ขอเกริ่นก่อนว่าเราย้ายมาทำงานที่นี่มาได้ 6 เดือนแล้วค่ะ และเตรียมใจพร้อมรับเรื่องแบบนี้มาแล้ว เพราะยังไงก็หนีไม่พ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนอื่น แต่ ณ จุดนี้เริ่มไม่ไหวแล้วค่ะ โดนถามจุกจิกแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน ( ซึ่งที่เก่าที่เคยทำงานก็มียุ่งเรื่องส่วนตัวบ้าง แต่ไม่น่าเกียจถึงขนาดนี้ )
เรื่องมีอยู่ว่ามีมนุษย์ไดโนเสาร์คนนึงชอบเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง พูดถึงบรรดาสังคมของเขา ซึ่งคนเหล่านั้นเราไม่รู้จัก ไม่เคยเจอมาก่อน แต่แกก็เล่ามาประหนึ่งว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขา ซึ่งเราก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะไม่รุ้จัก และประติดประต่อเรื่องไม่ได้ แกจะเล่ามาเป็นช็อตๆ ว่าเนี่ย เมื่อวันเสาร์ไปกับคนนี้มา คนนี้นะตาโล้กกกกกก ตาหลก บลาๆๆๆๆ หรือกำลังอ่านไลน์อยู่แล้วก็ขำออกมาซะดัง แล้วเล่าให้ฟังว่า พี่คนนี้ไลน์มาบอกว่าไปเดินชนป้ายบอกทางข้างถนนมา บลาๆๆ เล่าด้วยท่าทางกลั้นอกกลั้นใจไม่ให้หลุดขำออกมา ( ไปขำให้เสร็จก่อนไหมอ่า )
ปัญหาจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่แกชอบเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง แต่แกชอบถามเรื่องส่วนตัวแบบเจาะลึก จะยกขึ้นมา 2 เหตุการณ์ที่รู้สึกไม่โอเคจริงๆ
เหตุการณ์แรก วันนั้นเราไปงานศพพ่อของเพื่อนค่ะ แกก็ถามมา
"คนที่ตายอะ เขาอายุเท่าไหร่เหรอ พี่จะเอามาซื้อหวย" เราก็แบบมองบนแพรบ ตอบปัดๆ ไป "50 กว่าๆ ค่ะ ไม่รู้เท่าไหร่" แกก็บอกอีกนะว่า
"ไปถามกลับมาให้พี่ด้วยนะ พี่อยากรู้" พี่อยากรู้ พี่อยากรู้วววววววว #แบบนี้ก็ได้เหรอ
เหตุการณ์ที่สอง ตอนนั้นคุยกันเรื่องรับจ็อบเสริมค่ะ เพราะรายได้หลักไม่พอค่าใช้จ่ายภายในบ้าน เลยเผลอหลุดปากเรื่องช่วงวัยเด็กค่ะ ว่าลำบากมากเพราะครอบครัวเราล้มละลาย เป็นหนี้มหาศาล เลยต้องใช้เงินอย่างประหยัด ได้กินข้าววันละมื้อ หางานทำเพิ่มหลังเลิกเรียน มนุษย์ไดโนเสาร์คนเดิมก็ถามว่า
"ตอนนี้ใช้หนี้หมดรึยัง" "เห็นเคยบอกพ่ออยู่ใต้ แม่อยู่เหนือ นี่เขาเลิกกันเหรอ" "ทำไมพ่อแม่ถึงเลิกกันอะ" "แล้วเขาเลิกกันก่อนหรือล้มละลาย" "แล้วพ่อช่วยใช้หนี้ไหม" เราบอกแกไปว่า
"มันพูดยากค่ะ มันก็เรื่องส่วนตัวเนอะ"
แต่แกก็ตรองมากค่ะ ยังคงตั้งคำถามต่ออีก
"แล้วงี้ได้เจอพ่อบ้างไหม" "พ่อมาหาบ้างรึเปล่า" นี่ก็อยากจะตอบแกว่า "ไม่เจือกค่ะ" แต่เกรงใจผู้สูงวัย
ไม่จบแค่นั้นค่ะ อาชีพเสริมของแกคือเป็นแม่ครัวที่ใช้โทรโข่งในการตีไข่ ไข่สีเหลืองอยู่ดีๆ ไปทำให้เป็นสีแดงซะงั้น
เรามองว่าเรื่องส่วนตัว ถ้าสนิทกันมากขึ้นมันก็จะรู้กันไปเอง หรือบางคนที่ว่าสนิทยังไม่รู้ทุกเรื่องเลย เรื่องไหนเรื่องที่เราไม่อยากตอบแต่เลี่ยงตอบไม่ได้ เราก็จะตอบไปกลางๆ ไม่ก็หัวเราะแห้งๆ ไปแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ อยากถามเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิปว่า มีวิธีการพูด หรือการแสดงออกยังไงไม่ให้เสียมารยาทคะ เพราะยังคงต้องอยู่ทำงานที่นี่อีกนาน ยังอยากจะเสแสร้งแกล้งยิ้มให้กับคนอื่นๆ อยู่อะค่ะ
