จั่วหัวมาแบบขำๆ ตามหน้าที่การงานค่ะ 555++
เรา (จขกท) มีประสบการณ์ทำ Event อยู่พอสมควรค่ะ เพราะจบมาทางนิเทศศาสตร์ แล้วก็ทำงานสายการตลาดมาหลายปี ทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด งานเปิดตัวสินค้า งาน Grand opening เปิดตัวบริษัทต่างๆ ส่วนแฟนเราเป็นผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทน้ำมันอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง
เรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่ม.2
หลังคบหากันมาได้ 16 ปี เรากับแฟนคุยกันว่า น่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับสร้างครอบครัวของเราสักที จึงตกลงคุยเรื่องแต่งงานกันแบบง่ายๆ ในรถยนต์ขณะที่กำลังเดินทางกลับจากงานเลี้ยงฉลองรับปริญญาของแฟนน้องสาว ไม่ได้มีโมเมนต์แบบคุกเข่าขอแต่งงานอะไรอย่างในทีวี และเลือกเอาฤกษ์สะดวกเป็นต้นปี 2560
แฟนพาพ่อกับแม่มาคุยกับพ่อแม่เราและคุยรายละเอียดสำคัญกันตามธรรมเนียม โดยไม่ต้องมีเถ้าแก่อะไรให้ยุ่งยาก เพราะก็เห็นเราสองคนเหมือนลูกหลานไปมาหาสู่กันอย่างคนในครอบครัวมาหลายปี ทั้งยังให้เราตัดสินใจจัดงานกันเองตามสบาย
เข้าทางสิทีนี้ 555++
และถึงแม้ว่าเราจะเคยจัดอีเว้นท์มาเยอะมาก ทั้งงานเล็กหลักหมื่น ไปจนถึงงานใหญ่หลักล้านก็ผ่านมาแล้วแต่เราเลือกที่จะจัดงานเล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นมากกว่า
สิ่งที่หลอนในหัวมาตลอดคือ ไม่อยากได้งานเลี้ยงแบบต้องมี สส. มีนายก อบต.ขึ้นมาพูดบนเวที หรืองานเลี้ยงในโรงแรมหรู แขกใส่ชุดสวยกรุยกราย แต่กินอะไรไม่อิ่มสักอย่าง เลยตกลงกับแฟนว่า โจทย์ของเราคือไม่จัดในโรงแรมนะ แล้วก็ไม่เอาสส. หรือนักการเมืองมาอวยพรนะ ให้พ่อกับแม่เราอวยพรก็พอแล้ว เนื่องจากเราอยากให้งานของเราเป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นเป็นกันเอง ใครอยากขึ้นเวทีร้องเพลงก็ขึ้นได้ ใครอยากแซวใครก็แซว ให้แขกของเราเป็นคนที่เราสองคนรู้จัก ก็ตกลงกันตามนี้ แต่สุดท้ายพอผู้ใหญ่ในที่ทำงานของแฟนทราบว่าจะแต่งงาน ก็น่ารักมากเสนอจะมาเป็นเถ้าแก่สู่ขอในวันงานให้อย่างเป็นกันเอง ทีนี้ทางฝ่ายบ้านเราก็มีผู้ใหญ่ที่นับถือน่ารักมากอีกท่านมาเป็นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าสาว ทำให้บรรยากาศงานของเราเป็นอะไรที่อบอุ่นแล้วก็สนุกสนานมากค่ะ
ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ เผื่อเป็นไอเดียให้เจ้าสาวรุ่นน้อง ที่กำลังหาข้อมูลแต่งงานนะคะ เพราะเราเข้าใจว่าข้อมูลของเจ้าสาวที่ผ่านการจัดงานแต่งงานมาแล้วนั้นมีประโยชน์มาก ทั้งสิ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ และสิ่งที่พึงระวังที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้งานออกมาสวยงาม และสมบูรณ์แบบที่สุด เพราะการแต่งงานคืองานสำคัญที่สุดเพียงครั้งเดียวในชีวิตของคุณ ถ้าออกมาดี คุณก็มีความสุขทุกครั้งที่คิดถึง แต่ถ้าเกิดความผิดพลาด แล้วงานออกมาไม่เป็นอย่างที่หวัง ย่อมเป็นแผลเล็กๆ ที่ฝังใจไปตลอดกาลแน่นอนค่ะ
ความชอบส่วนตัวที่ชอบทำอะไรกระจุกกระจิก มีความสุขกับการเห็นความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง ประกอบกับพอมี Connection อยู่บ้าง เลยจัดงานออกมาได้ในรูปแบบนี้ ส่วน Tip ต่างๆ ที่อยากแนะนำจะสอดแทรกไปให้เรื่อยๆ และสรุปให้ตอนท้ายอีกทีค่ะ^__^
*** ปล.ตอนนี้มีเพจให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว และการเตรียมงานแต่งงานแล้วนะคะ ถ้าสนใจลองเข้ามาอ่านกันเพลินๆได้ที่
Wedding Terminal เล่าสู่กันฟัง ตามประสาเจ้าสาวมือใหม่ค่ะ
https://www.facebook.com/weddingterminalthailand/?ref=bookmarks
เริ่มจาก คุยสโคปงานคร่าวๆ ค่ะ หลักๆ จะมีเรา แฟน และผู้ที่ขาดไม่ได้ ‘คุณพ่อสุดหล่อ’ ของเราเองค๊า ^^
[CR] เมื่อเจ้าแม่อีเว้นท์จะแต่งงาน!!
