เรื่องสิทธิการหนีของ ขวัญมอร์ฟีนและพรรคพวก จะให้คนยอมรับใช้แหกปากอย่างเดียวไม่ได้นะครับ ต้องมีอ้างอิง(By Identity Idea)

ศาลเวลาตัดสินท่านก็ต้องเอาคำความหมาย และ หรือ หรือคำต่างๆที่ตามคำจำกัดความตามความหมายของคำคำนั้น  

   เรื่องสิทธิการที่มีคนที่พยายามเอาความเข้าใจส่วนตัวที่ผิดๆ มาแหกปากว่าจำเลยมีสิทธิหนีคดีและจะเสียสิทธิอื่นถ้าหากเขาหนี  มันแสดงเจตนาที่เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าความหมายของคำว่าสิทธิที่คนนั้นอ้างถึงหมายถึงอะไร  พอมีคนทักท้วงมันก็แถออกทุ่งวิ่งข้ามลงปรักนอนคลุกเล่นส่ายหน้าไปมา แล้วบอกทุกคนว่า เห้ยสิทธิธรรมชาติ สิทธิความเป็นคน สิทธิแต่กำเนิด แล้วแต่ที่มันจะคิดได้  แล้วใช้ความหมายตามที่ตัวเองพยายามแหกปาก แล้วก็ไม่รู้ตัวว่าการที่จะแหกปากทางวิชาการนั้น เขาไม่ให้ใช้ความมโน มันต้องมีแหล่งอ้างอิง  มันไม่สน ไปยกสิทธิธรรมชาติมา แปลตามปัญญาตัวเองมี แต่พอถามตรงไหนที่เขาบอกว่าสิทธิตามธรรมชาติเขาบอกว่าหนีคดีเป็นสิทธิ ในเมื่อเขาก็เขียนชัดว่ามีข้อจำกัดในเรื่องศีลธรรม ไม่ใช่ตคิดอะไรได้ก็อ้างเป็นสิทธิ

      การที่เราเขียนภาษาไทย แล้วเข้าใจความหมาย แล้วนำมาสื่อความหมายแบบเป็นทางการนั้น ต้องมีความหมายที่แน่นอนและส่วนใหญ่อ้างอิงจาก พจนานุกรมราชบัณฑิตยสภา  ส่วนที่ใช้ๆกันเองนั้นบางครั้งก็ผิดความหมายเพราะใช้กันจนชิน คิดเองอ้างเอง

  ด้านล่างความหมายคำว่าสิทธิ จากราชบัณฑิตยสถา
      


   ด้านล่างรัฐธรรมนูญเขียนชัดว่า ผู้ต้องหาสามารถถโดนคุมขังเพื่อป้องกันการหลบหนี





     การที่แหกปางอ้างว่าสิทธิการหลบหนีเป้นสิทธิส่วนบุคคล แต่ไม่ได้รับรองทางกฏหมายนั้น มันขัดกับความหมายคำว่าสิทธิ ซึ่งต้องได้รับการรองรับทางกฏหมาย ถึงจะใช้คำว่าสิทธิ ตามความหมาย  แต่ถ้าไม่ใช่ ทุกอย่างที่ใครก็ตามที่บอกว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล  มันคือการกระทำส่วนบุคคล การตัดสินใจส่วนบุคคล ที่ไม่ใช่สิทธิ    

      คุณทำอะไรก็ได้คิดอะไรก็ได้  แต่ไม่ใช่คุณมีสิทธิทำอะไรก็ได้ เพราะสิทธิคืออำนาจอันชอบทำ

      คุณไม่มีสิทธิเดินไปชกหน้าชาวบ้าน  แต่คุณกระทำการชกหน้าชาวบ้านโดยความคิดคุณ  ไม่ได้มีใครให้สิทธิชกหน้าชาวบ้านกับคุณ

