สวัสดีค่ะ เข้าเรื่องกันเลยนะคะ ซิส ก่อนหน้านี้ เราก็ทำงานเป็นพนักงานประจำนี่ล่ะ แต่เกลียดชีวิตเมืองที่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพื่อไปจอดรถนิ่งๆ เฉยๆ กลางท้องถนน เพื่อไปเจองานในออฟฟิสที่เราไม่มี passion ก่อนจะเลิกงานแล้วไปจอดรถนิ่งๆ เฉยๆ กลางถนนอีกรอบ มันเป็นแบบนี้อยู่ 3-4 ปี จนเรารู้สึกว่า เฮ้ย เราก้าวออกมาจาก comfort zone ดีกว่า แล้วช่วงนั้น งานจ็อบ งานฝิ่นเรากำลังดีงาม ก็เลยตัดสินใจยื่นใบลาออก มาเป็น freelancer เต็มตัว
แรกๆ มันก็ดีอยู่นะ เราได้ตื่นสาย สายของเราคือ 8 โมง ไม่ต้องรีบ ลงมาให้อาหารหมา เปิดคอม ทำงาน อาบน้ำตอนเที่ยง ตอนบ่าย 2 บ่าย 3 ช่วงง่วง ไม่มีอารมณ์ทำงาน ก็ไปฟิตเนส หาร้านกาแฟ นั่งทำงาน กลับบ้านนั่งทำงานก่อนนอน แล้วงานมันมีคุณภาพมากกว่านั่งทำงานในคอกในออฟฟิส ว่างเมื่อไหร่ พาครอบครัวไปเที่ยว ไม่ต้องเบียดเสียดมนุษย์อื่นในวันหยุด ไม่ต้องเจอรถติด เราทำงานฟรีแลนซ์ได้ปีเดียว ก็เก็บตังค์ไปญี่ปุ่น ไปยุโรปได้ เฮ้ย! ชีวิตดี รู้งี้ออกมาเป็น freelance ตั้งนานแล้ว...ทำงานประจำทำม๊ายยยยยยยยย แต่แล้วเราก็มาถึงจุดนึง จุดที่เรารู้สึกว่า freelance อย่างเราๆ นี่ล่ะ ถูกชาวบ้านเอาเปรียบที่สุด และไม่มีใครมาคุ้มครองเรา ยกเว้น ตัวเราเอง นี่คือประสบการณ์ที่เราโดนเอาเปรียบสุดๆ มา (ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องเงิน ค่าจ้าง นี่เอง)
1.สัญญาต้องเป็นสัญญาสิคะ
เกิดมาเคยฟังเพลงพี่เบิร์ด ธงไชย รึเปล่าคะ ถึงไม่เคยรู้ว่า "สัญญาต้องเป็นสัญญา" คืออะไร ที่เจ็บก็เพราะเราโดนสัญญาปากเปล่า สัญญาจาก "พี่น้อง" สัญญาจากคนไว้ใจ (ร้ายที่สุด) นี่ล่ะ หนึ่งคือ เราโง่เองที่ไปไว้ใจใครเกินไป พอถึงเวลาจ่ายเงิน อ้าว...เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า เช่น
"พี่ขอหักเงินนะคะ" //อ่าวทำไมคะพี่// "น้องทำงานไม่ถูกใจพี่ ก็อย่างนี้ล่ะค่ะ การเป็นฟรีแลนซ์ ทำไม่ถูกใจ พี่มีสิทธิหักเงินได้ และถ้าน้องทำดีกว่าที่พี่คาดหวัง น้องมาขอเพิ่มเงินได้"
เฮ้ย ไม่เคยเจออ่ะ แบบนี้ เราไปถามเพื่อนๆ ฟรีแลนซ์คนอื่นก็ไม่เคยเจอ อะไรคือความถูกใจ ไม่ถูกใจ ไม่มีมาตรฐานที่สุด และถ้าเราทำงานได้ดีมากๆ ให้เราหน้าหนาไปแบมือขอเงินเพิ่ม "พี่ขา หนูว่าหนูทำงานดีกว่าที่พี่คาดหวังนะคะ หนูขอเพิ่มอีก 20,000" อย่างนี้ก็ได้หรอ
ป.ล. ที่เราไม่ถูกใจเขา เพราะว่าเราป่วยหนัก ต้องเข้าห้องฉุกเฉินเลย เขาก็รู้ ตอนเกิดเหตุยังบอกเลย "น้องคะ พี่เข้าใจ บลาๆ" พอจะจ่ายตังค์ปุ๊ป "พี่ไม่เข้าใจ พี่ขอหักตังค์นะคะ" ...พี่คะ พี่งงอะไรคะ
/ตัดภาพไป ตอนทวงเงิน/
เรา: พี่ขา หนูยังไม่ได้เงินเลยนะคะ บอกว่าจะได้สิ้นเดือนไม่ใช่หรอ
พี่: นี่หนู deal งานกับใครอยู่คะ โทรมาแบบนี้ ไม่มีสัมมาคารวะเลย
