น้องสาวเราผลิตครีมคุณภาพพรีเมียมขายผ่านเว็บไซต์ เป็นเจ้าของแบรนด์เองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เสียภาษีมีทะเบียนพาณิชย์ทุกอย่าง
ขายมานานก่อนการขายครีมจะบูมบนเฟสบุคเสียอีก
เมื่อเร็วๆนี้มีนายทุนมาทาบทามชักชวนให้เข้าระบบMLMของเขา (ซึ่งเจ๊นายทุนคนนี้ก็เป็นลูกค้าประจำครีมน้องสาว)
นายทุนบอกว่า เพราะครีมดีจริง อีกทั้งมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ถ้าเอามาทำMLMจะยิ่งทำให้ได้ฐานลูกค้ามากขึ้นอีกโดยที่เหนื่อยน้อยลงกำไรเพิ่มขึ้น ลูกค้าเก่าก็ได้อานิสงค์ไปด้วยเพราะเจ๊ให้ชวนลูกค้าเก่าขาประจำมาอยู่ต้นๆสาย
น้องสาวเราก็สนใจเพราะเจ๊เขาก็มีฐานะ+สถานะ+วงศ์ตระกูล+ธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเจ๊รับประกันว่าไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ ไม่มีค่าหัวหาสมาชิก กำไรจะมาจากการขายสินค้าเท่านั้น
แต่สินค้าต้องอัพราคาขึ้นจากเดิมกว่า50% เดิมขายกระปุกละ500฿ อาจต้องอัพเป็น900฿ เป็นต้น
โดยก่อนหน้านี้เจ๊ก็ทาบทามและได้มีผลิตภัณฑ์คุณภาพดีๆประเภทอื่นของบ.อื่นมาทำMLMแล้ว ก็คือเจ๊เขาอยากหาสินค้ามาทำMLMหลายๆอย่างภายใต้ระบบเขา
สรุปแล้วเจ๊นายทุนก็ดูไม่น่ามีปัญหา น้องสาวก็ว่าจะเอาแบรนด์เข้าระบบ นอกจากเจ๊กับน้องสาวแล้ว ก็ให้เรากับแม่เป็นต้นสายแยกทีมซ้ายขวา
เพื่อนเราที่เป็นลูกค้าประจำครีมน้อง เขาก็ไม่ค่อยพอใจและติงมาว่าไม่น่าเข้าระบบMLM
ถึงแม้เขาจะสามารถเข้าเป็นสมาชิกในระดับต้นๆและซื้อครีมได้ในราคาสมาชิก และ จะสะสมแต้มเป็นส่วนลดต่อไปอะไรก็ตาม ยังไงก็แพงกว่าเดิมอยู่ดี
เหมือนเอาเงินกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นไปให้เจ๊นายทุนหมุนใช้ก่อน แต้มสะสมกว่าจะได้ยอดก็ในอนาคตกาล
และการเอาครีมไปขายต่อก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนถนัดโดยเฉพาะตลาดคสอ.นี้แข่งขันสูง ซึ่งก็ไม่มีการบังคับให้สมาชิกขายครีมแต่ลำพังการซื้อใช้เองมันต้องจ่ายมากขึ้นจากการอัพราคา(แม้จะได้แต้มสะสมที่จะสามารถรวมใช้ในอนาคตกาลก็ตาม)
ส่วนตัวเรากับน้องสาวก็คงมีแต่ได้กับได้เพราะเป็นเจ้าของแบรนด์และอยู่ต้นสาย
แต่พอเพื่อนเราท้วงติงมาในอีกมุมมอง เราก็กังวลแทนน้อง
สรุปว่าควรนำแบรนด์ไปทำMLM ดีมั้ยคะ
มีแบรนด์ครีมเป็นของตัวเอง แล้ว มีนายทุนมาชวนให้ทำเป็นระบบMLM จะดีไหม
ขายมานานก่อนการขายครีมจะบูมบนเฟสบุคเสียอีก
เมื่อเร็วๆนี้มีนายทุนมาทาบทามชักชวนให้เข้าระบบMLMของเขา (ซึ่งเจ๊นายทุนคนนี้ก็เป็นลูกค้าประจำครีมน้องสาว)
นายทุนบอกว่า เพราะครีมดีจริง อีกทั้งมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ถ้าเอามาทำMLMจะยิ่งทำให้ได้ฐานลูกค้ามากขึ้นอีกโดยที่เหนื่อยน้อยลงกำไรเพิ่มขึ้น ลูกค้าเก่าก็ได้อานิสงค์ไปด้วยเพราะเจ๊ให้ชวนลูกค้าเก่าขาประจำมาอยู่ต้นๆสาย
น้องสาวเราก็สนใจเพราะเจ๊เขาก็มีฐานะ+สถานะ+วงศ์ตระกูล+ธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเจ๊รับประกันว่าไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ ไม่มีค่าหัวหาสมาชิก กำไรจะมาจากการขายสินค้าเท่านั้น
แต่สินค้าต้องอัพราคาขึ้นจากเดิมกว่า50% เดิมขายกระปุกละ500฿ อาจต้องอัพเป็น900฿ เป็นต้น
โดยก่อนหน้านี้เจ๊ก็ทาบทามและได้มีผลิตภัณฑ์คุณภาพดีๆประเภทอื่นของบ.อื่นมาทำMLMแล้ว ก็คือเจ๊เขาอยากหาสินค้ามาทำMLMหลายๆอย่างภายใต้ระบบเขา
สรุปแล้วเจ๊นายทุนก็ดูไม่น่ามีปัญหา น้องสาวก็ว่าจะเอาแบรนด์เข้าระบบ นอกจากเจ๊กับน้องสาวแล้ว ก็ให้เรากับแม่เป็นต้นสายแยกทีมซ้ายขวา
เพื่อนเราที่เป็นลูกค้าประจำครีมน้อง เขาก็ไม่ค่อยพอใจและติงมาว่าไม่น่าเข้าระบบMLM
ถึงแม้เขาจะสามารถเข้าเป็นสมาชิกในระดับต้นๆและซื้อครีมได้ในราคาสมาชิก และ จะสะสมแต้มเป็นส่วนลดต่อไปอะไรก็ตาม ยังไงก็แพงกว่าเดิมอยู่ดี
เหมือนเอาเงินกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นไปให้เจ๊นายทุนหมุนใช้ก่อน แต้มสะสมกว่าจะได้ยอดก็ในอนาคตกาล
และการเอาครีมไปขายต่อก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนถนัดโดยเฉพาะตลาดคสอ.นี้แข่งขันสูง ซึ่งก็ไม่มีการบังคับให้สมาชิกขายครีมแต่ลำพังการซื้อใช้เองมันต้องจ่ายมากขึ้นจากการอัพราคา(แม้จะได้แต้มสะสมที่จะสามารถรวมใช้ในอนาคตกาลก็ตาม)
ส่วนตัวเรากับน้องสาวก็คงมีแต่ได้กับได้เพราะเป็นเจ้าของแบรนด์และอยู่ต้นสาย
แต่พอเพื่อนเราท้วงติงมาในอีกมุมมอง เราก็กังวลแทนน้อง
สรุปว่าควรนำแบรนด์ไปทำMLM ดีมั้ยคะ