คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ในอดีต ที่ดินแดนแถบนี้ ยังไม่มีคำว่าประเทศแบ่งเขตแบบหลักสากล ผืนแผ่นดิน มันก็แทบจะเป็นเชื้อชาติ วัฒนธรรมคล้ายๆกันทั้งนั้นล่ะครับ
อาจจะแตกต่างไปบ้าง ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น คนไทยปักษ์ใต้ ก็จะสำเนียง และคำพูดแตกต่างจากไทยอีสาน แบบนี้เป็นต้น
แต่ก็ยังจะพอพูดจาสื่อสารกันรู้เรื่อง หลักฐานที่เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดๆอีกอย่างนึงคือ คนประเทศลาว กับคนไทยอีสาน มีวัฒนธรรมและภาษาที่ใกล้เคียงกันมากๆ หน้าตาก็คล้ายๆกัน หรืออย่างคนไทยปักษ์ใต้ตอนล่าง หน้าตาก็จะกระเดียดไปคล้ายๆชาวมาเลเซียแบบนี้เป็นต้น
ส่วนเรื่องไทยใหญ่ ในอดีต เขาก็มีอาณาจักรเป็นของตัวเอง จากการศึกษาประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า ดินแดนของชาวไทใหญ่ตกอยู่ท่ามกลางอำนาจรัฐขนาดใหญ่ คือ จีน พม่าและไทย ซึ่งผลัดเปลี่ยนกันเข้ามามีอิทธิพลเหนือเจ้าไทใหญ่ แต่กระนั้นรัฐไทใหญ่ทั้งหลายก็สามารถอยู่อย่างมีอิสระได้บ้างเป็นบางคราว เมื่ออำนาจรัฐขนาดใหญ่อ่อนแอลง ในสภาพดังกล่าวทำให้ที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไทใหญ่มีลักษณะเหมือนกัน เมืองชายแดนหรือรัฐชายขอบดินแดนเช่นนี้มักจะมีความหลากหลาย ของชาติพันธุ์ต่างๆมากมาย
ราวปี พ.ศ. 395 ขณะที่จีนอ่อนกำลังลง เมืองไต 6 เมืองใหญ่ๆ คือเมืองเอ้เส้ เมืองล้านกุง เมืองสุย เมืองทุ่งช้าง เมืองเขียวล้าน เมืองแส (หนองแส) จึงพากันรวมตัวก่อตั้งสหรัฐหนองแสขึ้น มีเมืองหนองแสเป็นนครรัฐหรือเมืองหลวง มีกำลังกล้าแข็ง มีความเจริญรุ่งเรืองไปจนถึงศตวรรษที่ 7 โดยพ.ศ. 649 – 674 พระเจ้าสีนุโล ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ของสหรัฐหนองแส พงศาวดารจีนเขียน สี้หนูหล่อ ต่อมาขุนบรมราชาธิราช (ปีล่อโกะ) ได้สถาปนาอาณาจักรหนองแส (น่านเจ้า)ขึ้น พระองค์ได้รวบรวมหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้ง 12 เมือง เข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน ต่อมาอีก 8 ปี ได้ยกกองทัพไปตีเอาดินแดนที่ถูกจีนยึดครองไปกลับคืนมา ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ถังของจีน ครั้นต่อมาในสมัยพระเจ้าโกะล่อฝง (ขุนลอ) ราชโอรสของพระเจ้าปีล่อโกะ ก็ได้ยึดดินแดนไตเพิ่มมาอีก 32 เมือง และทำลายกองทัพถังจนพินาศพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในปี พ.ศ. 1294 จนกษัตริย์ธิเบตถึงกับถวายพระนามแด่โกะล่อฝงเป็น จักรพรรด์ตะวันออก หรือ ตุงตี้
มีนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ ทั้งไทยและต่างประเทศหลายคณะได้ศึกษาเรื่องของอาณาจักรหนองแส (น่านเจ้า)ใหม่ มีความเห็นว่าอาณาจักรน่านเจ้านั้น ประกอบด้วยชนชาติไต หล่อหลอ (Lo Lo) และนาคาปะปนกันอยู่ ชนชั้นปกครองเหล่านี้อาจผลัดเปลี่ยนกันปกครองหลายครั้ง หนองแสไม่ใช่อาณาจักรของไตเพียงกลุ่มเดียว เพียงแต่มีคนไตเป็นพลเมืองสำคัญอยู่เท่านั้น
ในปี พ.ศ. 1285 อาณาจักรน่านเจ้าเปลี่ยนชื่อเป็น ไต้เหมิง หรือ ต้าเหมิง พวกเจ้าในอาณาจักรนี้เป็นชนชาติตระกูลเหมิง และเป็นชนชาติในตระกูลไตอ้ายหลาว หรือที่เรียกกันว่า อ้ายลาว นั่นเอง ส่วนรัฐประธานที่ชื่อเหมิงเส้อ หรือ เหมิงเส้อโหลง นั้นตรงกับชื่อที่ปรากฏในพงศาวดารของชาวไตในรัฐฉาน และชาวไตลื้อว่า เมิงแส และเมิงแสโหลง