      คุณเดินไปถีบหน้าเจ้าของบ้าน แล้วไปนั่งในบ้านเขา แล้วอ้างสิทธิที่คุณจะทำอะไรก็ได้ ได้หรือไม่?  มันเป็นอำนาจอำชอบธรรมหรือไม่?  ถ้ามันเป็นสิทธิ ตำรวจต้องจับคุณไม่ได้ข้อหาทำร้ายร่างกายย บุกรุก เพราะจะไปละเมิดสิทธิคุณ หรือสิทธิส่วนบุคคลคุณ ถามว่าตรรกะแบบนี้ มันจริงหรือเท็จ  ถ้าคุณมีสิทธิหนี เหมือน เพื่อนขวัญมอร์ฟีน(ทีโดนลบกระทู้ไป) บอกไปกระทู้ที่แล้ว แล้วบอกชาวบ้านให้ใช้วิจารณญาณพื้นฐาน แต่ ตั้งคำถามว่าการหนีไปละเมิดสิทธิใคร?(แล้วเผือกให้ใช้วิจารณญาณดันตั้งคำถามนี้มาได้)  ยกกรณี ต่อยหน้าเจ้าของบ้าน ยึดบ้าน ใครโดนละเมิด แล้วคุณหนี เขาเจ็บฟรีไหม ทำไมเขาต้องแจ้งความเพราะคุณไปละเมิดสิทธิเขา

       ถ้าเป็นแบบนี ใครก็อ้างสิทธิส่วนบุคคล ฆ่าคน ข่มขืน ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ เขาเลยให้ความหมายคำว่าสิทธิ คืออำนาจอันชอบธรรมที่ได้รับรองตามกฏหมาย  ส่วนการกระทำอื่น ถ้าไม่ถูกไม่ได้รับการรับรอง มันไม่ใช่สิทธิ แต่คือการกระทำและความคิดคุณเอง  ต่อเมื่อมีการรับรองว่าการกระทำนี้ไม่ผิดและกฏหมายคุ้มครอง เขาเลยใช้คำว่าสิทธิ กำหนดการกระทำเข้าไปว่าการกระทำแบบนี้ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม

      ถ้าเป็นระดับ เพื่อนขวัญที่ตั้งคำถามว่าหนีละเมิดสิทธิใครและตัวขวัญผมก็ไม่แปลกใจที่แยกไม่ออก  เถียงตะแบง อ้างอิงไม่เคยมี มีก็แปะมั่วๆ ประเด็นที่เป็นข้อโต้แย้ง ไม่เคยมีในสิ่งที่อ้างอิง ยิ่งตลกไปใหญ่ ที่ใช้คำว่า  สิทธิที่กระทำได้ แต่กฏหมายไม่รองรับ  

     คุณต้องนิยามคำว่าสิทธิ โดยมีแหล่งอ้างอิง ตามที่สากลโลกความจริงยอมรับ ไม่ใช่ใช้ความคิดตัวเองแล้วบอกว่านี่คือสิ่งถูก  การจะอ้างอิงต้องมีความหมายของคำที่ชัดเจนก่อนนะ ที่ใช้บ่อยๆแล้วคิดว่าใช่มันไปอ้างอิงกันไม่ได้  ขนาดศาลตัดสินบางครั้งยังต้องใช้พจนานุกรมในการจำกัดอธิบายความหมายคำเพื่อตัดสินคี ถ้าคิดกันแบบนี้ตายพอดี ใครจะนิยามอะไรก็ได้  บ้านเมืองคงวุ่นวายเพราะแต่ละคนใช้ความคิดตัวเองตัดสิน แล้วสะกดจิตหมู่อย่างขวัญพยายาม แหกปากอธิบายอะไรที่หาอ้างอิงไม่ได้สักอย่าง ศาลท่านยังอ้างหลักกฏหมายข้อความตามตัวบทกฏหมายที่เป็นตัวอักษร ที่มันดิ้นไม่ได้ดิ้นได้ยังเปิดพจนานุกรม  แต่ขวัญและพรรคพวก อ้างจากขี้ฟัน และการฟินเวอร์จากการวิ่งไปมโนในห้องน้ำหรือ!
เพิ่มเติมเรื่องสิทธิ และเสรีภาพ จากกฤษฏีกา

http://web.krisdika.go.th/activityDetail.jsp?actType=I&actCode=83&head=4&item=n5

น่าจะได้คำตอบกันนะครับ  ว่าอย่างขวัญมอร์ฟีนเหมาะสมกับรูปด้านล่างไหม

กระทู้ขวัญล่าสุด เรื่องเสรีภาพกับสิทธิคืออันเดียวกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้





แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่