(อ่าว ทวงเงินแล้วโดนด่า คือไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร)
2. สัญญาบางอย่างก็เป็นแค่กระดาษห่อผ้าอนามัย
ต่อไปนี้จะทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเลยค่ะ ไม่มีสัญญาให้ เราร่างให้เองเดี๋ยวนั้นเลย เซ็นค่ะ ไม่มีปากกา? นี่ค่ะ ปากกา
อืม ก็เหมือนจะดีนะ แต่...เหมือนลูกค้าจะไม่แคร์ ทำผิดสัญญา จ่ายเงินไม่ตรง จ่ายช้าไป 5 เดือน หนี้สะสมอยู่เรื่อยๆ จนติดเราหลักแสนแล้วอ่ะ! เราทั้ง fight สุดพลัง ขู่ว่ามีสัญญา ฟ้องได้นะ เคยบุกไปถึงออฟฟิส คนก็สงสัยว่ามาทำไมคะ เราก็บอกเสียงดังฟังชัด "มาทวงตังค์ค่ะ" และทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะของฝ่ายบัญชีเลย แต่ดูเหมือนพวกนางไม่แคร์ คนที่แคร์ก็ไม่มีอำนาจจ่ายตังค์ให้ เราได้ยินข่าววงในมาว่า เขามีปัญหาด้านการเงินกันอยู่ แล้วไงอ่า คือปัญหาก็เป็นปัญหาของคุณ ทำไม freelance ต้องมารับผลกระทบด้วย ยังไงคุณก็ต้องหาเงินมาจ่ายให้พวกเรานะ
***ตรงนี้เราขอปรึกษาเพื่อนๆ นะคะ ว่าจะจัดการยังไงดีกับลูกค้าที่ไม่แคร์สัญญาและ ไม่มีเงิน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า) ตอนนี้เรามีงานที่เขาต้องการมากๆ อยู่ แต่เขาค้างเงินเราอยู่ 6-7 งวด และคงมีหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย แบบนี้เราจะยื่นหมูยื่นแมวยื่นหมายื่นหมีได้มั้ย ถ้าไม่จ่ายตังค์ตอนนี้ ไม่ให้งานนะคะ หรือไปโพสต์ประจาน เอ่ยชื่อบริษัทให้เขาอับอายและให้บริษัทเสีย credit ได้มั้ย เพราะตอนนี้ ใจจริงคืออยากแจ้งความ ดำเนินคดีเลย แต่ฟรีแลนซ์ผู้ร่วมชะตาคนอื่นๆ บอกว่า แรงไป ค่อยๆ พูดน๊า เจรจากันได้
3. freelance ไม่ได้ว่างมานั่งรอคุณ
นัด 10 โมง มาเที่ยงงี้ ก็เข้าใจ กรุงเทพรถติดเนอะ สายครึ่งชั่วโมง เรายังโอเค แต่มากกว่านี้ มันไม่โอเคอ่ะค่ะ ยิ่งเราต้องมีประชุมอื่นๆ ต่อจากนี้ด้วย ระบบมันรวนไปหมดเลย แล้วที่พีคสุด ไปถึงที่ประชุมแล้ว นางโทรมา cancel ค่ะ เฮ้ย? คือไร ตอนแรกก็เป็นห่วงว่าเขาป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุกระทันหันหรือเปล่า ปรากฏว่า เปล่า แค่เปลี่ยนใจ...ยุคนี้ก็มี LINE ก็ LINE มาก่อนล่วงหน้าก็ได้เนอะ ถ้าใช้ LINE ไม่เป็น Alexander Graham Bell ก็อุตส่าห์ประดิษฐ์โทรศัพท์มาให้แล้วเนอะ ก็บอกกล่าวกันหน่อยก็ดี
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เราท้อเหมือนกันนะ...เป็น freelance อนาคตไม่แน่นอนแล้ว ยังต้องมาเจอปัญหาแบบนี้อีก คนเราก็มีภาระนะคะ เราไม่มีปัญหาหรอก ถ้าเงินได้ช้า เข้าใจ ถ้าคุณบอกไว้เลยว่าจะได้ภายในกี่เดือน เพราะเราจะได้บริหารการเงินได้
และเราก็ค้นพบความจริงที่ว่า
- งานเร่ง งานด่วน งานไม่มีใครทำ เอามาให้ freelance อยากได้งาน แต่ไม่มีเงิน เอามาให้ freelance ทำไปก่อน มีเงินค่อยจ่ายมัน...
