้ The Face 3 ทีมแม่ช้า ตัวจริงหุ่นดี หน้าคม สวยค่ะ จนต้องขอแชะภาพด้วย ส่วนมื้อเย็น เราก็นั่งรถไฟต่อเดียวจากฮงอิค มาลงมยองดง ที่ตลาดนี้ ตอนกลางคืนจะคึกครื้น เห็นอะไรก็น่ากินไปหมด แต่เราอยากกินทัคคาลบี้ค่ะ อาหารยอดฮิต เพราะมันอร่อยมาก มากินที่ร้านนี่สบายมาก เพราะจะมีพนง. มาผัดให้ เราก็รอกินอย่างเดียวค่ะ
การเดินทาง : ม.อีฮวา สถานี Ewha Woman Station Exit 2 or 3 จาก Ewha มา Hongik สถานี Hongik Station Exit 8
Day 2 : ตลาดนัมแดมุน ,ห้างซินเซเก, โซลทาวเวอร์
เรามีคูปองแลกชุดฮันบกฟรี แต่ต้องไปซื้อของอะไรก็ได้ที่ห้างซินเซเก ก่อนไปห้าง เพื่อนชาวมาเล ที่พักเกสท์เฮ้าส์เดียวกัน ซึ่งขอมาด้วย พาไปหาของทานที่ตลาดนัมแดมุน ของกินเยอะมาก เรารีบพุ่งไปสั่งไส้กรอกเลือด รสชาติแรกๆ ก็อร่อย แต่พอกินมากเข้า มันก็เลี่ยน แล้วน้ำจิ้มก็เป็นพริกเกลือที่ไว้กินกับผลไม้อีก (ไม่เข้ากันเลย) แต่ถือว่าได้ลองกินแล้วกัน
จากตลาด ก็เดินย้อนกลับไปห้าง เจอแม่ทัพมง กำลังแจกลายเซ็น กำไรมาก ไม่คิดจะเจอดาราใกล้ๆ ดูแป๊บหนึ่ง ก็ขึ้นไปจุดที่แลกคูปอง แต่คนเยอะมาก เราเลยเปลี่ยนใจ มุ่งหน้าไปโซลทาวเวอร์แทน เดินจากห้างไม่ไกลเท่าไร มาขึ้นลิฟท์ไปยังอาคารตรงส่วนที่ขึ้นกระเช้าไปบนโซลทาวเวอร์ แต่พวกเราเลือกขึ้นรถเมล์ พักใหญ่ก็ไปถึง อากาศข้างบนร้อนไม่น้อย เดินวนๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย จนเกือบค่ำจึงไปกันต่อที่พระราชวังคยองบก แต่ไปถึงตอนหนึ่งทุ่ม พระราชวังปิดแล้ว ต้องมาวันพรุ่งนี้แทน คราวนี้จะไม่นก?