การที่จีนเรียกอาณาจักรน่านเจ้า หรือหนานเจ้า เป็นไต้เหมิง หรือต้าเหมิงนั้น เดิมจีนเรียกอาณาจักรไตแห่งนี้ว่า หนานเจ้า ตามความรู้สึกของจีน คือนำเอาคำว่า เจ้า ของภาษาพื้นเมืองเจ้าถิ่น แล้วเติมคำว่า หนาน ซึ่งแปลว่า ใต้ ลงไป เพราะรัฐนี้อยู่ทางตอนใต้ของแผ่นดินจีน
ในขณะเดียวกัน มีชนชาติอีกพวกหนึ่ง ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ยิ่งใหญ่มาก จนต่อมาภายหลังได้มีกษัตริย์ที่มีอำนวจที่สุดในโลกองค์หนึ่ง พวกนี้เป็นชาวมองโกลเลีย อำนาจของกษัตริย์มองโกเลียพระองค์นี้ กระทบกระเทือนมาถึงพวกไต รวมทั้งมาถึงชาวไทยของเราด้วย จนเป็นเหตุให้ชาติไทยต้องถอยร่นมาตั้งอยู่ในแหลมทองจนถึงทุกวันนี้ กษัตริย์ชาวมองโกเลียพระองค์นี้ คือ กุบไลข่าน ชาวมองโกเลียที่เริ่มก่อตัวกล้าแข็งขึ้นมานี้ เดิมทีตั้งถิ่นฐานอยู่ทางลุ่มน้ำโอนอน ใกล้กับทิวเขาการากุรุม มีหัวหน้าปกครองหมู่คณะเรียกว่า ข่าน กษัตริย์องค์แรกที่สร้างกองทัพให้แก่มองโกเลียในเวลาอันรวดเร็วคือ เจงกีส ข่าน
ในสมัยกุบไลข่าน ได้พยายามรุกรานดินแดนของราชวงศ์สูงของจีน กล่าวกันว่า มาโคโปโล มีส่วนช่วยเหลือในการแผ่อำนาจของกุบไลข่านนี้ด้วย จนถึงปี พ.ศ. 1819 ประเทศจีนทั้งประเทศจึงตกอยู่ใต้อำนาจของกุบไลข่าน เวลานั้น กุบไลข่าน เป็นมหาจักรพรรด์ที่มีดินแดนมากที่สุดที่กษัตริย์ในโลกเคยมีมา ดินแดนตั้งแต่พรมแดนเวียตนามปัจจุบัน ทะเลจีน มองโกเลียตอนเหนือ รัฐเซียไปจนถึงฝั่งทะเลดำในยุโรปตะวันตก ได้ตกอยู่ใต้อำนาจของกุบไลข่าน ทั้งสิ้น กองทัพมองโกเลียของกุบไลข่าน บุกเข้ารุกรานทำลายสหรัฐหนองแส หรือน่านเจ้าอย่างหมดสิ้น พร้อมๆกับอาณาจักรจีนก็ถูกมองโกเลียยึดครอง ชนชาติไตจึงต้องอพยพหนีต่อไป บางกลุ่มที่ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ก็ต้องเป็นทาสตกค้างอยู่ในถิ่นเดิม พวกที่หนีการรุกรานของมองโกลในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 พวก คือพวกไตหลวงได้ไปรวมกันสร้างอาณาจักรสหรัฐไตโหลงขึ้นที่เมืองมาว อีกพวกหนึ่งคือไตอ่อน พวกนี้ลงมาอยู่ในดินแดนแหลมทอง เช่น ลาว สุโขทัย อโยธยา โยนก เวียตนาม และกัมพูชา
อีกด้านหนึ่ง ราวปี พ.ศ. 523 พวกไตกลุ่มที่ถอยร่นลงไปบริเวณต้นน้ำสาละวิน ก็ได้ก่อตั้งอาณาจักรไตมาวขึ้น มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองมาว พม่าเรียกส่วยลี่ ปัจจุบันเมืองนี้อยู่ในเขตประเทศจีนภายหลังได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง แจ้ล้าน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับเมืองมาว ปัจจุบันอยู่ในเขตแสนหวีเหนือของรัฐฉาน มีปฐมกษัตริย์ที่เป็นที่รู้จักของชาวไตทั่วทุกทิศคือ ขุนลาย เป็นบุคคลที่ชาวไตยกย่อง เทิดทูลศักการะ เนื่องจากเป็นผู้รวบรวมไต ให้เป็นไต อย่างแท้จริง ต่อมาในปี พ.ศ. 832 ชนชาติไตยึดครองเมืองปิ่วได้ ต่อมายึดเมืองต่งขิงซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฮานอย และในปี พ.ศ. 956 ได้สร้างอาณาจักรทั้ง 13 เมืองจนเป็นปึกแผ่นแน่นหนา จัดรวมเป็นสหรัฐไตมาวขึ้น โดยมีเมืองมาวเป็นเมืองหลวง อาณาจักรไตมาวนี้เอง มีเมืองซึ่งเรารู้จักกันดีคือ เมืองแสนหวี ซึ่งตั้งภายหลังอาณาจักรมาวหลายร้อยปี อาณาจักรแสนหวีต่อมาหดแคบลง ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 รัฐใหญ่ คือ รัฐเมิงไย๋ (แสนหวีใต้) และรัฐแสนหวีเหนือ เมืองแสนหวีมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โกสัมพี พม่าเรียก โกชานปยี่ แปลว่า เมืองไตทั้งเก้า