เรา (จขกท) มีประสบการณ์ทำ Event อยู่พอสมควรค่ะ เพราะจบมาทางนิเทศศาสตร์ แล้วก็ทำงานสายการตลาดมาหลายปี ทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด งานเปิดตัวสินค้า งาน Grand opening เปิดตัวบริษัทต่างๆ ส่วนแฟนเราเป็นผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทน้ำมันอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง
เรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่ม.2
หลังคบหากันมาได้ 16 ปี เรากับแฟนคุยกันว่า น่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับสร้างครอบครัวของเราสักที จึงตกลงคุยเรื่องแต่งงานกันแบบง่ายๆ ในรถยนต์ขณะที่กำลังเดินทางกลับจากงานเลี้ยงฉลองรับปริญญาของแฟนน้องสาว ไม่ได้มีโมเมนต์แบบคุกเข่าขอแต่งงานอะไรอย่างในทีวี และเลือกเอาฤกษ์สะดวกเป็นต้นปี 2560
แฟนพาพ่อกับแม่มาคุยกับพ่อแม่เราและคุยรายละเอียดสำคัญกันตามธรรมเนียม โดยไม่ต้องมีเถ้าแก่อะไรให้ยุ่งยาก เพราะก็เห็นเราสองคนเหมือนลูกหลานไปมาหาสู่กันอย่างคนในครอบครัวมาหลายปี ทั้งยังให้เราตัดสินใจจัดงานกันเองตามสบาย
เข้าทางสิทีนี้ 555++
และถึงแม้ว่าเราจะเคยจัดอีเว้นท์มาเยอะมาก ทั้งงานเล็กหลักหมื่น ไปจนถึงงานใหญ่หลักล้านก็ผ่านมาแล้วแต่เราเลือกที่จะจัดงานเล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นมากกว่า
สิ่งที่หลอนในหัวมาตลอดคือ ไม่อยากได้งานเลี้ยงแบบต้องมี สส. มีนายก อบต.ขึ้นมาพูดบนเวที หรืองานเลี้ยงในโรงแรมหรู แขกใส่ชุดสวยกรุยกราย แต่กินอะไรไม่อิ่มสักอย่าง เลยตกลงกับแฟนว่า โจทย์ของเราคือไม่จัดในโรงแรมนะ แล้วก็ไม่เอาสส. หรือนักการเมืองมาอวยพรนะ ให้พ่อกับแม่เราอวยพรก็พอแล้ว เนื่องจากเราอยากให้งานของเราเป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นเป็นกันเอง ใครอยากขึ้นเวทีร้องเพลงก็ขึ้นได้ ใครอยากแซวใครก็แซว ให้แขกของเราเป็นคนที่เราสองคนรู้จัก ก็ตกลงกันตามนี้ แต่สุดท้ายพอผู้ใหญ่ในที่ทำงานของแฟนทราบว่าจะแต่งงาน ก็น่ารักมากเสนอจะมาเป็นเถ้าแก่สู่ขอในวันงานให้อย่างเป็นกันเอง ทีนี้ทางฝ่ายบ้านเราก็มีผู้ใหญ่ที่นับถือน่ารักมากอีกท่านมาเป็นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าสาว ทำให้บรรยากาศงานของเราเป็นอะไรที่อบอุ่นแล้วก็สนุกสนานมากค่ะ
ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ เผื่อเป็นไอเดียให้เจ้าสาวรุ่นน้อง ที่กำลังหาข้อมูลแต่งงานนะคะ เพราะเราเข้าใจว่าข้อมูลของเจ้าสาวที่ผ่านการจัดงานแต่งงานมาแล้วนั้นมีประโยชน์มาก ทั้งสิ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ และสิ่งที่พึงระวังที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้งานออกมาสวยงาม และสมบูรณ์แบบที่สุด เพราะการแต่งงานคืองานสำคัญที่สุดเพียงครั้งเดียวในชีวิตของคุณ ถ้าออกมาดี คุณก็มีความสุขทุกครั้งที่คิดถึง แต่ถ้าเกิดความผิดพลาด แล้วงานออกมาไม่เป็นอย่างที่หวัง ย่อมเป็นแผลเล็กๆ ที่ฝังใจไปตลอดกาลแน่นอนค่ะ
ความชอบส่วนตัวที่ชอบทำอะไรกระจุกกระจิก มีความสุขกับการเห็นความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง ประกอบกับพอมี Connection อยู่บ้าง เลยจัดงานออกมาได้ในรูปแบบนี้ ส่วน Tip ต่างๆ ที่อยากแนะนำจะสอดแทรกไปให้เรื่อยๆ และสรุปให้ตอนท้ายอีกทีค่ะ^__^
*** ปล.ตอนนี้มีเพจให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว และการเตรียมงานแต่งงานแล้วนะคะ ถ้าสนใจลองเข้ามาอ่านกันเพลินๆได้ที่
Wedding Terminal เล่าสู่กันฟัง ตามประสาเจ้าสาวมือใหม่ค่ะ https://www.facebook.com/weddingterminalthailand/?ref=bookmarks
เริ่มจาก คุยสโคปงานคร่าวๆ ค่ะ หลักๆ จะมีเรา แฟน และผู้ที่ขาดไม่ได้ ‘คุณพ่อสุดหล่อ’ ของเราเองค๊า ^^