การเดินทาง : ตลาดนัมแดมุน สถานี Hoehyeon Station Exit 5 ห้างชินเซเก Exit 4 , 7
Day 3 : ทริคอายส์มิวเซียม, สวนฮานึล, พระราชวังคยองบก, พระเจ้าเซจง, แม่ทัพอีซุน, วัดโชเกซา, คลองชองเกชอน
เราได้บัตรเข้าฟรี จากเพจของทริคอายส์ ใครเป็นคนชอบถ่ายรูป น่าจะชอบ แต่อย่าลืมโหลดแอพทริคอายส์ไปด้วย ไม่งั้นถ่ายไปมันจะไม่เป็นภาพ 3มิติ ตอนเราไปคนน้อยมาก แต่ก็ดี ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป
จากนั้น ก็ไปสวนฮานึล จากทริคอายส์ นั่งรถไฟไปลงสถานีอีฮวา ทางออก 2 แล้วก็มารอที่ป้ายเกาะกลางถนน นั่งรถเมล์สาย 271 ยาวไป แต่ให้ดีบอกคนขับด้วยค่ะ พอถึงแล้วก็ข้ามถนนเดินไปทางเข้าสวน เสียค่านั่งรถขึ้นไป 5,000 วอน เก็บตั๋วไว้ตอนกลับด้วยค่ะ เขาจะขอดู และแล้ว ก็มาถึง แต่ผิดคาด ดอกหญ้าสีน้ำตาล ไม่มีเลย มีแต่สีเขียว แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ต้องไปถ่ายรูปที่รังนก สัญลักษณ์ของที่นี่หน่อย ขากลับ ก็นั่งแบบเดิมอย่างตอนขามา
ตอนค่ำไปถึงคยองบกกุง นกก็มาเต็มทุ่งเลยจ้า เพราะเจ้าของร้านฮันบกบอกว่า พระราชวังจะปิด 5โมงเย็น วันนี้ไม่ทันแล้ว เงิบค่า แต่พรุ่งนี้ ฉันจะมาแต่เช้า จะไม่นกเด็ดขาด
เมื่อชวดกับฮันบก เราก็เดินเก็บสถานที่ย่านนั้น ทั้งอนุสาวรีย์พระเจ้าเซจง, แม่ทัพอีซุน และวัดโชเกซา ตอนไปถึง ที่วัดกำลังสวดมนต์พอดี ในฐานะชาวพุทธ ก็ขอกราบไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง แดดร่มลมตก เราก็ไปปิดท้ายที่คลองชองเกชอน
ลืมไปว่า แถวพระราชวัง ตลอดทางเดินยาวไป มีตำรวจยืนอยู่เยอะมาก คงเพราะแถวนั้นมีสถานทูตสหรัฐ และด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น จึงต้องดูแลเข้มงวด แต่โดยรวมก็ไม่มีเหตุการณ์ตึงเครียด ผู้คนยังเที่ยวชิลๆ ด้านเราเดินหาคลองยังไงก็ไม่เจอ ก็ได้สาวเกาใจดี เดินพามาส่งถึงที่ และก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมหาไม่เจอ เพราะว่าก้นหอยไม่มีแล้ว (ไม่รู้ว่าทำไม) แต่ได้นั่งรับลมเย็น ก็ช่วยให้หายเหนื่อย มีแรงแล้วค่ะ
การเดินทาง : สถานี Gyeonbokgung Line 3 (orange) Exit 5
Day 4 : K - STAR Road, JYP, DDP
ไปเกาหลีครั้งนี้ เปิดฟาร์มนกได้เลย เพราะตั้งใจจะไปใส่ฮันบก แต่พระราชวังปิด (ปิดทุกวันอังคาร จดไว้เลยค่ะ) เลยเปลี่ยนแผน ไปติ่งที่ JYP (ถ้าลง Apgujeong Station จะต้องนั่งรถเมล์สาย 240 มองซ้ายมือเห็นห้างแกลอเรีย ก็ลง) เดินมาเรื่อยๆ ในย่านไฮโซอัพกูจอง เลี้ยวเข้าซอย Apgujeong-ro 79 ก็จะเจอ เราสั่งขนมที่ร้านดังกิ้นมานั่งทาน หวังจะเจอ 2pm แต่ดันเจอลุงผักแทน รอจนเหนื่อย เรากับแก๊งค์สาวจากเชียงใหม่ ที่รู้จักกันที่นี้ เลยชวนกันไป DDP แต่ไปถึงฝนตกหนัก เลยต้องแยกย้ายกันกลับ เสียดายมาก
การเดินทาง : K - STAR Raod Apgujeong - Redeo street Exit 2