ผู้นำชนชาติไตคนหนึ่ง มีเชื้อสายมาจากไตมาว ได้ขยายอาณาจักรแห่งใหม่นี้ขึ้น คือ เจ้าเสือข่านฟ้า ได้พยายามรวมเอาเมืองที่เจ้าฟ้าต่างๆปกครองอยู่ และที่เคยอยู่ใต้อำนาจการปกครองของพวกมองโกล กลับคืนมารวมกับเมืองมาวอีก เมืองใหญ่ๆเหล่านี้มีเมืองก๋อง พร้อมเมืองบริวารอีก 99 หัวเมือง เมืองอัสสัม เมืองคำตี่หลวง เมืองเวสาลี หรือเมืองอารกันยะไข่ เมืองเสือโป่ หรือส่วยโป่ เมืองกู่นุง เมืองกู่มุนและเมืองก๋างเจ้ 14 เมือง เมืองแสนหวี 49 เมือง เมืองนายพร้อมเมืองบริวาร เมืองปูก่ำ (พุกาม) เมืองกึ่งม้า เมืองเชียงแสน เมืองล้านช้าง เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงรุ้ง เมืองจิงโน (เมืองทง) เมืองวันซาน เมืองอโยธยา เมืองละแวก (เขมร) ให้เป็นสหรัฐไตหลวงขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่
ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรไตมาว จึงเป็นสิ่งบันดาลใจให้ชนชาติไตถือว่า เชื้อชาติของพวกเขา เริ่มต้น ณ ที่ แห่งนี้ ในสมัยที่ชนชาติไตเจริญรุ่งเรืองเต็มที่ในอาณาจักรไตมาวนั้น ได้ก่อตั้งรัฐใหญ่ๆตามที่ต่างๆหลายแห่งด้วยกัน เรียกว่า เมิงไตเก้าฮายหอ ประกอบด้วย
1. นครรัฐเมืองก๋อง มีเมืองขึ้นในปกครอง 99 เมือง
2. นครรัฐเมืองยาง มีเมืองขึ้น 37 เมือง
3. นครรัฐเมืองสองสบ มีเมืองขึ้น 27 เมือง
4. นครรัฐเมืองมีด มีเมืองขึ้น 49 เมือง
5. นครรัฐเมืองนาย มีเมืองขึ้น 37 เมือง
6. นครรัฐแสนหวี มีเมืองขึ้น 49 เมือง
7. นครรัฐเมืองยองห่วย มีเมืองขึ้น 39 เมือง
8. นครรัฐะเมืองสีป้อ มีเมืองขึ้น 27 เมือง
9. นครรัฐเมืองมาว มีเจ้าฟ้าปกครองเมืองใหญ่ 8 เมือง รวมทั้งเมืองมาวด้วย ปัจจุบันเมืองมาวอยู่ในเขตประเทศจีน
ต่อมา การล่มสลายของสหรัฐหนองแส หรือน่านเจ้านั้น ทำให้ชนชาติไตต้องถอยร่นลงไปทางใต้และทิศตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง ประกอบด้วย
กลุ่มที่หนึ่ง
กลุ่มไตหลวง ได้อพยพลงมาทางทิศตะวันตกของสหรัฐหนองแส หรือน่านเจ้า ไปสมทบกับกลุ่มที่ไปตั้งรกรากอยู่ก่อนแล้วที่เมืองมาวคราวการล่มสลายของอาณาจักรปา รวมตัวกันสร้างอาณาจักรไตมาวที่ยิ่งใหญ่ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น กาลเวลาต่อมาอาณาจักรไตมาว ก็ค่อยๆเสื่อมสลายลงเนื่องจากถูกพม่ารุกราน ในที่สุดก็แตกกระเซ็นกระซ่านเป็นชนชาติไตที่ตกค้างอยู่ในประเทศจีนบ้าง ชนชาติไตที่อยู่ในรัฐฉานของสหภาพเมียนมาร์บ้าง ชนชาติไตที่อยู่ทางตอนเหนือของอินเดียบ้าง และเป็นชนชาติไตที่อพยพเข้าสู่ทางตอนเหนือของประเทศไทยด้วย
กลุ่มที่สอง
