เหล่าแลนด์มาร์กสำคัญในปีนัง จริงๆ แล้วถ้าวางแผนดีๆ มันสามารถเดินไปถึงกันได้ง่ายมาก เพราะปีนังเป็นเมืองที่ต้องใช้เท้าเดินจริงๆ นะ
บางคนบอกว่ามาปีนังควรใช้วิธีการขี่จักรยานหรือนั่งรถเมล์จะสะดวกกว่า แต่จขกท.เป็นคนชอบเดินเพราะเราจะได้มีเวลาช้าๆ สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบ ปีนังไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องขี่จักรยานขนาดนั้น แต่วางแผนดีๆ หน่อยว่าเราจะเดินจากไหนไปไหนจะได้เดินดูหลายๆ ที่ไม่เหนื่อย เพราะฉะนั้นตอนนี้อาจจะยาวซักหน่อย เพราะแต่ละจุดที่ไปจะแนบแผนที่ให้ด้วย ของ จขกท. อาจจะไปไม่ครบทุกที่ในปีนัง แต่อย่างน้อยก็ได้ไปที่ที่น่าสนใจหลักๆ ของปีนังนะจ๊ะ
วันนี้แพลนคร่าวๆ คือ เราเดินขึ้นทางเหนือของเมืองไปบ้านเปอนารากันก่อน แล้วเดินไล่ลงมาที่ Lebuh Armenian (เป็นถนนเส้นที่มีแต่สตรีทอาร์ทกับพิพิธภัณฑ์กงสีตระกูลกู่) จากนั้นจะเดินเลาะลงไปที่ Komtar เพื่อขึ้นรถเมล์ไปปีนังฮิลล์ กับวัด Kek Lok Si
อ้อ! ลืมบอกไปว่าก่อนออกเดินทางอย่าลืมลองขอแผนที่ฟรีจากที่พักด้วยนะ ส่วนตัวแล้วไม่รู้ว่าเขามีกันทุกที่มั้ย แต่ของ จขกท. มี
(บ้านเปอนารากันสถานที่ที่ปลื้มปริ่มที่สุดของ จขกท.)
สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ :
วันที่ 1 การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์ และ สตรีทฟู้ดที่ Jalan Alor
https://ppantip.com/topic/36694114
วันที่ 2 ใครว่ามาเที่ยว คือ การพักผ่อน...เปล่าเลย นี่ไปทรมานสังขารตัวเองชัดๆ!!! "การเดินขาลากที่ ปุตราจายา"
https://ppantip.com/topic/36705101
วันที่ 3 เดินเล่นร้านขายของฝาก ออกเดินทางสู่ปีนังด้วย ETS Train
https://ppantip.com/topic/36710132
สามารถอ่านตอนต่อไปได้ที่ :
วันที่ 5 ว่าด้วยเรื่องกินๆๆๆ
https://ppantip.com/topic/36724752
วันที่ 6 วันสุดท้าย ปีนัง-หาดใหญ่
https://ppantip.com/topic/36731467
วันที่ 4 เที่ยวแลนด์มาร์กสำคัญของปีนัง (บ้านเปอนารากัน กงสีตระกูลกู่ วัด Kek Lok Si ปีนังฮิลล์)
08.30: โรตีคาไนอีกซักมื้อกับพวกลุงๆ มาเลเซีย
จริงๆ ร้านอาหารตอนเช้าที่นี่ก็มีพวกร้านอาหารกึ่งร้านกาแฟเปิดอยู่ทั่ว บวกกับปกติโฮสเทลที่นี่ก็มักจะมีอาหารเช้าให้ (เป็นปังปิ้ง แยม กาแฟซอง) แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่กินในไทยก็ได้เพราะฉะนั้น....เราข้าม
แล้วมื้อเช้าวันนี้ก็กลับมาตายรังกับโรตีคาไน คือเอาเป็นว่าแค่เดินเล่นๆ ก็จะเจออย่างน้อยสองร้านแล้ว (เดินในปีนังมีที่ตั้งอยู่ในจุดที่ใกล้ๆกันสองร้าน ระดับความหาง่ายเทียบเท่าร้านขายข้าวเหนียวหมูบ้านเรา)