Day 5: พระราชวังคยองบกกุง, ม.บุกชอน, DDP
ค่าเช่าฮันบก 10,000 วอน ใส่ได้ 2 ชม. หาร้านเช่าได้ใกล้กับวังค่ะ ค่าเข้าชม ใส่ชุดฮันบกเข้าฟรี แต่ต้องไปรับบัตรก่อน (ถ้าไม่ใส่เสียค่าเข้า 3,000 วอน)
พระราชวังใหญ่โตมาก เดินแทบไม่ทั่ว ช่วงที่ไปร้อนมาก แต่ก็สู้ไม่ถอย คืนชุดเสร็จ ก็ไปต่อที่ม.บุกชอน ไปถ่ายรูปตรงที่เขาฮิตกัน แต่ไปไม่ถูก อีกอย่างร้อนมาก เราจึงกลับมาพัก เพราะตอนเย็นจะไป DDP
กุหลาบ LED ที่ DDP กลางคืนสวยมาก มีลมเย็นพัดมา เดินเก็บภาพไปทั่ว ก็กลับไปนอนเก็บแรงไว้เที่ยววันสุดท้ายค่ะ
Day 6: มยองดง, สะพานบันโพ
ตอนเช้าอยู่มยองดง เพราะจะมาดู twice แแจกลายเซ็น แต่รอตั้งนาน ไม่เจอ เลยกลับมานอน ตื่นมาอีกที กือบสองทุ่ม เราเลยรีบไปสะพานบันโพ ไม่งั้นจะดึก ต้องกลับมาเก็บของ
น้ำพุ สะพานบันโพจะเปิดเป็นเวลา แนะนำให้ดูตอนกลางคืนดีกว่า จะสวยมาก มีเสียงเพลงเปิดประกอบด้วย คนเกาหลีจะมาปิกนิก รอดูน้ำพุเยอะมากบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ และขาช้อป ในสถานีรถไฟ มีเสื้อผ้าถูกๆ และร้านอาหาร มาละลายเงินวอนที่นี่ได้เลย
การเดินทาง: สถานี Express Bus Terminal Exit 8-1 (เดินตรงไปถึงสี่แยก เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอก)
วันสุดท้าย จากอินชอน กลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพค่ะ
หวังว่ารีวิวเราจะช่วยให้ผู้อ่าน ไปเที่ยวเกาหลีได้อย่างสนุกนะคะ
ปิดท้ายด้วย
[img]
https://f.ptcdn.info/771/052/000/otwycxoh0Dhb5N9
[CR] เมื่อได้มาเจอเธออีกครั้ง...KOREA
ครั้งแรกได้ไปเกาหลี แบบฟรีๆ จากการส่งชิงโชค อดเสียดายที่ไม่ได้เขียนรีวิว แต่ครั้งนี้ เมื่อมีโอกาสได้มาอีกครั้ง เลยต้องเขียนให้ได้ ไว้เตือนความทรงจำตัวเอง และแบ่งปันให้คนอื่นได้อ่าน เกาหลี ครั้งที่สอง เราได้ตั๋วฟรีจากการเล่นเกมส์ของเพจแอร์เอเชียเอ๊กซ์ค่ะ ได้มาสองที่นั่ง แต่ก็ต้องเสียค่าภาษี ค่าโหลดสัมภาระ ค่าอาหาร และค่าที่พักเอง รวมแล้วก็หมื่นนิดๆ แต่ได้มาแล้ว ก็ต้องไป ค่อยทำงาน หาเงิน ชดใช้หนี้กรรมไปค่ะ
เราเดินทาง 18 - 26 พ.ค 60 ไฟล์ทบิน 02.50 แต่ความสนุกก็บังเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาเทคออฟแล้ว กัปตันก็ประกาศว่า เครื่องขัดข้อง ให้รอประมาณ 45 นาที ค่ะรอก็รอ และพอถึงเวลา คราวนี้ประกาศให้เปลี่ยนเครื่องเลยจ้า สุดท้ายทั้งลำต้องเดินมาอีกเกทหนึ่ง ขึ้นชัตเทอร์บัส ไปขึ้นเครื่อง ถึงตอนที่เครื่องเทคออฟ (ของจริง) ฟ้าก็สว่างพอดี ผ่านไปกว่าห้าชั่วโมง เครื่องก็เตรียมเทคออฟที่สนามบินอินชอนแล้ว ...เอาล่ะ สิ่งที่คิดไว้ มันจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ต.ม. เกาหลี กับห้องเย็น ที่ได้รับเกียรติให้เหยียบย่ำเข้าไป ก็เพราะว่า...