กลุ่มไตอ่อน กลุ่มนี้อพยพลงไปทางตอนใต้ ได้สร้างเมืองพะยาว (พูกามยาว)ขึ้นก่อน หลังจากนั้นก็ได้สร้างอาณาจักรเงินยางเชียงแสน บางกลุ่มกระจายไปสร้างอาณาจักรโคตรบูรณ์ มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนครพนม อีกพวกหนึ่งได้สร้างเมืองหลวงสึ่งเคอไต หรือกรุงสุโขทัยขึ้น ในช่วงที่ขุนรามคำแหงสร้างอาณาจักรสึ่งเคอไตนี่เอง ไตพวกที่สร้างเมืองเชียงรายคือพ่อขุนเมงราย กับพ่อขุนงำเมือง ได้เชิญพ่อขุนรามคำแหง มาร่วมหาทำเลสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นมา จนกลายมาเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาในเวลาต่อมา
ขุนเมืองหลวงพระบาง ทรงพระนามว่า “ฟ้าเงิน” ได้สถาปนาอาณาจักรล้านช้างขึ้น มีเมืองหลวงพระบางเป็นเมืองหลวง
ในยุคต่อมาจึงได้มีการสร้างอาณาจักรอโยธยาขึ้นในที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยาจนเจริญรุ่งเรือง มีอำนาจแผ่คลุมไปถึงเมืองมาลายู เมืองตะนาวศรี และได้รวบรวมอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรล้านนาไทยมาเข้ากับ อโยธยาด้วย พอถึงศตวรรษที่ 18 อาณาจักรอโยธยาก็เสื่อมอำนาจลง พร้อมกับการเรืองอำนาจของพม่า
กลุ่มที่สาม
หลังจากสหรัฐไตหนองแส หรืออณาจักรน่านเจ้าถูกทำลายลงแล้ว ชนชาติไตกลุ่มอ้ายหลาว หรืออ้ายลาว ซึ่งอพยพลงมาตามลุ่มน้ำโขง ได้สร้างเมืองเชียงขวางขึ้น บางพวกก็อพยพไปยังอาณาจักรทวารวดีและอาณาจักรมอญ
ยุคนี้ จึงเป็นยุคของความพยายามการก่อร่างตั้งเมืองให้เป็นปึกแผ่น อย่างเป็นกลุ่มเป็นพวกอีกครั้งหนึ่ง เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนกันบ้าง กลุ่มที่เข้มแข็งกว่าก็จะสามารถขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างไกล
ยุคปลาย
กลุ่มไตหลวง เมื่ออพยพเข้ามาตั้งมั่นอยู่ทางที่ราบภาคกลางของลุ่มแม่น้ำสาละวินเป็นหลักแหล่ง ก็ได้ถูกพวกธิเบตเชื้อสายพราหมณ์เผ่า มิรันมา ซึ่งเป็นต้นตอของชนชาติพม่าที่อพยพมาทางแม่น้ำพรหมบุตรในอินเดีย เข้ามารุกรานแย่งชิงดินแดน โดยในขั้นแรกเผ่ามิรันมาได้รุกรานชนชาติผิ่ว อันเป็นเผ่าดั้งเดิมของดินแดนพม่า จากนั้นก็รุกรานพวกมอญ แต๊ด (สากย์) กานหย่าน (ขาง ยาง) ซึ่งอาศัยอยู่ตามเมืองอ๊อกแส่ มีนบู และเมืองฉ่วยโป ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในความปกครองของชนชาติไตไปจนหมดสิ้น
อาณาจักรของชนชาติไต ถูกรุกรานกว้างขวางออกไปตามลำดับ พุกาม อังวะ พะโค (เมืองหลวงของมอญโบราณ) ล้วนอยู่ในกำมือของเผ่ามิรันม่า หรือพม่าทั้งสิ้น จนถึงพ.ศ. 1843 – 1844 ไตเจ้าของถิ่นที่ถูกพม่ารุกรานมาโดยตลอด ไม่สามารถทนต่อสภาวะเช่นนั้นได้อีก จึงไปผูกสัมพันธ์ไมตรีกับเผ่ามองโกล ซึ่งเรืองอำนาจอยู่ในดินแดนจีนเวลานั้น กองทัพมองโกลได้เข้ามาช่วยเหลือตีชิงเอาเมืองคืนจากพม่าได้หลายเมือง รวมทั้งเมืองพุกามด้วย ยิ่งกว่านั้นได้ตีฝ่าลงใต้ปราบพม่าถึงเมืองอังวะได้สำเร็จ พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างเมืองหลวงของตนขึ้นที่เมืองศึกไก๋ (สะไก)เพื่อปกครองอาณาจักรพุกาม อังวะ เมืองยาง และเมืองมาวอีกด้วย
ต่อมาในปี พ.ศ. 1898 พม่าก็ฟื้นคืนกำลังขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่เฉพาะแต่ดินแดนของไตเท่านั้น แม้บางส่วนของล้านนา ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของพม่าโดยสิ้นเชิง
อาจจะแตกต่างไปบ้าง ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น คนไทยปักษ์ใต้ ก็จะสำเนียง และคำพูดแตกต่างจากไทยอีสาน แบบนี้เป็นต้น