(ที่แรกที่เราจอด คือ ตรงนี้)
แล้ว จขกท. ก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในร้านโรตีอีกครั้ง การเดินเข้าร้านแบบนี้ต้องอาศัยสกิลในการสั่งเองนิดหน่อย ครั้งแรกที่ จขกท. เดินเข้าไปในร้านที่กัวลาลัมเปอร์ ก็ไปยืนงงอยู่หน้าร้านเหมือนกัน เพราะร้านพวกนี้มักไม่มีป้ายเมนู จนกระทั่งเพื่อนของจขกท. ชี้ไปที่โรตี จากนั้นก็ชี้ไปที่แกง แค่นี้เขาก็เข้าใจละ...จบ
จากนั้นก็ไปนั่งรออาหารของเราที่โต๊ะ เนื่องจากในร้านแบบนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหรอกครัช ดังนั้นการมาของนักท่องเที่ยวหนึ่งคนจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมา ยกตัวอย่างเช่น ลุงยามหน้าตาจีนๆ อย่างที่นั่งตรงข้ามนี่เป็นต้น
ข้อดีของคนมาเลเซียคือ คนส่วนใหญ่ที่นี่ตั้งแต่เด็กเล็กยันอากงอาม่าพูดภาษาอังกฤษได้ อย่างคนจีนก็พูดอังกฤษแบบจีน คนแขกก็พูดแบบแขก แล้วถ้าเราทำตัวเฟรนด์ลี่ใส่พวกนาง พวกนางก็จะเฟรนด์ลี่กลับ
(รูปของพวกคุณลุง)
จะว่าไปแล้วมารู้ว่าอาหารจานนี้เรียกว่าอะไรก็ที่นี่ละ ลุงแกบอกว่า ชอบกิน เพราะมันถูกมาก (ใช่!) พอเราถามว่ามันมีความต่างอะไรระหว่างไอ้แบบที่มีแกงหลายแบบ กับแกงแบบเดัยว นางก็บอกว่า มันก็แพงกว่า มีหลายอย่างกว่า สรุปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
นั่งคุยกับลุงแกไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีคุณลุงแขกอีกสองคนมานั่งข้างๆ ลุงยามแกก็ชวนลุงอีกสองคนคุยบอกว่า นังหนูนี่มากจากไทยแลนด์นะ... แล้วในตอนนั้นเองลุงคนหนึ่ง ก็เอื้อมมือไปหยิบห่อปริศนาที่กองไว้บนโต๊ะมาแกะ (จำห่อที่บอกในตอนแรกๆ ได้มั้ย จขกท. ไม่ได้ลองในตอนนี้ แต่จะมารีวิวให้ฟังทีหลัง) มันเป็นห่อที่เขาวางสุมๆ ไว้ทุกโต๊ะใครพอใจจะกินก็แกะ แกบอกว่า เจ้านี่เรียก “Nasi Kandar” ข้างในเป็นข้าว ร้านนี้มีสองแบบเนื้อกับไก่ (แขกที่นี่ เป็นประเภทไม่กินหมู) ราดแกงกะหรี่หย่อมเล็กๆ ดูน่ารัก พอให้มีรสชาติ ลุงเค้าแกะมันออกมาแล้วก็คลุกๆ ด้วยช้อนพลาสติก.....อ๋อ…มันกินอย่างนี้เองน่ะรึ
คุณลุงแกไม่หยุดคุยซักที แต่ จขกท. รู้สึกว่าต้องไปแล้ว เลยขอตัว แต่ก่อนไป ตัดสินใจถามทางไปบ้านเปอนารากันก่อน เพื่อยืนยันว่า ทางที่เราจะไป มันถูกมั้ย เลยส่งมือถือให้เขาดูพร้อมรูป แล้วหลังจากนั้นมือถือของเราโดนส่งไปทั่วทุกคนในวง ซึ่งได้ข้อสรุปว่า........
---ไม่มีใครรู้จัก---- (อ่าว!!! บ้านนี้มันดังมากเลยนะเฟร้ย!!!)
แต่หนึ่งในนั้นบอกว่าให้เดินลงไปทางที่มีร้านอาหาร Kapitan (ร้านอาหารอินเดียซิกเนเจอร์ชื่อดัง) แถวนั้นมีอะไรให้ดูเยอะแยะ (ซึ่งถ้าไปทางนั้นเราก็จะไม่เจอบ้านเปอนารากัน ผิดทางแล้ว!!!)