-พี่อยากทำ project นี้ น้องลองเสนอ idea มานะ พอเสนอเสร็จ พี่ว่ามันแพง มันไม่ดี โน่นนี่นั่น ไม่ผ่านค่ะ...แต่ อ่าว...หลายเดือนต่อมา ทำไมไอเดียเราไปโผล่ตรงนั้นวะคะ
สุดท้ายแล้ว เราจะไปนอนแล้ว อยากทิ้งไว้ว่า เด็กๆ ที่จบใหม่อาจจะไม่อยากทำงานออฟฟิศ อยากออกมาเป็น freelancer เพราะเป็นอิสระกว่า chic กว่า มันคือ life style ของคนรุ่นใหม่ อืม...ก็ดีนะ เราสนับสนุน แต่ทุกอย่างมันมีข้อดีและข้อเสีย แล้วเราก็รู้ซึ้งแล้วว่าเป็น freelancer ข้อเสียมันเยอะกว่าจริงๆ ใช้ชีวิตเสี่ยงมาก ไม่มีใครคุ้มครอง ป่วยก็ต้องจ่ายเอง ไปต่างประเทศ ถ้าเงินในบัญชีไม่เยอะ ก็ไปไม่ได้ ขอวีซ่าไม่ผ่าน เพราะไม่มีใบรับรองการทำงาน เงินเก็บเยอะจริง...แต่...เป็นเงินเก็บที่คนอื่นเก็บให้เราจ้าาาาาาาาาาาา เก็บเงียบเลย เก็บแบบยังไม่จ่ายให้เรา และไม่รู้จะจ่ายให้เมื่อไหร่
เรารู้สึกว่า...อืม นี่ล่ะคือชีวิต ที่มีแต่คนจะจ้องเอาเปรียบกันจริงๆ นะ เราเคยคุยกับฟรีแลนซ์ด้วยกันไง ว่าทำไมคนแบบเราๆ ถึงโดนเอาเปรียบ หรือเราต้องเป็นเอาเปรียบชาวบ้านบ้างนะ ถึงจะ survive ในโลกนี้ได้ แต่พอคิดอีกที เราเกลียดคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นใช่มั้ย อย่ากลายเป็นคนประเภทเดียวกับคนที่เราเกลียดเลย จบ
ใครมีประสบการณ์วิถี freelance มาแชร์กันได้นะ อย่างน้อยเราก็จะได้เป็นเพื่อนกัน กอดคอร้องไห้ไปด้วยกัน
จะว่าไป Freelance อาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกเอาเปรียบมากที่สุด (ร้องไห้แปป)
แรกๆ มันก็ดีอยู่นะ เราได้ตื่นสาย สายของเราคือ 8 โมง ไม่ต้องรีบ ลงมาให้อาหารหมา เปิดคอม ทำงาน อาบน้ำตอนเที่ยง ตอนบ่าย 2 บ่าย 3 ช่วงง่วง ไม่มีอารมณ์ทำงาน ก็ไปฟิตเนส หาร้านกาแฟ นั่งทำงาน กลับบ้านนั่งทำงานก่อนนอน แล้วงานมันมีคุณภาพมากกว่านั่งทำงานในคอกในออฟฟิส ว่างเมื่อไหร่ พาครอบครัวไปเที่ยว ไม่ต้องเบียดเสียดมนุษย์อื่นในวันหยุด ไม่ต้องเจอรถติด เราทำงานฟรีแลนซ์ได้ปีเดียว ก็เก็บตังค์ไปญี่ปุ่น ไปยุโรปได้ เฮ้ย! ชีวิตดี รู้งี้ออกมาเป็น freelance ตั้งนานแล้ว...ทำงานประจำทำม๊ายยยยยยยยย แต่แล้วเราก็มาถึงจุดนึง จุดที่เรารู้สึกว่า freelance อย่างเราๆ นี่ล่ะ ถูกชาวบ้านเอาเปรียบที่สุด และไม่มีใครมาคุ้มครองเรา ยกเว้น ตัวเราเอง นี่คือประสบการณ์ที่เราโดนเอาเปรียบสุดๆ มา (ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องเงิน ค่าจ้าง นี่เอง)
1.สัญญาต้องเป็นสัญญาสิคะ
เกิดมาเคยฟังเพลงพี่เบิร์ด ธงไชย รึเปล่าคะ ถึงไม่เคยรู้ว่า "สัญญาต้องเป็นสัญญา" คืออะไร ที่เจ็บก็เพราะเราโดนสัญญาปากเปล่า สัญญาจาก "พี่น้อง" สัญญาจากคนไว้ใจ (ร้ายที่สุด) นี่ล่ะ หนึ่งคือ เราโง่เองที่ไปไว้ใจใครเกินไป พอถึงเวลาจ่ายเงิน อ้าว...เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า เช่น
