จากตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/36699239
วันที่ 5 (28/12/59) Gorakpur Junction ≥ Kusinagar สถานที่ปรินิพพาน
หลังจากลับท่าน้ำพาราณาสีเมื่อหัวค่ำ ก็มาหาอะไรกินที่สถานีรถไฟจะมีชั้น 2 เป็นร้านอาหารเล็กๆ สำหรับตั๋วรถปรับอากาศจะมีห้องรับรองให้นั่งพัก มีห้องน้ำ มีที่ชาร์ตไฟ แต่อยากจะบอกว่าคนเยอะมาก จขกท.ต้องมานั่งโซนข้างร้านอาหารเมื่อสักครู่ การไปคนเดียว เหมือนเก้าอี้ดนตรี ลุกคือเสียเกาอี้ รพไฟจาก Varanasi Junction ออกเวลา 00:35 ไปถึงสถานี Gorakhpur Junction เวลา 06:55 ด้วยรถไฟขบวน 15003 มีทุกวัน เลือกขบวนนี้เพื่อนอนกลางคืน รถไฟไปถึง Gorakhpur Junction เป็นสถานีปลายทาง ทำให้ไม่ต้องกังวลในการจะลงไม่ถูก แต่ในความเป็นจริงรถมาราวๆ ตีห้า แถมจอ LED บอกจอดชานชาลาที่ 1 พอถึงเวลารถมาเทียบชานชาลาจริง แต่ไม่ใช่ขบวนที่เราจะไป เหมือนรถไฟไม่ปรับอากาศชั้น 3 คนแน่นมาก เห็นการแย่งที่ แย่งกันขึ้นรถไฟแล้ว ตายแล้ว ฉันมาทำอะไรที่นี่ ตัวคนเดียว เป้สะพายหลังก็ใบเบ้อเร่อ มีเป้ใบเล็กสะพายข้างหน้าอีก เห็นเจ้าหน้าที่รถไฟที่มาโบกธงของขบวนนี้ เลยถามขบวนของตัวเอง บอกให้รอตรงนี้แหละ เข้าสถานีนี้ เอาเชื่อเจ้าหน้าที่รถไฟเน๊าะ แต่การมาคนเดียว มันจะ Alert หน่อยๆ ก็เป็นข้อดีไปอย่าง ดูแอพ เฮ้ย บร่ะเจ้า รถมันบอกมาจอดที่สถานีแล้ว ที่สำคัญจอด 10 นาที (สถานีพาราณาสีค่อยข้างใหญ่ ปกติสถานีเล็กๆ จอด 2 - 5 นาที) ไม่จริง ฉันถามเจ้าหน้าที่แล้ว แอบเปิดแอพที่ 2 เอาไงดี แอพบอกจอดที่สถานีแล้ว แต่ไม่บอกชานชาลา เวรกรรม รถไฟอินเดีย ปกติต้องเดินข้ามสะพานลอย ด้วยความฉุกละหุก มองๆ ทะลุคันที่จอดชานชาลาที่ 1 ก็ไม่ยอมออก มีจริงๆ ชานชาลาที่ 2 ใช่รึเปล่านะ ไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นสะพานลอย ชนิดลืมอายุ ลืมน้ำหนักกระเป๋า สุดท้ายก็ขบวนรถของเราจากชานชาลา 1 มา 2 ไม่แจ้งไม่เตือนบนจอ LED ทั้งแอพก็ไม่บอกเลยนะ
เนื่องจากรถดีเลย์จากควรถึง 06:55 กลายเป็นราวๆ เที่ยงวัน แต่ก็หมอกลงหนักเหมือนยังเช้า ตอนขึ้นรถไฟมาแอบเห็นพระ ไม่แน่ใจพระพม่าหรือเปล่า พระแอบฟังแล้วไม่ใช่ภาษาไทย มาเป็นกลุ่ม คิดว่าเพื่ออาศัยขอติดไปกุสินารา แต่พอลงมา เหลือบซ้ายแลขวา ไม่มีใครเลย เหมือนมีเราเป็นต่างด้าว ท่ามกลางแขกแท้ๆ เอาแล้วซิแล้วรถบัสที่จะต่อไปกิสินาราขึ้นตรงไหน จขกท.จะปริ้นรูปสถานที่ต้นทาง ปลายทางเป็นภาพสีติดตัวไปด้วยกันมือถือแบตหมด สำหรับใช้ถามทาง คุยกับแท็กซี่ รูปๆ เดียวใช้แทนคำได้ดีกว่าคำพูด 100 คำ เชื่อเถอะ จากสถานีให้มองออกมาที่ถนนด้านหน้า จะมีรูปหล่ออนุสาวรีย์อะไรสักอย่าง ให้เดินข้ามไป จะมีถนนไม่ใหญ่อยู่ด้านหลังจะมี วินรถบัสมีหลายสาย แต่ที่แน่ๆ มีไปกุสินาร และมีไปด่านโสเนาลี ที่จะข้ามแดนไปเนปาลพรุ่งนี้
