เมื่อเสียงเคาะไม้ “ก๊อก (knock)!” ดังขึ้น นั่นคือ เสียงเคาะเรียกเทพยดาเพื่อโปรดช่วยปกป้องคุ้มครอง เสียงเคาะไม้ยังเป็นสัณญาณบอกถึงความโชคดีจะมาหาไวๆ



          ว่ากันว่า ขอเพียงตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาในสิ่งใดและหวังจะให้เป็นจริง จงเคาะไม้ดังๆ 3 ครั้ง ก็จะสมหวังสมปรารถนา บางครั้งก็จะมีความเชื่อว่าเพียงแค่พูดเบาๆว่า “Knock on Wood” ก็พอ โดยไม่ต้องลงมือเคาะไม้จริงๆ แล้วสิ่งที่หวังตั้งใจก็จะเป็นจริงตามนั้น



          ตำนานที่มาของความเชื่อเรื่องการเคาะไม้ หลายคนมักเชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับคริสต์ศาสนา เพราะไม้ที่พูดถึงนั้นก็คือ ไม้กางเขนที่ตรึงองค์พระเยซูคริสต์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ เสียงเคาะไม้ด้วยจิตอธิษฐานคือ เสียงวิงวอนเรียกร้องเพื่อขอให้พระองค์โปรดทรงคุ้มครอง ยังมีตำนานหนึ่งย้อนกลับไปสู่อดีตกาลในยุคโบราณเมื่อครั้งมนุษย์ยังนับถือภูติผีปีศาจอยู่ และเชื่อกันว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพยดาสิงสู่ในต้นไม้ เสียงเคาะหรือการแตะสัมผัสกับลำต้นไม้ก็คือ การปลุกเร้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากในต้นไม้ให้โปรดพิทักษ์คุ้มครองด้วย



          ชาวตะวันตกจำนวนไม่น้อยที่ถือเคล็ดเรื่องการเคาะไม้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจิตอธิษฐานแล้วเคาะไม้ 3 ครั้ง หรือแม้กระทั่งเชื่อกันว่า คนที่หวังจะได้เลื่อนตำแหน่งหรือมีโชคลาภมาหา แค่รวบรวมสมาธิตั้งจิตให้มั่นคงแล้วเอ่ยถึงสิ่งที่ปรารถนานั้นเบาๆแล้วให้พูดลงท้ายประโยคว่า “เคาะไม้นะ” เชื่อว่า สิ่งที่อธิษฐานและเคาะไม้นั้น จะดังไปถึงสรวงสวรรค์ แล้วทุกสิ่งที่ต้องการจะเป็นจริง



          นอกจากนี้ ยังเชื่อกันอีกว่า หากคุณเรียนภาษาอังกฤษหรือติดต่อกับชาวต่างประเทศบ่อยๆ คุณคงเคยได้ยินวลีคำนี้แน่ๆ คือ “Knock on Wood” (เคาะไม้นะ) แต่สำหรับคนไทยแล้วอาจไม่คุ้นเคยในสิ่งที่แฝงอยู่หรือนัยยะความหมายที่แท้จริงของมัน หากเปรียบเทียบแบบไทยๆแล้วก็คล้ายกับคำพูดที่ว่า “ขอให้เป็นจริงตามนั้นทีเถิดนะ…เพี้ยง!” ดูจะเข้าทีและใกล้เคียงกับอารมณ์แบบฝรั่งดังกล่าว



ที่มา forward mail (ไปคัดลอกข้อความเค้ามา)