Song to Song (2017) - Terrence Malick
Cast : Ryan Gosling, Rooney Mara, Michael Fassbender, Natalie Portman, Cate Blanchett
เราจะก้าวข้ามอิสระได้อย่างไร หากใจยังคงไม่ปล่อยวาง
"Song to Song" ผลงานกำกับล่าสุดของ Terrence Malick ที่ยังคงความอาร์ตเสมอต้นเสมอปลาย แม้จะใช้วิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก กับการที่ปล่อยให้ตัวเรื่องดำเนินไปราวกับบทกวี ไม่มีถ้อยคำมากมายที่ถูกเปล่งออกมา แต่ทุกๆบนสนทนาและเสียงในห้วงแห่งความคิด กลับทิ้งความหมายมากมายไว้ให้ขบคิด
อาจดูไม่คุ้นชินเท่าไหร่เมื่อ Terrence Malick หยิบเอาเรื่องราวความรักสามเศร้าแบบหนุ่มสาวมานำเสนอ ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้บอกเล่าชีวิตรักของตัวละครในหลายรูปแบบ อย่าง Cook (Michael Fassbender) นักธุรกิจหนุ่มในวงการเพลงที่ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ Faye (Rooney Mara) สาวที่เคยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับให้กับเขา แต่เรื่องกับซับซ้อนเข้าไปอีก เมื่อ BV (Ryan Gosling) นักแต่งเพลงหนุ่มที่ก้าวเข้ามามีบทบาทในวงการเพลงจากการแนะนำของ Cook ทั้ง BV และ Faye เองต่างก็ตัดสินใจที่จะคบหากัน โดยที่ตัว BV นั้นไม่รู้เลยว่าเพื่อนที่ใกล้ชิดและคนรักของตน มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
"I forget what I am. Whose I am."
สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกชอบจากหนังเรื่องนี้คือ ผู้กำกับไม่ได้เลือกที่จะนำเสนอประเด็นใหม่ที่ต่างไปจากผลงานเรื่องก่อนๆมากเท่าไหร่นัก แต่กลับเลือกที่จะนำเอาประเด็นเดิมๆที่มีอยู่นั่นแหละ มาต่อยอดและตีความใหม่ อย่าง The Tree of Life และ Knight of Cups ที่เล่าเรื่องราวของคนที่หลงเดินไปในทางที่ผิด เฝ้าหาหนทางกลับคืนสู่แสงสว่างในชีวิต (หนทางของพระเจ้า) แต่สำหรับ Song to Song นั้น แม้จะเล่นประเด็นในแง่ของการพลัดหลงจากเส้นทางก็จริง แต่กลับเป็นการพลัดหลงจากตัวตนของตัวเอง และพยายามที่จะตามหามัน ซึ่งเรามองว่าตรงจุดนี้ Terrence Malick ถ่ายทอดออกมาได้ใกล้ตัวเราทุกคนมากกว่าเรื่องก่อนๆ และยังทำให้เราเข้าถึงความเป็นมนุษย์กับมนุษย์ได้ง่ายกว่าเรื่องราวระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
"Everything I could do to get free.. goes through my mind."
เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครในเรื่องอยู่ตลอด อย่าง Cook ชายที่หลงใหลอยู่กับชื่อเสียงและสังคม เลือกจะหันหลังให้กับ Faye และ BV เพราะความหยิ่งยโสโอหังของตัวเอง และเขาก็ได้พบกับ Rhonda (Natalie Portman) สาวเสิร์ฟในร้านอาหาร ที่กลายมาเป็นเจ้าสาวของเขาในเวลาต่อมา แต่ดูเหมือนชีวิตคู่ของคนทั้งสองไม่ได้สวยหรูเท่าไหร่นัก เมื่อ Cook ยังคงรักสนุกกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา และคาดหวังให้ Rhonda เป็นคนในแบบที่เขาต้องการ ซึ่งแน่นอนว่า.. เมื่อความสัมพันธ์เป็นดั่งเงื่อนที่ผูกมัดตัวมากขึ้นเท่าไหร่ "อิสระ" จึงกลายเป็นสิ่งที่เธอโหยหามากขึ้นเท่านั้น เธอจึงเลือกที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เข้าใกล้กับคำว่า "อิสระ" ในอุดมคติของเธอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ด้วยการปลิดชีพตัวเองเพื่อให้หลุดพ้น แต่เส้นทางที่เธอเลือกเดินนั้น กลับไม่ใช่หนทางสู่อิสระอย่างแท้จริงในแบบที่หนังต้องการจะสื่อกับเรา