ค่ารถไปกุสินารา 60 รูปี แต่ข้อควรระวัง ให้บอกกระเป๋ารถหรือคนขับว่าลงทางเข้ากุสินารา เพราะรถคันนี้ยังไปต่อ ห้ามพลาดจะเลยป้ายได้ แต่จขกท.ใช้ Google Map เปิดไปด้วย ซึ่งบอกระยะทางแบบเรียลไทม์ พอใกล้เราจะได้เตรียมตัวได้ทัน แต่จขกท.โชคดีไปอีก มีชาวบ้านลงที่ป้ายนี้ด้วยเพราะอยู่ชุมชนนี้ จะบอกว่ารถคนแน่นมากเต็มทุกเบาะ มียืนตรงกลางอีก ไอ้เราก็ดันฉลาดเลือกมานั่งท้ายสุดเพื่อจะได้วางกระเป๋าได้ แต่หารู้ไม่ จะลงรถโดยฝ่าฝูงชนที่ยืนเบียดกันตรงทางเดินยังไง โอ้ย คิดแล้วเครียด
ในที่สุดก็ถึงวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ คงราวๆ สี่โมงเย็นแล้ว ปากทางมีรถสามล้อถีบ ด้วยความที่หาข้อมูลไม่ไกลมากจะเดินมาวัดไทย แล้วยังเข็ดกับตาลุงสามล้อปั่นอยู่ เดินดูวิวทิวทัศน์แล้วกัน แต่ความเป็นจริงเดินหลายกิโลมาก เข็ดเลย บอกตัวเองขากลับ ขอสามล้อปั่นดีกว่า ยอมดราม่าอีกรอบ
วัดไทยกุสินารา พื้นที่วัดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีสวนปลูกไม้ดอกไม้ประดับเยอะร่มรื่นมาก
มาวัดติดต่อสอบถามห้องพัก ได้ห้องเอาของเข้าไปเก็บ รีบมาที่กุสินารา สถานที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน เนื่องจากวัดไทยกุสินารา จะมีผ่านวัดหลายๆ ประเทศ และค่อนข้างไกล เดินมาถึงกุสินารา ก็เกือบห้าโมงเย็น พอเดินไปถึงมหาปรินิพพานวิหารในรูป เจ้าหน้าที่ปิดประตูพอดี ชีวิตรันทดไม่จบสิ้น
ด้านข้างเดินทะลุมาจะเป็นวัดพม่า ซึ่งมีเจดีย์เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นมาก เริ่มมืดรีบเดินกลับวัดไทยกุสินารา เพราะค่อนข้างไกล และเพื่อไปทานอาหารที่วัดช่วงเย็น เตรียมตัวนอน วัดไทยกุสินาราจะบอกว่าสะอาด น่านอนมาก ตอนไปไม่ค่อยมีคน จขกท.เลยนอนคนเดียว สามารถติดต่อขอจองห้องพักล่วงหน้าได้ที่ E-mail : kusinara980@gmail.com พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) ประธานสงฆ์วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระครูนรนาถเจติยาภิรัภษ์ ( สมพงษ์ ญาณธีโร น.ธ.เอก,พธ.,รป.ม.) ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการเจ้าอาวาส
