Dunkirk ผลงานการกำกับล่าสุดของผู้กำกับชื่อดังแห่งยุค Christopher Nolan และมันยังเป็นหนังดราม่า สงครามอิงประวัติศาสตร์ เรื่องเเรกภายใต้การกำกับของเขาอีกด้วย
Dunkirk เป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ของช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ช่วงกลางปี 1941 สถานการณ์ของฝ่ายสัมพัธมิตรบนภาคพื้นยุโรปกำลังร่อแร่ ถูกพลพรรคนาซีล้อมกรอบตีไปจนเกือบตกทะเลแอตแลนติก และ "Dunkirk" ก็คือที่มั่นสุดท้ายของเหล่าสัมพันธมิตรกว่า 400,000 นายนั่นเอง
เมื่อถึงตอนนั้น ด้วยขวัญ รวมถึงพละกำลังทั้งกายและใจที่ร่อยหรอลงทุกขณะและการดึงดันต่อสู้ต่อไปบนพื้นที่อันน้อยนิดนี้ยังจะเป็นการสูญเสียกำลังพลโดยใช่เหตุ เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีของอังกฤษจึงสั่งปฏิบัติการ "ไดนาโม" หรือ Operation Dynamo ปฏิบัติการอพยพทหารอังกฤษให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กลับเกาะอังกฤษ เหมือนเป็นการยอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อที่จะสั่งสม"กำลัง"กลับมาสู้ศึกในครั้งต่อไป
ในตอนแรก เชอร์ชิล หวังเพียงทหารอังกฤษกลับมาได้เพียง 45,000 นาย แต่ไปๆมาๆกลับได้กลับมาถึง 3 แสนกว่านาย ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้ความสามัคคีของทหารทุกเหล่า ทางบก อากาศ และน้ำ แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ Dunkirk แตกต่างจากการเป็นแค่การอพยพทางทหารธรรมดา คือ ภาคพลเรือน ที่กลุ่มชาวบ้าน ชาวประมงท้องถิ่น พร้อมใจกันออกมาเอาเรือส่วนตัวที่ไม่มีอาวุธใดๆทั้งสิ้น นอกจากใจ มาช่วยเหล่าทหาร
ยุทธการที่ Dunkirk นี้จึงเป็นความมหัศจรรย์ของความมีน้ำใจ เป็นอันหนึ่งอันเดียวของชาวอังกฤษ ที่หากลองนึกถึงสภาวะจิตใจของทหารที่พ่ายแพ้อย่างหลุดลุ่ย และกำลังรอความตายอย่างน่าเวทนา ความช่วยเหลืออย่างบริสุทธิ์จากเหล่าชาวบ้านเปรียบเสมือน แสงสว่างทางจิตใจ ที่แม้เพียงน้อยนิดก็สามารถจุดประกายความหวัง และขวัญกำลังใจให้ได้ผลอย่างมหาศาล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุการณ์ที่ Dunkirk นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกจุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้
[CR] DUNKIRK (2017) --- Director: Christopher Nolan --- วิจารณ์
Dunkirk ผลงานการกำกับล่าสุดของผู้กำกับชื่อดังแห่งยุค Christopher Nolan และมันยังเป็นหนังดราม่า สงครามอิงประวัติศาสตร์ เรื่องเเรกภายใต้การกำกับของเขาอีกด้วย
Dunkirk เป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ของช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ช่วงกลางปี 1941 สถานการณ์ของฝ่ายสัมพัธมิตรบนภาคพื้นยุโรปกำลังร่อแร่ ถูกพลพรรคนาซีล้อมกรอบตีไปจนเกือบตกทะเลแอตแลนติก และ "Dunkirk" ก็คือที่มั่นสุดท้ายของเหล่าสัมพันธมิตรกว่า 400,000 นายนั่นเอง
เมื่อถึงตอนนั้น ด้วยขวัญ รวมถึงพละกำลังทั้งกายและใจที่ร่อยหรอลงทุกขณะและการดึงดันต่อสู้ต่อไปบนพื้นที่อันน้อยนิดนี้ยังจะเป็นการสูญเสียกำลังพลโดยใช่เหตุ เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีของอังกฤษจึงสั่งปฏิบัติการ "ไดนาโม" หรือ Operation Dynamo ปฏิบัติการอพยพทหารอังกฤษให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กลับเกาะอังกฤษ เหมือนเป็นการยอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อที่จะสั่งสม"กำลัง"กลับมาสู้ศึกในครั้งต่อไป
ในตอนแรก เชอร์ชิล หวังเพียงทหารอังกฤษกลับมาได้เพียง 45,000 นาย แต่ไปๆมาๆกลับได้กลับมาถึง 3 แสนกว่านาย ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้ความสามัคคีของทหารทุกเหล่า ทางบก อากาศ และน้ำ แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ Dunkirk แตกต่างจากการเป็นแค่การอพยพทางทหารธรรมดา คือ ภาคพลเรือน ที่กลุ่มชาวบ้าน ชาวประมงท้องถิ่น พร้อมใจกันออกมาเอาเรือส่วนตัวที่ไม่มีอาวุธใดๆทั้งสิ้น นอกจากใจ มาช่วยเหล่าทหาร
ยุทธการที่ Dunkirk นี้จึงเป็นความมหัศจรรย์ของความมีน้ำใจ เป็นอันหนึ่งอันเดียวของชาวอังกฤษ ที่หากลองนึกถึงสภาวะจิตใจของทหารที่พ่ายแพ้อย่างหลุดลุ่ย และกำลังรอความตายอย่างน่าเวทนา ความช่วยเหลืออย่างบริสุทธิ์จากเหล่าชาวบ้านเปรียบเสมือน แสงสว่างทางจิตใจ ที่แม้เพียงน้อยนิดก็สามารถจุดประกายความหวัง และขวัญกำลังใจให้ได้ผลอย่างมหาศาล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุการณ์ที่ Dunkirk นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกจุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้