แม้ตัวหนังจะพาเราไปสำรวจเรื่องราวความรักที่วนเวียน ไร้ทิศทางของหนุ่มสาว แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่ตัวผู้กำกับต้องการจะสื่อออกมาเหมือนหนังรักทั่วไป ทว่าการเฝ้าหาตัวตนของตัวเองผ่านคนอื่นต่างหากที่เป็นจุดสำคัญ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราก้าวเข้าไปมีบทบาทในชีวิตของใครก็ตาม เราต่างก็เสแสร้งและพยายามเป็นคนในแบบเขาเหล่านั้นต้องการ ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางข้อแม้ที่ถูกพันธนาการไปด้วยชื่อเสียงและสังคม จนสูญเสียตัวตนที่แท้จริงของเราไป และนั่นเอง.. จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เราทุกคนล้วนโหยหาตัวตนของเราที่หล่นหายไป
ซึ่งจากที่ Faye ได้หยิบยกบทกวี "The Divine Image" ของ William Blake ขึ้นมากล่าวอ้างในภาพยนตร์
"For Mercy has a human heart
Pity, a human face,
And Love, the human form divine,
And Peace, the human dress. "
ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า จากเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวละคร Faye และ BV ฝ่าฟันกันมา ทั้งการทรยศหักหลัง โกหกไร้ซึ่งความจริงใจ ล้วนผ่านมาได้ด้วย "Love, Mercy, Pity, และ Peace" ตามแบบของ "The Divine Image" ที่เธอได้อ้างถึง เพราะตัวละครทั้ง 2 ตัว เรียนรู้ที่จะให้อภัย เมตตา เห็นอกเห็นใจ และมอบความรักบริสุทธิ์ให้กันอย่างจริงแท้ เพื่อแลกมาด้วยความสงบสุขในชีวิต พบเจอกับตัวตนที่หล่นหาย และเมื่อไหร่ที่เรารู้ได้อย่างถ่องแท้ว่า "ตัวตน" ของตัวเองนั้นเป็นใคร ก็ไม่มีประโยชน์ใดที่จะต้องแสร้งเป็นคนอื่น และเมื่อถึงเวลานั้นเราจะได้สัมผัสกับ "อิสระ" อย่างแท้จริง
ปล. หากใครสนใจและถูกจริตกับแนวทางของลุงมาลิคก็ลองไปหาดูกันได้นะคะ
ขอฝากเพจไว้ด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/iLostinfilms
[CR] [Review] รีวิว Song to Song (2017) - Terrence Malick เราจะก้าวข้ามอิสระได้อย่างไร หากใจยังคงไม่ปล่อยวาง
Song to Song (2017) - Terrence Malick
Cast : Ryan Gosling, Rooney Mara, Michael Fassbender, Natalie Portman, Cate Blanchett
เราจะก้าวข้ามอิสระได้อย่างไร หากใจยังคงไม่ปล่อยวาง
"Song to Song" ผลงานกำกับล่าสุดของ Terrence Malick ที่ยังคงความอาร์ตเสมอต้นเสมอปลาย แม้จะใช้วิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก กับการที่ปล่อยให้ตัวเรื่องดำเนินไปราวกับบทกวี ไม่มีถ้อยคำมากมายที่ถูกเปล่งออกมา แต่ทุกๆบนสนทนาและเสียงในห้วงแห่งความคิด กลับทิ้งความหมายมากมายไว้ให้ขบคิด
อาจดูไม่คุ้นชินเท่าไหร่เมื่อ Terrence Malick หยิบเอาเรื่องราวความรักสามเศร้าแบบหนุ่มสาวมานำเสนอ ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้บอกเล่าชีวิตรักของตัวละครในหลายรูปแบบ อย่าง Cook (Michael Fassbender) นักธุรกิจหนุ่มในวงการเพลงที่ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ Faye (Rooney Mara) สาวที่เคยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับให้กับเขา แต่เรื่องกับซับซ้อนเข้าไปอีก เมื่อ BV (Ryan Gosling) นักแต่งเพลงหนุ่มที่ก้าวเข้ามามีบทบาทในวงการเพลงจากการแนะนำของ Cook ทั้ง BV และ Faye เองต่างก็ตัดสินใจที่จะคบหากัน โดยที่ตัว BV นั้นไม่รู้เลยว่าเพื่อนที่ใกล้ชิดและคนรักของตน มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
"I forget what I am. Whose I am."
สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกชอบจากหนังเรื่องนี้คือ ผู้กำกับไม่ได้เลือกที่จะนำเสนอประเด็นใหม่ที่ต่างไปจากผลงานเรื่องก่อนๆมากเท่าไหร่นัก แต่กลับเลือกที่จะนำเอาประเด็นเดิมๆที่มีอยู่นั่นแหละ มาต่อยอดและตีความใหม่ อย่าง The Tree of Life และ Knight of Cups ที่เล่าเรื่องราวของคนที่หลงเดินไปในทางที่ผิด เฝ้าหาหนทางกลับคืนสู่แสงสว่างในชีวิต (หนทางของพระเจ้า) แต่สำหรับ Song to Song นั้น แม้จะเล่นประเด็นในแง่ของการพลัดหลงจากเส้นทางก็จริง แต่กลับเป็นการพลัดหลงจากตัวตนของตัวเอง และพยายามที่จะตามหามัน ซึ่งเรามองว่าตรงจุดนี้ Terrence Malick ถ่ายทอดออกมาได้ใกล้ตัวเราทุกคนมากกว่าเรื่องก่อนๆ และยังทำให้เราเข้าถึงความเป็นมนุษย์กับมนุษย์ได้ง่ายกว่าเรื่องราวระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
"Everything I could do to get free.. goes through my mind."
เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครในเรื่องอยู่ตลอด อย่าง Cook ชายที่หลงใหลอยู่กับชื่อเสียงและสังคม เลือกจะหันหลังให้กับ Faye และ BV เพราะความหยิ่งยโสโอหังของตัวเอง และเขาก็ได้พบกับ Rhonda (Natalie Portman) สาวเสิร์ฟในร้านอาหาร ที่กลายมาเป็นเจ้าสาวของเขาในเวลาต่อมา แต่ดูเหมือนชีวิตคู่ของคนทั้งสองไม่ได้สวยหรูเท่าไหร่นัก เมื่อ Cook ยังคงรักสนุกกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา และคาดหวังให้ Rhonda เป็นคนในแบบที่เขาต้องการ ซึ่งแน่นอนว่า.. เมื่อความสัมพันธ์เป็นดั่งเงื่อนที่ผูกมัดตัวมากขึ้นเท่าไหร่ "อิสระ" จึงกลายเป็นสิ่งที่เธอโหยหามากขึ้นเท่านั้น เธอจึงเลือกที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เข้าใกล้กับคำว่า "อิสระ" ในอุดมคติของเธอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่เส้นทางที่เธอเลือกเดินนั้น กลับไม่ใช่หนทางสู่อิสระอย่างแท้จริงในแบบที่หนังต้องการจะสื่อกับเรา
แม้ตัวหนังจะพาเราไปสำรวจเรื่องราวความรักที่วนเวียน ไร้ทิศทางของหนุ่มสาว แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่ตัวผู้กำกับต้องการจะสื่อออกมาเหมือนหนังรักทั่วไป ทว่าการเฝ้าหาตัวตนของตัวเองผ่านคนอื่นต่างหากที่เป็นจุดสำคัญ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราก้าวเข้าไปมีบทบาทในชีวิตของใครก็ตาม เราต่างก็เสแสร้งและพยายามเป็นคนในแบบเขาเหล่านั้นต้องการ ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางข้อแม้ที่ถูกพันธนาการไปด้วยชื่อเสียงและสังคม จนสูญเสียตัวตนที่แท้จริงของเราไป และนั่นเอง.. จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เราทุกคนล้วนโหยหาตัวตนของเราที่หล่นหายไป
ซึ่งจากที่ Faye ได้หยิบยกบทกวี "The Divine Image" ของ William Blake ขึ้นมากล่าวอ้างในภาพยนตร์
"For Mercy has a human heart
Pity, a human face,
And Love, the human form divine,
And Peace, the human dress. "
ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า จากเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวละคร Faye และ BV ฝ่าฟันกันมา ทั้งการทรยศหักหลัง โกหกไร้ซึ่งความจริงใจ ล้วนผ่านมาได้ด้วย "Love, Mercy, Pity, และ Peace" ตามแบบของ "The Divine Image" ที่เธอได้อ้างถึง เพราะตัวละครทั้ง 2 ตัว เรียนรู้ที่จะให้อภัย เมตตา เห็นอกเห็นใจ และมอบความรักบริสุทธิ์ให้กันอย่างจริงแท้ เพื่อแลกมาด้วยความสงบสุขในชีวิต พบเจอกับตัวตนที่หล่นหาย และเมื่อไหร่ที่เรารู้ได้อย่างถ่องแท้ว่า "ตัวตน" ของตัวเองนั้นเป็นใคร ก็ไม่มีประโยชน์ใดที่จะต้องแสร้งเป็นคนอื่น และเมื่อถึงเวลานั้นเราจะได้สัมผัสกับ "อิสระ" อย่างแท้จริง
ปล. หากใครสนใจและถูกจริตกับแนวทางของลุงมาลิคก็ลองไปหาดูกันได้นะคะ
ขอฝากเพจไว้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/iLostinfilms