"พี่ขอหักเงินนะคะ" //อ่าวทำไมคะพี่// "น้องทำงานไม่ถูกใจพี่ ก็อย่างนี้ล่ะค่ะ การเป็นฟรีแลนซ์ ทำไม่ถูกใจ พี่มีสิทธิหักเงินได้ และถ้าน้องทำดีกว่าที่พี่คาดหวัง น้องมาขอเพิ่มเงินได้"
เฮ้ย ไม่เคยเจออ่ะ แบบนี้ เราไปถามเพื่อนๆ ฟรีแลนซ์คนอื่นก็ไม่เคยเจอ อะไรคือความถูกใจ ไม่ถูกใจ ไม่มีมาตรฐานที่สุด และถ้าเราทำงานได้ดีมากๆ ให้เราหน้าหนาไปแบมือขอเงินเพิ่ม "พี่ขา หนูว่าหนูทำงานดีกว่าที่พี่คาดหวังนะคะ หนูขอเพิ่มอีก 20,000" อย่างนี้ก็ได้หรอ
ป.ล. ที่เราไม่ถูกใจเขา เพราะว่าเราป่วยหนัก ต้องเข้าห้องฉุกเฉินเลย เขาก็รู้ ตอนเกิดเหตุยังบอกเลย "น้องคะ พี่เข้าใจ บลาๆ" พอจะจ่ายตังค์ปุ๊ป "พี่ไม่เข้าใจ พี่ขอหักตังค์นะคะ" ...พี่คะ พี่งงอะไรคะ
/ตัดภาพไป ตอนทวงเงิน/
เรา: พี่ขา หนูยังไม่ได้เงินเลยนะคะ บอกว่าจะได้สิ้นเดือนไม่ใช่หรอ
พี่: นี่หนู deal งานกับใครอยู่คะ โทรมาแบบนี้ ไม่มีสัมมาคารวะเลย
(อ่าว ทวงเงินแล้วโดนด่า คือไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร)
2. สัญญาบางอย่างก็เป็นแค่กระดาษห่อผ้าอนามัย
ต่อไปนี้จะทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเลยค่ะ ไม่มีสัญญาให้ เราร่างให้เองเดี๋ยวนั้นเลย เซ็นค่ะ ไม่มีปากกา? นี่ค่ะ ปากกา
อืม ก็เหมือนจะดีนะ แต่...เหมือนลูกค้าจะไม่แคร์ ทำผิดสัญญา จ่ายเงินไม่ตรง จ่ายช้าไป 5 เดือน หนี้สะสมอยู่เรื่อยๆ จนติดเราหลักแสนแล้วอ่ะ! เราทั้ง fight สุดพลัง ขู่ว่ามีสัญญา ฟ้องได้นะ เคยบุกไปถึงออฟฟิส คนก็สงสัยว่ามาทำไมคะ เราก็บอกเสียงดังฟังชัด "มาทวงตังค์ค่ะ" และทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะของฝ่ายบัญชีเลย แต่ดูเหมือนพวกนางไม่แคร์ คนที่แคร์ก็ไม่มีอำนาจจ่ายตังค์ให้ เราได้ยินข่าววงในมาว่า เขามีปัญหาด้านการเงินกันอยู่ แล้วไงอ่า คือปัญหาก็เป็นปัญหาของคุณ ทำไม freelance ต้องมารับผลกระทบด้วย ยังไงคุณก็ต้องหาเงินมาจ่ายให้พวกเรานะ
***ตรงนี้เราขอปรึกษาเพื่อนๆ นะคะ ว่าจะจัดการยังไงดีกับลูกค้าที่ไม่แคร์สัญญาและ ไม่มีเงิน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า) ตอนนี้เรามีงานที่เขาต้องการมากๆ อยู่ แต่เขาค้างเงินเราอยู่ 6-7 งวด และคงมีหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย แบบนี้เราจะยื่นหมูยื่นแมวยื่นหมายื่นหมีได้มั้ย ถ้าไม่จ่ายตังค์ตอนนี้ ไม่ให้งานนะคะ หรือไปโพสต์ประจาน เอ่ยชื่อบริษัทให้เขาอับอายและให้บริษัทเสีย credit ได้มั้ย เพราะตอนนี้ ใจจริงคืออยากแจ้งความ ดำเนินคดีเลย แต่ฟรีแลนซ์ผู้ร่วมชะตาคนอื่นๆ บอกว่า แรงไป ค่อยๆ พูดน๊า เจรจากันได้
3. freelance ไม่ได้ว่างมานั่งรอคุณ