"How can I say thank you in Malaysia?" จขกท.จะไปแล้วแต่อยากขอบคุณเขาซะหน่อย
"Terih Magasih" ลุงแขกตอบ
เนื่องจากจขกท.ตั้งใจจะพรีเซนต์ความเป็นไทยด้วยเลยยกมือไหว้พวกนางทั้งหมดรอบวง "Terrih Magasih"
จากนั้นลุงยามแกก็ให้เบอร์มาด้วย บอกว่ามีปัญหาอะไรโทรหาเลยนะ บ้านเขาอยู่แถวนี้
ลุงแกชื่อ Khoon... คนมาเลย์นี่ใจดีเว่อร์
[CR] ตะลุยเที่ยวมาเลเซีย กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง หาดใหญ่ 6 วัน 5 คืน (วันที่ 4 แลนด์มาร์กสำคัญของปีนัง ) by PS. Momery
บางคนบอกว่ามาปีนังควรใช้วิธีการขี่จักรยานหรือนั่งรถเมล์จะสะดวกกว่า แต่จขกท.เป็นคนชอบเดินเพราะเราจะได้มีเวลาช้าๆ สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบ ปีนังไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องขี่จักรยานขนาดนั้น แต่วางแผนดีๆ หน่อยว่าเราจะเดินจากไหนไปไหนจะได้เดินดูหลายๆ ที่ไม่เหนื่อย เพราะฉะนั้นตอนนี้อาจจะยาวซักหน่อย เพราะแต่ละจุดที่ไปจะแนบแผนที่ให้ด้วย ของ จขกท. อาจจะไปไม่ครบทุกที่ในปีนัง แต่อย่างน้อยก็ได้ไปที่ที่น่าสนใจหลักๆ ของปีนังนะจ๊ะ
วันนี้แพลนคร่าวๆ คือ เราเดินขึ้นทางเหนือของเมืองไปบ้านเปอนารากันก่อน แล้วเดินไล่ลงมาที่ Lebuh Armenian (เป็นถนนเส้นที่มีแต่สตรีทอาร์ทกับพิพิธภัณฑ์กงสีตระกูลกู่) จากนั้นจะเดินเลาะลงไปที่ Komtar เพื่อขึ้นรถเมล์ไปปีนังฮิลล์ กับวัด Kek Lok Si
อ้อ! ลืมบอกไปว่าก่อนออกเดินทางอย่าลืมลองขอแผนที่ฟรีจากที่พักด้วยนะ ส่วนตัวแล้วไม่รู้ว่าเขามีกันทุกที่มั้ย แต่ของ จขกท. มี
(บ้านเปอนารากันสถานที่ที่ปลื้มปริ่มที่สุดของ จขกท.)
สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ :
วันที่ 1 การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์ และ สตรีทฟู้ดที่ Jalan Alor
https://ppantip.com/topic/36694114
วันที่ 2 ใครว่ามาเที่ยว คือ การพักผ่อน...เปล่าเลย นี่ไปทรมานสังขารตัวเองชัดๆ!!! "การเดินขาลากที่ ปุตราจายา"
https://ppantip.com/topic/36705101
วันที่ 3 เดินเล่นร้านขายของฝาก ออกเดินทางสู่ปีนังด้วย ETS Train
https://ppantip.com/topic/36710132
สามารถอ่านตอนต่อไปได้ที่ :
วันที่ 5 ว่าด้วยเรื่องกินๆๆๆ
https://ppantip.com/topic/36724752
วันที่ 6 วันสุดท้าย ปีนัง-หาดใหญ่
https://ppantip.com/topic/36731467
08.30: โรตีคาไนอีกซักมื้อกับพวกลุงๆ มาเลเซีย
จริงๆ ร้านอาหารตอนเช้าที่นี่ก็มีพวกร้านอาหารกึ่งร้านกาแฟเปิดอยู่ทั่ว บวกกับปกติโฮสเทลที่นี่ก็มักจะมีอาหารเช้าให้ (เป็นปังปิ้ง แยม กาแฟซอง) แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่กินในไทยก็ได้เพราะฉะนั้น....เราข้าม
แล้วมื้อเช้าวันนี้ก็กลับมาตายรังกับโรตีคาไน คือเอาเป็นว่าแค่เดินเล่นๆ ก็จะเจออย่างน้อยสองร้านแล้ว (เดินในปีนังมีที่ตั้งอยู่ในจุดที่ใกล้ๆกันสองร้าน ระดับความหาง่ายเทียบเท่าร้านขายข้าวเหนียวหมูบ้านเรา)