[CR] แบกเป้ไปสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ง่ายๆ เหมือนนับ 1-2-3 ตอนที่ 2 (จบ)
วันที่ 5 (28/12/59) Gorakpur Junction ≥ Kusinagar สถานที่ปรินิพพาน
หลังจากลับท่าน้ำพาราณาสีเมื่อหัวค่ำ ก็มาหาอะไรกินที่สถานีรถไฟจะมีชั้น 2 เป็นร้านอาหารเล็กๆ สำหรับตั๋วรถปรับอากาศจะมีห้องรับรองให้นั่งพัก มีห้องน้ำ มีที่ชาร์ตไฟ แต่อยากจะบอกว่าคนเยอะมาก จขกท.ต้องมานั่งโซนข้างร้านอาหารเมื่อสักครู่ การไปคนเดียว เหมือนเก้าอี้ดนตรี ลุกคือเสียเกาอี้ รพไฟจาก Varanasi Junction ออกเวลา 00:35 ไปถึงสถานี Gorakhpur Junction เวลา 06:55 ด้วยรถไฟขบวน 15003 มีทุกวัน เลือกขบวนนี้เพื่อนอนกลางคืน รถไฟไปถึง Gorakhpur Junction เป็นสถานีปลายทาง ทำให้ไม่ต้องกังวลในการจะลงไม่ถูก แต่ในความเป็นจริงรถมาราวๆ ตีห้า แถมจอ LED บอกจอดชานชาลาที่ 1 พอถึงเวลารถมาเทียบชานชาลาจริง แต่ไม่ใช่ขบวนที่เราจะไป เหมือนรถไฟไม่ปรับอากาศชั้น 3 คนแน่นมาก เห็นการแย่งที่ แย่งกันขึ้นรถไฟแล้ว ตายแล้ว ฉันมาทำอะไรที่นี่ ตัวคนเดียว เป้สะพายหลังก็ใบเบ้อเร่อ มีเป้ใบเล็กสะพายข้างหน้าอีก เห็นเจ้าหน้าที่รถไฟที่มาโบกธงของขบวนนี้ เลยถามขบวนของตัวเอง บอกให้รอตรงนี้แหละ เข้าสถานีนี้ เอาเชื่อเจ้าหน้าที่รถไฟเน๊าะ แต่การมาคนเดียว มันจะ Alert หน่อยๆ ก็เป็นข้อดีไปอย่าง ดูแอพ เฮ้ย บร่ะเจ้า รถมันบอกมาจอดที่สถานีแล้ว ที่สำคัญจอด 10 นาที (สถานีพาราณาสีค่อยข้างใหญ่ ปกติสถานีเล็กๆ จอด 2 - 5 นาที) ไม่จริง ฉันถามเจ้าหน้าที่แล้ว แอบเปิดแอพที่ 2 เอาไงดี แอพบอกจอดที่สถานีแล้ว แต่ไม่บอกชานชาลา เวรกรรม รถไฟอินเดีย ปกติต้องเดินข้ามสะพานลอย ด้วยความฉุกละหุก มองๆ ทะลุคันที่จอดชานชาลาที่ 1 ก็ไม่ยอมออก มีจริงๆ ชานชาลาที่ 2 ใช่รึเปล่านะ ไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นสะพานลอย ชนิดลืมอายุ ลืมน้ำหนักกระเป๋า สุดท้ายก็ขบวนรถของเราจากชานชาลา 1 มา 2 ไม่แจ้งไม่เตือนบนจอ LED ทั้งแอพก็ไม่บอกเลยนะ
เนื่องจากรถดีเลย์จากควรถึง 06:55 กลายเป็นราวๆ เที่ยงวัน แต่ก็หมอกลงหนักเหมือนยังเช้า ตอนขึ้นรถไฟมาแอบเห็นพระ ไม่แน่ใจพระพม่าหรือเปล่า พระแอบฟังแล้วไม่ใช่ภาษาไทย มาเป็นกลุ่ม คิดว่าเพื่ออาศัยขอติดไปกุสินารา แต่พอลงมา เหลือบซ้ายแลขวา ไม่มีใครเลย เหมือนมีเราเป็นต่างด้าว ท่ามกลางแขกแท้ๆ เอาแล้วซิแล้วรถบัสที่จะต่อไปกิสินาราขึ้นตรงไหน จขกท.จะปริ้นรูปสถานที่ต้นทาง ปลายทางเป็นภาพสีติดตัวไปด้วยกันมือถือแบตหมด สำหรับใช้ถามทาง คุยกับแท็กซี่ รูปๆ เดียวใช้แทนคำได้ดีกว่าคำพูด 100 คำ เชื่อเถอะ จากสถานีให้มองออกมาที่ถนนด้านหน้า จะมีรูปหล่ออนุสาวรีย์อะไรสักอย่าง ให้เดินข้ามไป จะมีถนนไม่ใหญ่อยู่ด้านหลังจะมี วินรถบัสมีหลายสาย แต่ที่แน่ๆ มีไปกุสินาร และมีไปด่านโสเนาลี ที่จะข้ามแดนไปเนปาลพรุ่งนี้