ต.ม.: คีย์อะไรไม่รู้ที่คอม ก็เงยหน้ามาถามเราว่า : คุณเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า? เคยมาเกาหลีแล้วใช่ไหม?
เรา : เปล่าค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อ (พร้อมยื่นพาสปอร์ตเล่มเก่าให้ ตอนที่นางถามหา)
ต.ม.: พลิกดูไปมา ทำหน้าไม่แน่ใจ ชะโงกหน้าไปเรียก จนท.ผู้ชายที่ยืนบนแท่นสูงคอยดูคนต่อแถวผ่านต.ม. มาทางเราจ้า มาถึงฮีก็ทำหน้ายุ่ง ให้เราเดินไปห้องเย็น
วาร์ปไปในห้องเย็น มีเรากับคนไทยอีกสองคน เมื่อถูกเชิญให้นั่ง จนท.ผู้หญิงท่าทางใจดี ก็ถามเราเหมือนเดิม
ต.ม.: เปลี่ยนชื่อหรือเปล่า? ถามสามครั้ง
เรา :ไม่ค่ะ แค่สะกดนามสกุลให้ถูกต้อง เล่มแรกสะกดผิด (แต่ชื่อทั้งสองเล่มสะกดตรงกัน) พอทำใหม่ก็เลยสะกดให้ถูกต้อง (ถามกี่ครั้งก็ตอบแบบนี้ค่ะ)
ต.ม. : เอาพาสสองเล่มไปเทียบกัน สลับมองหน้าเรา ถามหาตั๋วขากลับ
เรา : หยิบใบยืนยันขากลับให้ดู แต่ในใจนี่ให้ผ่านเถอะนะ จ่ายค่าที่พักแล้วด้วย
ต.ม.:มากี่วัน กับทัวร์หรือกับใคร?
เรา : มา 7 วัน มากับญาติค่ะ (ตอบหนักแน่น ไอแฮฟสติมากๆ)
ต.ม.:มองหน้าเรา สลับกับพาส แต่คราวนี้ บอกให้สแกนนิ้ว และถ่ายรูป
เรานี่ใจลอย คิดว่าต้องผ่านแน่ และก็ถูกต้องนะคะ นางเชิญเราเดินออกไป ใช้บัตรสแกน ให้ผ่านออกไปได้ ตอนนั้นไม่ดีใจล่ะ แต่เบาใจมากกว่า เพราะญาติเราผ่านไปแล้ว ถ้าเราไม่ผ่านทริปล่ม เจ๊งหมดแน่
สรุปนิด : เราเตรียมหลักฐานหลักๆ ไป ก็มีตั๋วขากลับ, ใบยืนยันที่พัก, ใบรับรองการทำงาน,แพลนการท่องเที่ยว ใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องไปด้วย หากถูกถามจะได้หยิบให้ดูได้เลย
เรานั่งรถบัสจากสนามบินมาที่พักแถวมยองดง ราคา 14,000 วอน 1ชม.กว่าก็มาถึง แต่มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ เราเดินลากกระเป๋าหาที่พัก จนตะวันตกดิน คุณลุงที่เหมือนเป็นพนง. กวาดถนน เข้ามาถาม พร้อมพาข้ามไปตลาดมยองดง พาไปถามกับจนท.ที่คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยว จนในที่สุด แกก็พาเรามาถึงที่พักจนได้ ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับเซเว่น ที่เราเข้าไปถามทางมาก่อนนั้น บัดซบกับชีวิตมากค่ะ ไม่รู้เซเว่นบอกผิด หรือเราไม่ฉงนเอง แต่ช่างมัน สุดท้ายเราก็มาถึง Myeongdong Town Guesthouse
ค่าที่พัก 7 คืน 6,600 บาท ตกคนละ 3.300 ก็พอจ่ายไหว (ใครมาพักที่นี่ต้องสังเกตป้าย เพราะทางขึ้นแคบมาก) ไปถึง ก็ต้องต่อโทรศัพท์แจ้งกับเจ้าของ เพื่อรับรหัสเข้าห้อง ซึ่งสภาพต่างจากในเว็บมาก แต่ถือว่า แค่ไว้นอนเฉยๆ ขอให้สะดวก ปลอดภัย ใกล้ของกิน (ใกล้จริงๆ ตรงข้ามเซเว่น เข้าทุกวัน) กับสถานีรถไฟใต้ดิน ก็โอเคแล้ว