แต่ก็ยังจะพอพูดจาสื่อสารกันรู้เรื่อง หลักฐานที่เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดๆอีกอย่างนึงคือ คนประเทศลาว กับคนไทยอีสาน มีวัฒนธรรมและภาษาที่ใกล้เคียงกันมากๆ หน้าตาก็คล้ายๆกัน หรืออย่างคนไทยปักษ์ใต้ตอนล่าง หน้าตาก็จะกระเดียดไปคล้ายๆชาวมาเลเซียแบบนี้เป็นต้น
ส่วนเรื่องไทยใหญ่ ในอดีต เขาก็มีอาณาจักรเป็นของตัวเอง จากการศึกษาประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า ดินแดนของชาวไทใหญ่ตกอยู่ท่ามกลางอำนาจรัฐขนาดใหญ่ คือ จีน พม่าและไทย ซึ่งผลัดเปลี่ยนกันเข้ามามีอิทธิพลเหนือเจ้าไทใหญ่ แต่กระนั้นรัฐไทใหญ่ทั้งหลายก็สามารถอยู่อย่างมีอิสระได้บ้างเป็นบางคราว เมื่ออำนาจรัฐขนาดใหญ่อ่อนแอลง ในสภาพดังกล่าวทำให้ที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไทใหญ่มีลักษณะเหมือนกัน เมืองชายแดนหรือรัฐชายขอบดินแดนเช่นนี้มักจะมีความหลากหลาย ของชาติพันธุ์ต่างๆมากมาย
ราวปี พ.ศ. 395 ขณะที่จีนอ่อนกำลังลง เมืองไต 6 เมืองใหญ่ๆ คือเมืองเอ้เส้ เมืองล้านกุง เมืองสุย เมืองทุ่งช้าง เมืองเขียวล้าน เมืองแส (หนองแส) จึงพากันรวมตัวก่อตั้งสหรัฐหนองแสขึ้น มีเมืองหนองแสเป็นนครรัฐหรือเมืองหลวง มีกำลังกล้าแข็ง มีความเจริญรุ่งเรืองไปจนถึงศตวรรษที่ 7 โดยพ.ศ. 649 – 674 พระเจ้าสีนุโล ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ของสหรัฐหนองแส พงศาวดารจีนเขียน สี้หนูหล่อ ต่อมาขุนบรมราชาธิราช (ปีล่อโกะ) ได้สถาปนาอาณาจักรหนองแส (น่านเจ้า)ขึ้น พระองค์ได้รวบรวมหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้ง 12 เมือง เข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน ต่อมาอีก 8 ปี ได้ยกกองทัพไปตีเอาดินแดนที่ถูกจีนยึดครองไปกลับคืนมา ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ถังของจีน ครั้นต่อมาในสมัยพระเจ้าโกะล่อฝง (ขุนลอ) ราชโอรสของพระเจ้าปีล่อโกะ ก็ได้ยึดดินแดนไตเพิ่มมาอีก 32 เมือง และทำลายกองทัพถังจนพินาศพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในปี พ.ศ. 1294 จนกษัตริย์ธิเบตถึงกับถวายพระนามแด่โกะล่อฝงเป็น จักรพรรด์ตะวันออก หรือ ตุงตี้
มีนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ ทั้งไทยและต่างประเทศหลายคณะได้ศึกษาเรื่องของอาณาจักรหนองแส (น่านเจ้า)ใหม่ มีความเห็นว่าอาณาจักรน่านเจ้านั้น ประกอบด้วยชนชาติไต หล่อหลอ (Lo Lo) และนาคาปะปนกันอยู่ ชนชั้นปกครองเหล่านี้อาจผลัดเปลี่ยนกันปกครองหลายครั้ง หนองแสไม่ใช่อาณาจักรของไตเพียงกลุ่มเดียว เพียงแต่มีคนไตเป็นพลเมืองสำคัญอยู่เท่านั้น
ในปี พ.ศ. 1285 อาณาจักรน่านเจ้าเปลี่ยนชื่อเป็น ไต้เหมิง หรือ ต้าเหมิง พวกเจ้าในอาณาจักรนี้เป็นชนชาติตระกูลเหมิง และเป็นชนชาติในตระกูลไตอ้ายหลาว หรือที่เรียกกันว่า อ้ายลาว นั่นเอง ส่วนรัฐประธานที่ชื่อเหมิงเส้อ หรือ เหมิงเส้อโหลง นั้นตรงกับชื่อที่ปรากฏในพงศาวดารของชาวไตในรัฐฉาน และชาวไตลื้อว่า เมิงแส และเมิงแสโหลง
การที่จีนเรียกอาณาจักรน่านเจ้า หรือหนานเจ้า เป็นไต้เหมิง หรือต้าเหมิงนั้น เดิมจีนเรียกอาณาจักรไตแห่งนี้ว่า หนานเจ้า ตามความรู้สึกของจีน คือนำเอาคำว่า เจ้า ของภาษาพื้นเมืองเจ้าถิ่น แล้วเติมคำว่า หนาน ซึ่งแปลว่า ใต้ ลงไป เพราะรัฐนี้อยู่ทางตอนใต้ของแผ่นดินจีน