(ที่แรกที่เราจอด คือ ตรงนี้)
แล้ว จขกท. ก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในร้านโรตีอีกครั้ง การเดินเข้าร้านแบบนี้ต้องอาศัยสกิลในการสั่งเองนิดหน่อย ครั้งแรกที่ จขกท. เดินเข้าไปในร้านที่กัวลาลัมเปอร์ ก็ไปยืนงงอยู่หน้าร้านเหมือนกัน เพราะร้านพวกนี้มักไม่มีป้ายเมนู จนกระทั่งเพื่อนของจขกท. ชี้ไปที่โรตี จากนั้นก็ชี้ไปที่แกง แค่นี้เขาก็เข้าใจละ...จบ
จากนั้นก็ไปนั่งรออาหารของเราที่โต๊ะ เนื่องจากในร้านแบบนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหรอกครัช ดังนั้นการมาของนักท่องเที่ยวหนึ่งคนจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมา ยกตัวอย่างเช่น ลุงยามหน้าตาจีนๆ อย่างที่นั่งตรงข้ามนี่เป็นต้น
ข้อดีของคนมาเลเซียคือ คนส่วนใหญ่ที่นี่ตั้งแต่เด็กเล็กยันอากงอาม่าพูดภาษาอังกฤษได้ อย่างคนจีนก็พูดอังกฤษแบบจีน คนแขกก็พูดแบบแขก แล้วถ้าเราทำตัวเฟรนด์ลี่ใส่พวกนาง พวกนางก็จะเฟรนด์ลี่กลับ
(รูปของพวกคุณลุง)
จะว่าไปแล้วมารู้ว่าอาหารจานนี้เรียกว่าอะไรก็ที่นี่ละ ลุงแกบอกว่า ชอบกิน เพราะมันถูกมาก (ใช่!) พอเราถามว่ามันมีความต่างอะไรระหว่างไอ้แบบที่มีแกงหลายแบบ กับแกงแบบเดัยว นางก็บอกว่า มันก็แพงกว่า มีหลายอย่างกว่า สรุปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
นั่งคุยกับลุงแกไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีคุณลุงแขกอีกสองคนมานั่งข้างๆ ลุงยามแกก็ชวนลุงอีกสองคนคุยบอกว่า นังหนูนี่มากจากไทยแลนด์นะ... แล้วในตอนนั้นเองลุงคนหนึ่ง ก็เอื้อมมือไปหยิบห่อปริศนาที่กองไว้บนโต๊ะมาแกะ (จำห่อที่บอกในตอนแรกๆ ได้มั้ย จขกท. ไม่ได้ลองในตอนนี้ แต่จะมารีวิวให้ฟังทีหลัง) มันเป็นห่อที่เขาวางสุมๆ ไว้ทุกโต๊ะใครพอใจจะกินก็แกะ แกบอกว่า เจ้านี่เรียก “Nasi Kandar” ข้างในเป็นข้าว ร้านนี้มีสองแบบเนื้อกับไก่ (แขกที่นี่ เป็นประเภทไม่กินหมู) ราดแกงกะหรี่หย่อมเล็กๆ ดูน่ารัก พอให้มีรสชาติ ลุงเค้าแกะมันออกมาแล้วก็คลุกๆ ด้วยช้อนพลาสติก.....อ๋อ…มันกินอย่างนี้เองน่ะรึ
คุณลุงแกไม่หยุดคุยซักที แต่ จขกท. รู้สึกว่าต้องไปแล้ว เลยขอตัว แต่ก่อนไป ตัดสินใจถามทางไปบ้านเปอนารากันก่อน เพื่อยืนยันว่า ทางที่เราจะไป มันถูกมั้ย เลยส่งมือถือให้เขาดูพร้อมรูป แล้วหลังจากนั้นมือถือของเราโดนส่งไปทั่วทุกคนในวง ซึ่งได้ข้อสรุปว่า........
แต่หนึ่งในนั้นบอกว่าให้เดินลงไปทางที่มีร้านอาหาร Kapitan (ร้านอาหารอินเดียซิกเนเจอร์ชื่อดัง) แถวนั้นมีอะไรให้ดูเยอะแยะ (ซึ่งถ้าไปทางนั้นเราก็จะไม่เจอบ้านเปอนารากัน ผิดทางแล้ว!!!)
"How can I say thank you in Malaysia?" จขกท.จะไปแล้วแต่อยากขอบคุณเขาซะหน่อย
"Terih Magasih" ลุงแขกตอบ
เนื่องจากจขกท.ตั้งใจจะพรีเซนต์ความเป็นไทยด้วยเลยยกมือไหว้พวกนางทั้งหมดรอบวง "Terrih Magasih"
จากนั้นลุงยามแกก็ให้เบอร์มาด้วย บอกว่ามีปัญหาอะไรโทรหาเลยนะ บ้านเขาอยู่แถวนี้
ลุงแกชื่อ Khoon... คนมาเลย์นี่ใจดีเว่อร์