โปรแกรมเที่ยวก็ลอกๆ เขามา ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เน้นแค่อยากไปเห็นเท่านั้น แต่ก็ยังตื่นเต้น เพราะไม่ได้มาเกาหลีตั้งเกือบเจ็ดปี เอ้า !เริ่มวันแรกเลยค่ะ
Day 1 : ม.อีฮวา , ม.ฮงแด ตกเย็นไปกินทัคคาลบี้ ที่ตลาดมยองดง
ตื่นสาย ก็เลยไปได้แค่สองที่ ไปถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คของม.อีฮวา เอาแค่ให้ได้ไปเห็นของจริงพอ ซึ่งก็สวยมากๆ และแถวย่านม. อีฮวา ของก็น่ากินทั้งนั้น จากนั้นก็ นั่งรถไฟใต้ดินแค่ป้ายเดียว ไปต่อที่ย่านศิลปะม.ฮงอิค ดูเต้นวงโคฟ ตลาดย่านม. ที่มีร้านค้าเยอะมาก แต่ก็ได้แต่ดู เราทรัพย์น้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัดค่ะ
ตอนนั่งพักขา ก็บังเอิญนั่งใกล้กับ บุ้งกี้ The Face 3 ทีมแม่ช้า ตัวจริงหุ่นดี หน้าคม สวยค่ะ จนต้องขอแชะภาพด้วย ส่วนมื้อเย็น เราก็นั่งรถไฟต่อเดียวจากฮงอิค มาลงมยองดง ที่ตลาดนี้ ตอนกลางคืนจะคึกครื้น เห็นอะไรก็น่ากินไปหมด แต่เราอยากกินทัคคาลบี้ค่ะ อาหารยอดฮิต เพราะมันอร่อยมาก มากินที่ร้านนี่สบายมาก เพราะจะมีพนง. มาผัดให้ เราก็รอกินอย่างเดียวค่ะ
การเดินทาง : ม.อีฮวา สถานี Ewha Woman Station Exit 2 or 3 จาก Ewha มา Hongik สถานี Hongik Station Exit 8
Day 2 : ตลาดนัมแดมุน ,ห้างซินเซเก, โซลทาวเวอร์
เรามีคูปองแลกชุดฮันบกฟรี แต่ต้องไปซื้อของอะไรก็ได้ที่ห้างซินเซเก ก่อนไปห้าง เพื่อนชาวมาเล ที่พักเกสท์เฮ้าส์เดียวกัน ซึ่งขอมาด้วย พาไปหาของทานที่ตลาดนัมแดมุน ของกินเยอะมาก เรารีบพุ่งไปสั่งไส้กรอกเลือด รสชาติแรกๆ ก็อร่อย แต่พอกินมากเข้า มันก็เลี่ยน แล้วน้ำจิ้มก็เป็นพริกเกลือที่ไว้กินกับผลไม้อีก (ไม่เข้ากันเลย) แต่ถือว่าได้ลองกินแล้วกัน
จากตลาด ก็เดินย้อนกลับไปห้าง เจอแม่ทัพมง กำลังแจกลายเซ็น กำไรมาก ไม่คิดจะเจอดาราใกล้ๆ ดูแป๊บหนึ่ง ก็ขึ้นไปจุดที่แลกคูปอง แต่คนเยอะมาก เราเลยเปลี่ยนใจ มุ่งหน้าไปโซลทาวเวอร์แทน เดินจากห้างไม่ไกลเท่าไร มาขึ้นลิฟท์ไปยังอาคารตรงส่วนที่ขึ้นกระเช้าไปบนโซลทาวเวอร์ แต่พวกเราเลือกขึ้นรถเมล์ พักใหญ่ก็ไปถึง อากาศข้างบนร้อนไม่น้อย เดินวนๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย จนเกือบค่ำจึงไปกันต่อที่พระราชวังคยองบก แต่ไปถึงตอนหนึ่งทุ่ม พระราชวังปิดแล้ว ต้องมาวันพรุ่งนี้แทน คราวนี้จะไม่นก?