ในขณะเดียวกัน มีชนชาติอีกพวกหนึ่ง ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ยิ่งใหญ่มาก จนต่อมาภายหลังได้มีกษัตริย์ที่มีอำนวจที่สุดในโลกองค์หนึ่ง พวกนี้เป็นชาวมองโกลเลีย อำนาจของกษัตริย์มองโกเลียพระองค์นี้ กระทบกระเทือนมาถึงพวกไต รวมทั้งมาถึงชาวไทยของเราด้วย จนเป็นเหตุให้ชาติไทยต้องถอยร่นมาตั้งอยู่ในแหลมทองจนถึงทุกวันนี้ กษัตริย์ชาวมองโกเลียพระองค์นี้ คือ กุบไลข่าน ชาวมองโกเลียที่เริ่มก่อตัวกล้าแข็งขึ้นมานี้ เดิมทีตั้งถิ่นฐานอยู่ทางลุ่มน้ำโอนอน ใกล้กับทิวเขาการากุรุม มีหัวหน้าปกครองหมู่คณะเรียกว่า ข่าน กษัตริย์องค์แรกที่สร้างกองทัพให้แก่มองโกเลียในเวลาอันรวดเร็วคือ เจงกีส ข่าน
ในสมัยกุบไลข่าน ได้พยายามรุกรานดินแดนของราชวงศ์สูงของจีน กล่าวกันว่า มาโคโปโล มีส่วนช่วยเหลือในการแผ่อำนาจของกุบไลข่านนี้ด้วย จนถึงปี พ.ศ. 1819 ประเทศจีนทั้งประเทศจึงตกอยู่ใต้อำนาจของกุบไลข่าน เวลานั้น กุบไลข่าน เป็นมหาจักรพรรด์ที่มีดินแดนมากที่สุดที่กษัตริย์ในโลกเคยมีมา ดินแดนตั้งแต่พรมแดนเวียตนามปัจจุบัน ทะเลจีน มองโกเลียตอนเหนือ รัฐเซียไปจนถึงฝั่งทะเลดำในยุโรปตะวันตก ได้ตกอยู่ใต้อำนาจของกุบไลข่าน ทั้งสิ้น กองทัพมองโกเลียของกุบไลข่าน บุกเข้ารุกรานทำลายสหรัฐหนองแส หรือน่านเจ้าอย่างหมดสิ้น พร้อมๆกับอาณาจักรจีนก็ถูกมองโกเลียยึดครอง ชนชาติไตจึงต้องอพยพหนีต่อไป บางกลุ่มที่ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ก็ต้องเป็นทาสตกค้างอยู่ในถิ่นเดิม พวกที่หนีการรุกรานของมองโกลในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 พวก คือพวกไตหลวงได้ไปรวมกันสร้างอาณาจักรสหรัฐไตโหลงขึ้นที่เมืองมาว อีกพวกหนึ่งคือไตอ่อน พวกนี้ลงมาอยู่ในดินแดนแหลมทอง เช่น ลาว สุโขทัย อโยธยา โยนก เวียตนาม และกัมพูชา
อีกด้านหนึ่ง ราวปี พ.ศ. 523 พวกไตกลุ่มที่ถอยร่นลงไปบริเวณต้นน้ำสาละวิน ก็ได้ก่อตั้งอาณาจักรไตมาวขึ้น มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองมาว พม่าเรียกส่วยลี่ ปัจจุบันเมืองนี้อยู่ในเขตประเทศจีนภายหลังได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง แจ้ล้าน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับเมืองมาว ปัจจุบันอยู่ในเขตแสนหวีเหนือของรัฐฉาน มีปฐมกษัตริย์ที่เป็นที่รู้จักของชาวไตทั่วทุกทิศคือ ขุนลาย เป็นบุคคลที่ชาวไตยกย่อง เทิดทูลศักการะ เนื่องจากเป็นผู้รวบรวมไต ให้เป็นไต อย่างแท้จริง ต่อมาในปี พ.ศ. 832 ชนชาติไตยึดครองเมืองปิ่วได้ ต่อมายึดเมืองต่งขิงซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฮานอย และในปี พ.ศ. 956 ได้สร้างอาณาจักรทั้ง 13 เมืองจนเป็นปึกแผ่นแน่นหนา จัดรวมเป็นสหรัฐไตมาวขึ้น โดยมีเมืองมาวเป็นเมืองหลวง อาณาจักรไตมาวนี้เอง มีเมืองซึ่งเรารู้จักกันดีคือ เมืองแสนหวี ซึ่งตั้งภายหลังอาณาจักรมาวหลายร้อยปี อาณาจักรแสนหวีต่อมาหดแคบลง ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 รัฐใหญ่ คือ รัฐเมิงไย๋ (แสนหวีใต้) และรัฐแสนหวีเหนือ เมืองแสนหวีมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โกสัมพี พม่าเรียก โกชานปยี่ แปลว่า เมืองไตทั้งเก้า