นัด 10 โมง มาเที่ยงงี้ ก็เข้าใจ กรุงเทพรถติดเนอะ สายครึ่งชั่วโมง เรายังโอเค แต่มากกว่านี้ มันไม่โอเคอ่ะค่ะ ยิ่งเราต้องมีประชุมอื่นๆ ต่อจากนี้ด้วย ระบบมันรวนไปหมดเลย แล้วที่พีคสุด ไปถึงที่ประชุมแล้ว นางโทรมา cancel ค่ะ เฮ้ย? คือไร ตอนแรกก็เป็นห่วงว่าเขาป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุกระทันหันหรือเปล่า ปรากฏว่า เปล่า แค่เปลี่ยนใจ...ยุคนี้ก็มี LINE ก็ LINE มาก่อนล่วงหน้าก็ได้เนอะ ถ้าใช้ LINE ไม่เป็น Alexander Graham Bell ก็อุตส่าห์ประดิษฐ์โทรศัพท์มาให้แล้วเนอะ ก็บอกกล่าวกันหน่อยก็ดี
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เราท้อเหมือนกันนะ...เป็น freelance อนาคตไม่แน่นอนแล้ว ยังต้องมาเจอปัญหาแบบนี้อีก คนเราก็มีภาระนะคะ เราไม่มีปัญหาหรอก ถ้าเงินได้ช้า เข้าใจ ถ้าคุณบอกไว้เลยว่าจะได้ภายในกี่เดือน เพราะเราจะได้บริหารการเงินได้
และเราก็ค้นพบความจริงที่ว่า
- งานเร่ง งานด่วน งานไม่มีใครทำ เอามาให้ freelance อยากได้งาน แต่ไม่มีเงิน เอามาให้ freelance ทำไปก่อน มีเงินค่อยจ่ายมัน...
-พี่อยากทำ project นี้ น้องลองเสนอ idea มานะ พอเสนอเสร็จ พี่ว่ามันแพง มันไม่ดี โน่นนี่นั่น ไม่ผ่านค่ะ...แต่ อ่าว...หลายเดือนต่อมา ทำไมไอเดียเราไปโผล่ตรงนั้นวะคะ
สุดท้ายแล้ว เราจะไปนอนแล้ว อยากทิ้งไว้ว่า เด็กๆ ที่จบใหม่อาจจะไม่อยากทำงานออฟฟิศ อยากออกมาเป็น freelancer เพราะเป็นอิสระกว่า chic กว่า มันคือ life style ของคนรุ่นใหม่ อืม...ก็ดีนะ เราสนับสนุน แต่ทุกอย่างมันมีข้อดีและข้อเสีย แล้วเราก็รู้ซึ้งแล้วว่าเป็น freelancer ข้อเสียมันเยอะกว่าจริงๆ ใช้ชีวิตเสี่ยงมาก ไม่มีใครคุ้มครอง ป่วยก็ต้องจ่ายเอง ไปต่างประเทศ ถ้าเงินในบัญชีไม่เยอะ ก็ไปไม่ได้ ขอวีซ่าไม่ผ่าน เพราะไม่มีใบรับรองการทำงาน เงินเก็บเยอะจริง...แต่...เป็นเงินเก็บที่คนอื่นเก็บให้เราจ้าาาาาาาาาาาา เก็บเงียบเลย เก็บแบบยังไม่จ่ายให้เรา และไม่รู้จะจ่ายให้เมื่อไหร่
เรารู้สึกว่า...อืม นี่ล่ะคือชีวิต ที่มีแต่คนจะจ้องเอาเปรียบกันจริงๆ นะ เราเคยคุยกับฟรีแลนซ์ด้วยกันไง ว่าทำไมคนแบบเราๆ ถึงโดนเอาเปรียบ หรือเราต้องเป็นเอาเปรียบชาวบ้านบ้างนะ ถึงจะ survive ในโลกนี้ได้ แต่พอคิดอีกที เราเกลียดคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นใช่มั้ย อย่ากลายเป็นคนประเภทเดียวกับคนที่เราเกลียดเลย จบ
ใครมีประสบการณ์วิถี freelance มาแชร์กันได้นะ อย่างน้อยเราก็จะได้เป็นเพื่อนกัน กอดคอร้องไห้ไปด้วยกัน