****อธิบายเพิ่มเติมค่ะ****
เราเป็นคนที่เซนต์ซิทีฟ เรื่องครอบครัวมากค่ะ เพราะเราเป็นคนมีปมเรื่องครอบครัว เวลาใครถามถึงเรื่องครอบครัวเรา เราจะระวังคำตอบเป็นพิเศษ เลี่ยงตอบได้ก็เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็ตอบกลางๆ เหมือนที่บอกไปข้างต้น เรามีเส้นแบ่งเรื่องทั่วไปกับเรื่องส่วนตัวค่อนข้างเยอะ ซึ่งมันอาจไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
เช่น ถามว่า "พ่อแม่เลิกกันเหรอ" เราแบ่งเป็นเรื่องทั่วไปค่ะ
แต่ถ้าถามว่า "ทำไมถึงเลิกกัน" ตรงนี้เราจะแบ่งเป็นเรื่องส่วนตัว
ส่วนประเด็นถามอายุคนตาย ปกติแล้วมันก็ดูจะเป็นคำถามทั่วไป ที่ใครไปงานศพก็ต้องถามว่าคนตายอายุเท่าไหร่
แต่ที่เราไม่พอใจคือตรงที่
ให้เราไปถามกลับมาแล้วมาบอกแก เรามองว่านี่มันเกินไปหน่อยค่ะ อีกอย่าง พ่อเพื่อน ก็เหมือนพ่อเรา เหมือนเป็นครอบครัวเราอีกคนนึง
เราพอเข้าใจนะว่าแกอาจจะเหงา หาเพื่อนคุยด้วย เราก็ฟังแกนะคะเวลาแกพูด แต่บางคำถามมันเจาะลึกไปหน่อย และพอบอกเป็นเรื่องส่วนตัว ก็ก็เปลี่ยนวิธีการถามใหม่ แต่ก็จะเป็นแนวๆ เดิม
ต้องขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากเลยนะคะ ที่แนะนำวิธีการรับมือกับแก และความเห็นส่วนใหญ่คือให้เราเงียบๆ ไป
ตรงนี้ต้องบอกเลยว่า วิธีนี้ใช้กับแกไม่ได้ค่ะ เพราะแกจะเรียกชื่อซ้ำๆ จนกว่าเราจะหันไปคุยกับแก หรือบางทีเปลี่ยนเรื่องคุยก็แล้ว ใส่หูฟังหนีก็แล้ว หรือบอกแกว่างานเยอะมาก ขอทำงานก่อน แกก็จะเก็บคำถามไว้แล้วเอามาถามตอนเลิกงาน เวลานี้ยิ่งหลบเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ
มีวิธีบอกหรือแสดงออกให้ มนุษย์ไดโนเสาร์/เพื่อนร่วมงาน เลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวไหมคะ
เรื่องมีอยู่ว่ามีมนุษย์ไดโนเสาร์คนนึงชอบเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง พูดถึงบรรดาสังคมของเขา ซึ่งคนเหล่านั้นเราไม่รู้จัก ไม่เคยเจอมาก่อน แต่แกก็เล่ามาประหนึ่งว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขา ซึ่งเราก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะไม่รุ้จัก และประติดประต่อเรื่องไม่ได้ แกจะเล่ามาเป็นช็อตๆ ว่าเนี่ย เมื่อวันเสาร์ไปกับคนนี้มา คนนี้นะตาโล้กกกกกก ตาหลก บลาๆๆๆๆ หรือกำลังอ่านไลน์อยู่แล้วก็ขำออกมาซะดัง แล้วเล่าให้ฟังว่า พี่คนนี้ไลน์มาบอกว่าไปเดินชนป้ายบอกทางข้างถนนมา บลาๆๆ เล่าด้วยท่าทางกลั้นอกกลั้นใจไม่ให้หลุดขำออกมา ( ไปขำให้เสร็จก่อนไหมอ่า )
ปัญหาจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่แกชอบเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง แต่แกชอบถามเรื่องส่วนตัวแบบเจาะลึก จะยกขึ้นมา 2 เหตุการณ์ที่รู้สึกไม่โอเคจริงๆ
เหตุการณ์แรก วันนั้นเราไปงานศพพ่อของเพื่อนค่ะ แกก็ถามมา "คนที่ตายอะ เขาอายุเท่าไหร่เหรอ พี่จะเอามาซื้อหวย" เราก็แบบมองบนแพรบ ตอบปัดๆ ไป "50 กว่าๆ ค่ะ ไม่รู้เท่าไหร่" แกก็บอกอีกนะว่า "ไปถามกลับมาให้พี่ด้วยนะ พี่อยากรู้" พี่อยากรู้ พี่อยากรู้วววววววว #แบบนี้ก็ได้เหรอ