ผู้นำชนชาติไตคนหนึ่ง มีเชื้อสายมาจากไตมาว ได้ขยายอาณาจักรแห่งใหม่นี้ขึ้น คือ เจ้าเสือข่านฟ้า ได้พยายามรวมเอาเมืองที่เจ้าฟ้าต่างๆปกครองอยู่ และที่เคยอยู่ใต้อำนาจการปกครองของพวกมองโกล กลับคืนมารวมกับเมืองมาวอีก เมืองใหญ่ๆเหล่านี้มีเมืองก๋อง พร้อมเมืองบริวารอีก 99 หัวเมือง เมืองอัสสัม เมืองคำตี่หลวง เมืองเวสาลี หรือเมืองอารกันยะไข่ เมืองเสือโป่ หรือส่วยโป่ เมืองกู่นุง เมืองกู่มุนและเมืองก๋างเจ้ 14 เมือง เมืองแสนหวี 49 เมือง เมืองนายพร้อมเมืองบริวาร เมืองปูก่ำ (พุกาม) เมืองกึ่งม้า เมืองเชียงแสน เมืองล้านช้าง เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงรุ้ง เมืองจิงโน (เมืองทง) เมืองวันซาน เมืองอโยธยา เมืองละแวก (เขมร) ให้เป็นสหรัฐไตหลวงขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่
ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรไตมาว จึงเป็นสิ่งบันดาลใจให้ชนชาติไตถือว่า เชื้อชาติของพวกเขา เริ่มต้น ณ ที่ แห่งนี้ ในสมัยที่ชนชาติไตเจริญรุ่งเรืองเต็มที่ในอาณาจักรไตมาวนั้น ได้ก่อตั้งรัฐใหญ่ๆตามที่ต่างๆหลายแห่งด้วยกัน เรียกว่า เมิงไตเก้าฮายหอ ประกอบด้วย
1. นครรัฐเมืองก๋อง มีเมืองขึ้นในปกครอง 99 เมือง
2. นครรัฐเมืองยาง มีเมืองขึ้น 37 เมือง
3. นครรัฐเมืองสองสบ มีเมืองขึ้น 27 เมือง
4. นครรัฐเมืองมีด มีเมืองขึ้น 49 เมือง
5. นครรัฐเมืองนาย มีเมืองขึ้น 37 เมือง
6. นครรัฐแสนหวี มีเมืองขึ้น 49 เมือง
7. นครรัฐเมืองยองห่วย มีเมืองขึ้น 39 เมือง
8. นครรัฐะเมืองสีป้อ มีเมืองขึ้น 27 เมือง
9. นครรัฐเมืองมาว มีเจ้าฟ้าปกครองเมืองใหญ่ 8 เมือง รวมทั้งเมืองมาวด้วย ปัจจุบันเมืองมาวอยู่ในเขตประเทศจีน
ต่อมา การล่มสลายของสหรัฐหนองแส หรือน่านเจ้านั้น ทำให้ชนชาติไตต้องถอยร่นลงไปทางใต้และทิศตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง ประกอบด้วย
กลุ่มที่หนึ่ง
กลุ่มไตหลวง ได้อพยพลงมาทางทิศตะวันตกของสหรัฐหนองแส หรือน่านเจ้า ไปสมทบกับกลุ่มที่ไปตั้งรกรากอยู่ก่อนแล้วที่เมืองมาวคราวการล่มสลายของอาณาจักรปา รวมตัวกันสร้างอาณาจักรไตมาวที่ยิ่งใหญ่ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น กาลเวลาต่อมาอาณาจักรไตมาว ก็ค่อยๆเสื่อมสลายลงเนื่องจากถูกพม่ารุกราน ในที่สุดก็แตกกระเซ็นกระซ่านเป็นชนชาติไตที่ตกค้างอยู่ในประเทศจีนบ้าง ชนชาติไตที่อยู่ในรัฐฉานของสหภาพเมียนมาร์บ้าง ชนชาติไตที่อยู่ทางตอนเหนือของอินเดียบ้าง และเป็นชนชาติไตที่อพยพเข้าสู่ทางตอนเหนือของประเทศไทยด้วย
กลุ่มที่สอง
กลุ่มไตอ่อน กลุ่มนี้อพยพลงไปทางตอนใต้ ได้สร้างเมืองพะยาว (พูกามยาว)ขึ้นก่อน หลังจากนั้นก็ได้สร้างอาณาจักรเงินยางเชียงแสน บางกลุ่มกระจายไปสร้างอาณาจักรโคตรบูรณ์ มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนครพนม อีกพวกหนึ่งได้สร้างเมืองหลวงสึ่งเคอไต หรือกรุงสุโขทัยขึ้น ในช่วงที่ขุนรามคำแหงสร้างอาณาจักรสึ่งเคอไตนี่เอง ไตพวกที่สร้างเมืองเชียงรายคือพ่อขุนเมงราย กับพ่อขุนงำเมือง ได้เชิญพ่อขุนรามคำแหง มาร่วมหาทำเลสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นมา จนกลายมาเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาในเวลาต่อมา