การเดินทาง : ตลาดนัมแดมุน สถานี Hoehyeon Station Exit 5 ห้างชินเซเก Exit 4 , 7
Day 3 : ทริคอายส์มิวเซียม, สวนฮานึล, พระราชวังคยองบก, พระเจ้าเซจง, แม่ทัพอีซุน, วัดโชเกซา, คลองชองเกชอน
เราได้บัตรเข้าฟรี จากเพจของทริคอายส์ ใครเป็นคนชอบถ่ายรูป น่าจะชอบ แต่อย่าลืมโหลดแอพทริคอายส์ไปด้วย ไม่งั้นถ่ายไปมันจะไม่เป็นภาพ 3มิติ ตอนเราไปคนน้อยมาก แต่ก็ดี ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป
จากนั้น ก็ไปสวนฮานึล จากทริคอายส์ นั่งรถไฟไปลงสถานีอีฮวา ทางออก 2 แล้วก็มารอที่ป้ายเกาะกลางถนน นั่งรถเมล์สาย 271 ยาวไป แต่ให้ดีบอกคนขับด้วยค่ะ พอถึงแล้วก็ข้ามถนนเดินไปทางเข้าสวน เสียค่านั่งรถขึ้นไป 5,000 วอน เก็บตั๋วไว้ตอนกลับด้วยค่ะ เขาจะขอดู และแล้ว ก็มาถึง แต่ผิดคาด ดอกหญ้าสีน้ำตาล ไม่มีเลย มีแต่สีเขียว แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ต้องไปถ่ายรูปที่รังนก สัญลักษณ์ของที่นี่หน่อย ขากลับ ก็นั่งแบบเดิมอย่างตอนขามา
ตอนค่ำไปถึงคยองบกกุง นกก็มาเต็มทุ่งเลยจ้า เพราะเจ้าของร้านฮันบกบอกว่า พระราชวังจะปิด 5โมงเย็น วันนี้ไม่ทันแล้ว เงิบค่า แต่พรุ่งนี้ ฉันจะมาแต่เช้า จะไม่นกเด็ดขาด
เมื่อชวดกับฮันบก เราก็เดินเก็บสถานที่ย่านนั้น ทั้งอนุสาวรีย์พระเจ้าเซจง, แม่ทัพอีซุน และวัดโชเกซา ตอนไปถึง ที่วัดกำลังสวดมนต์พอดี ในฐานะชาวพุทธ ก็ขอกราบไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง แดดร่มลมตก เราก็ไปปิดท้ายที่คลองชองเกชอน
ลืมไปว่า แถวพระราชวัง ตลอดทางเดินยาวไป มีตำรวจยืนอยู่เยอะมาก คงเพราะแถวนั้นมีสถานทูตสหรัฐ และด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น จึงต้องดูแลเข้มงวด แต่โดยรวมก็ไม่มีเหตุการณ์ตึงเครียด ผู้คนยังเที่ยวชิลๆ ด้านเราเดินหาคลองยังไงก็ไม่เจอ ก็ได้สาวเกาใจดี เดินพามาส่งถึงที่ และก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมหาไม่เจอ เพราะว่าก้นหอยไม่มีแล้ว (ไม่รู้ว่าทำไม) แต่ได้นั่งรับลมเย็น ก็ช่วยให้หายเหนื่อย มีแรงแล้วค่ะ
การเดินทาง : สถานี Gyeonbokgung Line 3 (orange) Exit 5
Day 4 : K - STAR Road, JYP, DDP