ค่ารถไปกุสินารา 60 รูปี แต่ข้อควรระวัง ให้บอกกระเป๋ารถหรือคนขับว่าลงทางเข้ากุสินารา เพราะรถคันนี้ยังไปต่อ ห้ามพลาดจะเลยป้ายได้ แต่จขกท.ใช้ Google Map เปิดไปด้วย ซึ่งบอกระยะทางแบบเรียลไทม์ พอใกล้เราจะได้เตรียมตัวได้ทัน แต่จขกท.โชคดีไปอีก มีชาวบ้านลงที่ป้ายนี้ด้วยเพราะอยู่ชุมชนนี้ จะบอกว่ารถคนแน่นมากเต็มทุกเบาะ มียืนตรงกลางอีก ไอ้เราก็ดันฉลาดเลือกมานั่งท้ายสุดเพื่อจะได้วางกระเป๋าได้ แต่หารู้ไม่ จะลงรถโดยฝ่าฝูงชนที่ยืนเบียดกันตรงทางเดินยังไง โอ้ย คิดแล้วเครียด
ในที่สุดก็ถึงวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ คงราวๆ สี่โมงเย็นแล้ว ปากทางมีรถสามล้อถีบ ด้วยความที่หาข้อมูลไม่ไกลมากจะเดินมาวัดไทย แล้วยังเข็ดกับตาลุงสามล้อปั่นอยู่ เดินดูวิวทิวทัศน์แล้วกัน แต่ความเป็นจริงเดินหลายกิโลมาก เข็ดเลย บอกตัวเองขากลับ ขอสามล้อปั่นดีกว่า ยอมดราม่าอีกรอบ
วัดไทยกุสินารา พื้นที่วัดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีสวนปลูกไม้ดอกไม้ประดับเยอะร่มรื่นมาก
มาวัดติดต่อสอบถามห้องพัก ได้ห้องเอาของเข้าไปเก็บ รีบมาที่กุสินารา สถานที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน เนื่องจากวัดไทยกุสินารา จะมีผ่านวัดหลายๆ ประเทศ และค่อนข้างไกล เดินมาถึงกุสินารา ก็เกือบห้าโมงเย็น พอเดินไปถึงมหาปรินิพพานวิหารในรูป เจ้าหน้าที่ปิดประตูพอดี ชีวิตรันทดไม่จบสิ้น
ด้านข้างเดินทะลุมาจะเป็นวัดพม่า ซึ่งมีเจดีย์เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นมาก เริ่มมืดรีบเดินกลับวัดไทยกุสินารา เพราะค่อนข้างไกล และเพื่อไปทานอาหารที่วัดช่วงเย็น เตรียมตัวนอน วัดไทยกุสินาราจะบอกว่าสะอาด น่านอนมาก ตอนไปไม่ค่อยมีคน จขกท.เลยนอนคนเดียว สามารถติดต่อขอจองห้องพักล่วงหน้าได้ที่ E-mail : kusinara980@gmail.com พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) ประธานสงฆ์วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระครูนรนาถเจติยาภิรัภษ์ ( สมพงษ์ ญาณธีโร น.ธ.เอก,พธ.,รป.ม.) ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการเจ้าอาวาส