เหตุการณ์ที่สอง ตอนนั้นคุยกันเรื่องรับจ็อบเสริมค่ะ เพราะรายได้หลักไม่พอค่าใช้จ่ายภายในบ้าน เลยเผลอหลุดปากเรื่องช่วงวัยเด็กค่ะ ว่าลำบากมากเพราะครอบครัวเราล้มละลาย เป็นหนี้มหาศาล เลยต้องใช้เงินอย่างประหยัด ได้กินข้าววันละมื้อ หางานทำเพิ่มหลังเลิกเรียน มนุษย์ไดโนเสาร์คนเดิมก็ถามว่า "ตอนนี้ใช้หนี้หมดรึยัง" "เห็นเคยบอกพ่ออยู่ใต้ แม่อยู่เหนือ นี่เขาเลิกกันเหรอ" "ทำไมพ่อแม่ถึงเลิกกันอะ" "แล้วเขาเลิกกันก่อนหรือล้มละลาย" "แล้วพ่อช่วยใช้หนี้ไหม" เราบอกแกไปว่า "มันพูดยากค่ะ มันก็เรื่องส่วนตัวเนอะ"
แต่แกก็ตรองมากค่ะ ยังคงตั้งคำถามต่ออีก "แล้วงี้ได้เจอพ่อบ้างไหม" "พ่อมาหาบ้างรึเปล่า" นี่ก็อยากจะตอบแกว่า "ไม่เจือกค่ะ" แต่เกรงใจผู้สูงวัย ไม่จบแค่นั้นค่ะ อาชีพเสริมของแกคือเป็นแม่ครัวที่ใช้โทรโข่งในการตีไข่ ไข่สีเหลืองอยู่ดีๆ ไปทำให้เป็นสีแดงซะงั้น
เรามองว่าเรื่องส่วนตัว ถ้าสนิทกันมากขึ้นมันก็จะรู้กันไปเอง หรือบางคนที่ว่าสนิทยังไม่รู้ทุกเรื่องเลย เรื่องไหนเรื่องที่เราไม่อยากตอบแต่เลี่ยงตอบไม่ได้ เราก็จะตอบไปกลางๆ ไม่ก็หัวเราะแห้งๆ ไปแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ อยากถามเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิปว่า มีวิธีการพูด หรือการแสดงออกยังไงไม่ให้เสียมารยาทคะ เพราะยังคงต้องอยู่ทำงานที่นี่อีกนาน ยังอยากจะเสแสร้งแกล้งยิ้มให้กับคนอื่นๆ อยู่อะค่ะ
****อธิบายเพิ่มเติมค่ะ****
เราเป็นคนที่เซนต์ซิทีฟ เรื่องครอบครัวมากค่ะ เพราะเราเป็นคนมีปมเรื่องครอบครัว เวลาใครถามถึงเรื่องครอบครัวเรา เราจะระวังคำตอบเป็นพิเศษ เลี่ยงตอบได้ก็เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็ตอบกลางๆ เหมือนที่บอกไปข้างต้น เรามีเส้นแบ่งเรื่องทั่วไปกับเรื่องส่วนตัวค่อนข้างเยอะ ซึ่งมันอาจไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
เช่น ถามว่า "พ่อแม่เลิกกันเหรอ" เราแบ่งเป็นเรื่องทั่วไปค่ะ
แต่ถ้าถามว่า "ทำไมถึงเลิกกัน" ตรงนี้เราจะแบ่งเป็นเรื่องส่วนตัว
ส่วนประเด็นถามอายุคนตาย ปกติแล้วมันก็ดูจะเป็นคำถามทั่วไป ที่ใครไปงานศพก็ต้องถามว่าคนตายอายุเท่าไหร่
แต่ที่เราไม่พอใจคือตรงที่ ให้เราไปถามกลับมาแล้วมาบอกแก เรามองว่านี่มันเกินไปหน่อยค่ะ อีกอย่าง พ่อเพื่อน ก็เหมือนพ่อเรา เหมือนเป็นครอบครัวเราอีกคนนึง
เราพอเข้าใจนะว่าแกอาจจะเหงา หาเพื่อนคุยด้วย เราก็ฟังแกนะคะเวลาแกพูด แต่บางคำถามมันเจาะลึกไปหน่อย และพอบอกเป็นเรื่องส่วนตัว ก็ก็เปลี่ยนวิธีการถามใหม่ แต่ก็จะเป็นแนวๆ เดิม
ต้องขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากเลยนะคะ ที่แนะนำวิธีการรับมือกับแก และความเห็นส่วนใหญ่คือให้เราเงียบๆ ไป
ตรงนี้ต้องบอกเลยว่า วิธีนี้ใช้กับแกไม่ได้ค่ะ เพราะแกจะเรียกชื่อซ้ำๆ จนกว่าเราจะหันไปคุยกับแก หรือบางทีเปลี่ยนเรื่องคุยก็แล้ว ใส่หูฟังหนีก็แล้ว หรือบอกแกว่างานเยอะมาก ขอทำงานก่อน แกก็จะเก็บคำถามไว้แล้วเอามาถามตอนเลิกงาน เวลานี้ยิ่งหลบเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