ขุนเมืองหลวงพระบาง ทรงพระนามว่า “ฟ้าเงิน” ได้สถาปนาอาณาจักรล้านช้างขึ้น มีเมืองหลวงพระบางเป็นเมืองหลวง
ในยุคต่อมาจึงได้มีการสร้างอาณาจักรอโยธยาขึ้นในที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยาจนเจริญรุ่งเรือง มีอำนาจแผ่คลุมไปถึงเมืองมาลายู เมืองตะนาวศรี และได้รวบรวมอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรล้านนาไทยมาเข้ากับ อโยธยาด้วย พอถึงศตวรรษที่ 18 อาณาจักรอโยธยาก็เสื่อมอำนาจลง พร้อมกับการเรืองอำนาจของพม่า
กลุ่มที่สาม
หลังจากสหรัฐไตหนองแส หรืออณาจักรน่านเจ้าถูกทำลายลงแล้ว ชนชาติไตกลุ่มอ้ายหลาว หรืออ้ายลาว ซึ่งอพยพลงมาตามลุ่มน้ำโขง ได้สร้างเมืองเชียงขวางขึ้น บางพวกก็อพยพไปยังอาณาจักรทวารวดีและอาณาจักรมอญ
ยุคนี้ จึงเป็นยุคของความพยายามการก่อร่างตั้งเมืองให้เป็นปึกแผ่น อย่างเป็นกลุ่มเป็นพวกอีกครั้งหนึ่ง เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนกันบ้าง กลุ่มที่เข้มแข็งกว่าก็จะสามารถขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างไกล
ยุคปลาย
กลุ่มไตหลวง เมื่ออพยพเข้ามาตั้งมั่นอยู่ทางที่ราบภาคกลางของลุ่มแม่น้ำสาละวินเป็นหลักแหล่ง ก็ได้ถูกพวกธิเบตเชื้อสายพราหมณ์เผ่า มิรันมา ซึ่งเป็นต้นตอของชนชาติพม่าที่อพยพมาทางแม่น้ำพรหมบุตรในอินเดีย เข้ามารุกรานแย่งชิงดินแดน โดยในขั้นแรกเผ่ามิรันมาได้รุกรานชนชาติผิ่ว อันเป็นเผ่าดั้งเดิมของดินแดนพม่า จากนั้นก็รุกรานพวกมอญ แต๊ด (สากย์) กานหย่าน (ขาง ยาง) ซึ่งอาศัยอยู่ตามเมืองอ๊อกแส่ มีนบู และเมืองฉ่วยโป ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในความปกครองของชนชาติไตไปจนหมดสิ้น
อาณาจักรของชนชาติไต ถูกรุกรานกว้างขวางออกไปตามลำดับ พุกาม อังวะ พะโค (เมืองหลวงของมอญโบราณ) ล้วนอยู่ในกำมือของเผ่ามิรันม่า หรือพม่าทั้งสิ้น จนถึงพ.ศ. 1843 – 1844 ไตเจ้าของถิ่นที่ถูกพม่ารุกรานมาโดยตลอด ไม่สามารถทนต่อสภาวะเช่นนั้นได้อีก จึงไปผูกสัมพันธ์ไมตรีกับเผ่ามองโกล ซึ่งเรืองอำนาจอยู่ในดินแดนจีนเวลานั้น กองทัพมองโกลได้เข้ามาช่วยเหลือตีชิงเอาเมืองคืนจากพม่าได้หลายเมือง รวมทั้งเมืองพุกามด้วย ยิ่งกว่านั้นได้ตีฝ่าลงใต้ปราบพม่าถึงเมืองอังวะได้สำเร็จ พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างเมืองหลวงของตนขึ้นที่เมืองศึกไก๋ (สะไก)เพื่อปกครองอาณาจักรพุกาม อังวะ เมืองยาง และเมืองมาวอีกด้วย
ต่อมาในปี พ.ศ. 1898 พม่าก็ฟื้นคืนกำลังขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่เฉพาะแต่ดินแดนของไตเท่านั้น แม้บางส่วนของล้านนา ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของพม่าโดยสิ้นเชิง
แสดงความคิดเห็น
ชาวไทยใหญ่(ไทใหญ่)และชาวเอเชียอุษาคเนย์มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับคนไทยในปัจจุบัน?
https://www.facebook.com/sai.aye.710/videos/1912679132338883/
และ
https://www.facebook.com/sai.aye.710/videos/1912679172338879/
และ
https://www.facebook.com/sai.aye.710/videos/1903260173280779/
จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมมันคล้ายไทยเราจัง ผนวกกับสงสัยด้วยว่า คนไทยเรา จริงๆแล้วมาจากไหน?