ไปเกาหลีครั้งนี้ เปิดฟาร์มนกได้เลย เพราะตั้งใจจะไปใส่ฮันบก แต่พระราชวังปิด (ปิดทุกวันอังคาร จดไว้เลยค่ะ) เลยเปลี่ยนแผน ไปติ่งที่ JYP (ถ้าลง Apgujeong Station จะต้องนั่งรถเมล์สาย 240 มองซ้ายมือเห็นห้างแกลอเรีย ก็ลง) เดินมาเรื่อยๆ ในย่านไฮโซอัพกูจอง เลี้ยวเข้าซอย Apgujeong-ro 79 ก็จะเจอ เราสั่งขนมที่ร้านดังกิ้นมานั่งทาน หวังจะเจอ 2pm แต่ดันเจอลุงผักแทน รอจนเหนื่อย เรากับแก๊งค์สาวจากเชียงใหม่ ที่รู้จักกันที่นี้ เลยชวนกันไป DDP แต่ไปถึงฝนตกหนัก เลยต้องแยกย้ายกันกลับ เสียดายมาก
การเดินทาง : K - STAR Raod Apgujeong - Redeo street Exit 2
Day 5: พระราชวังคยองบกกุง, ม.บุกชอน, DDP
ค่าเช่าฮันบก 10,000 วอน ใส่ได้ 2 ชม. หาร้านเช่าได้ใกล้กับวังค่ะ ค่าเข้าชม ใส่ชุดฮันบกเข้าฟรี แต่ต้องไปรับบัตรก่อน (ถ้าไม่ใส่เสียค่าเข้า 3,000 วอน)
พระราชวังใหญ่โตมาก เดินแทบไม่ทั่ว ช่วงที่ไปร้อนมาก แต่ก็สู้ไม่ถอย คืนชุดเสร็จ ก็ไปต่อที่ม.บุกชอน ไปถ่ายรูปตรงที่เขาฮิตกัน แต่ไปไม่ถูก อีกอย่างร้อนมาก เราจึงกลับมาพัก เพราะตอนเย็นจะไป DDP
กุหลาบ LED ที่ DDP กลางคืนสวยมาก มีลมเย็นพัดมา เดินเก็บภาพไปทั่ว ก็กลับไปนอนเก็บแรงไว้เที่ยววันสุดท้ายค่ะ
Day 6: มยองดง, สะพานบันโพ
ตอนเช้าอยู่มยองดง เพราะจะมาดู twice แแจกลายเซ็น แต่รอตั้งนาน ไม่เจอ เลยกลับมานอน ตื่นมาอีกที กือบสองทุ่ม เราเลยรีบไปสะพานบันโพ ไม่งั้นจะดึก ต้องกลับมาเก็บของ
น้ำพุ สะพานบันโพจะเปิดเป็นเวลา แนะนำให้ดูตอนกลางคืนดีกว่า จะสวยมาก มีเสียงเพลงเปิดประกอบด้วย คนเกาหลีจะมาปิกนิก รอดูน้ำพุเยอะมากบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ และขาช้อป ในสถานีรถไฟ มีเสื้อผ้าถูกๆ และร้านอาหาร มาละลายเงินวอนที่นี่ได้เลย
การเดินทาง: สถานี Express Bus Terminal Exit 8-1 (เดินตรงไปถึงสี่แยก เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอก)
วันสุดท้าย จากอินชอน กลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพค่ะ
หวังว่ารีวิวเราจะช่วยให้ผู้อ่าน ไปเที่ยวเกาหลีได้อย่างสนุกนะคะ
ปิดท้ายด้วย
[img]https://f.ptcdn.info/771/052/000/otwycxoh0Dhb5N9