อันยองฮาเซโย ค่าาาาา
ทริปนี้เป็นการเดินทางไปเกาหลีครั้งแรกของเราค่ะ
9 วัน 8 คืน กับ 5 สาว ที่ได้ไปท่องโลกกว้างที่เกาหลีใต้
เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า
มีทั้งสุข เศร้า หลงทาง
กระเป๋าหาย พาสปอตก็หาย!! เอ้า!!
แต่สุดท้ายเราก็ผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาด้วยกัน ถือเป็นประสบการณ์การเดินทางที่คุ้มค่ามากจริงๆ
จนมีความรู้สึกชั้นรักประเทศนี้จัง
ชั้นอยากมาเที่ยวที่นี่อีก ! และจะมาอีกให้ได้!
เราออกเดินทางเมื่อวันที่ 8-16 เมษายน แน่นอนว่าช่วงนั้นคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บาน
จุดมุ่งหมายของการเดินทางคือ ออกตามหา Cherry Blossom หรือดอกซากุระ หรือ ดอกพ็อตกต (벚꽃) ในภาษาเกาหลีนั่นเอง
โปรแกรมการเดินทางคร่าวๆ ที่วางไว้
วันที่ 1 เดินทางไป Busan
วันที่ 2 เที่ยว Jinhea เทศกาลดอก Cherry Blossom
วันที่ 3 เที่ยวใน Busan และเดินทางไป Jeonju
วันที่ 4 เที่ยวใน Jeonju
วันที่ 5 Shopping ใน Seoul
วันที่ 6 ตามหา Cherry Blossom ที่ InCheon
วันที่ 7 เที่ยวแลนมาร์ก ดูดอกไม้ ใน Seoul (พัง)
วันที่ 8 ไปดูดอกไม้ที่ BuCheon และ ที่ใน Seoul
วันที่ 9 เดินทางกลับไทย
สรุปรวมค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน
ไป Airasia 5910 บาท / ไม่โหลดกระเป๋า , ไม่มีอาหาร
กลับ Jeju Air 5,300 บาท / โหลดกระเป๋าได้ 15 kg
KTX 2 Fiexible 2 Day (KRW 455,000 = 13,833 บาท/ 5 คน )
คนละ 2,766 บาท
ที่พักที่ Busan 2 คืน
Popcorn Hostel Nampo 809 บาท
ที่พักที่ Jeonju 1 คืน
Gaeuchae (KRW 100,000) คนละ 612 บาท
ที่พัก Seoul 5 คืน
24 Guesthouse Edae (KRW 601,500) คนละ 3,680 บาท
Sim2fly 399 บาท (แบบ 8 วัน)
wifibank (1,980 บาท) คนละ 396 บาท
เติมเงินในบัตร T-Money , CashBee (50,000 won)
ประมาณ 1,500 บาท/คน
ค่ากิน / Shopping ทะลุมิติ
ค่าเงินเกาหลี 0.031 ถ้าใครมาแลกสนามบิน เรท 0.040
หลายเดือนก่อนออกเดินทาง ข่าวนักท่องเที่ยวไทยโดนส่งตัวกลับกันบ่อยมาก
เราก็เริ่มใจคอไม่ได้ อ่านมาก กลัวมาก เลยเมล์เข้าไปสอบถามกับทางสถานฑูตเกาหลีในไทย
สอบถามเรื่องการขอวีซ่าท่องเที่ยว C-39 ทางสถานฑูตบอกมาว่า
ไม่มีการออกวีซ่าท่องเที่ยวให้คนไทยค่ะเนื่องจากคนไทยได้รับการยกเว้นวีซ่า และสามารถพำนักได้ไม่เกิน 90 วันอยู่แล้วค่ะ
การเตรียมตัวสำหรับการผ่าน ตม. (ที่เราเตรียมไป)
1 หนังสือรับรองการทำงานและเงินเดือน
2 โปรแกรมเที่ยว (ทุกคนต้องรู้ว่าไปไหนบ้าง)
3 Booking ที่พักที่จองไว้
4 เอกสารการจองรถไฟ KTX
5 ตั๋วเครื่องบินขากลับ
6 บัตรพนักงาน/นามบัตร
7 สำเนาพาสปอร์ตของทุกคนในทริป
คำแนะนำการเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลีใต้
โดย กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง
1 การอนุญาตเข้าเมืองระยะเวลา 90 วัน จะต้องไม่ใช่การเดินทางเพื่อไปทำงาน เนื่องจากในแต่ละปี
ตม.เกาหลีใต้ ปฏิเสธการเข้าเมืองและส่งคนไทยกลับ 8,000-9,000 คน
2 เตรียมสอบข้อซักถามของ ตม.เกาหลี ตามสมควร เช่น วัตถุประสงค์การมาเกาหลี
ระยะเวลา สถานที่ท่องเที่ยวที่จะไป ที่พัก เป็นต้น
3 แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เป็นสากล
4 หากอยู่เกินกำหนดอนุญาต หรือ ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วถูกจับกุม
ทาง ตม.เกาหลีใต้ะขึ้นบัญชีห้ามเข้าประเทศ และอาจถูกห้ามเข้าประเทศในการเดินทางครั้งต่อไป
5 ทางเดินทางเป็นหมู่คณะ ควรพิจารณาบริษัทนำเที่ยวที่น่าเชื่อถือ
ทริปนี้เราเอาทั้งกล้องฟิล์มและกล้องมิลเลอเลสไปด้วย
กล้องที่ใช้ Nikon1 J5 เลนส์ 32mm F1.2 และ เลนส์ 6.7-13mm f/3.5-5.6 VR
กล้องฟิล์ม Nikon AD3 ฟิล์ม Fujicolor 200 , Prolmage , Koduk Gold200
พร้อมแล้วววววว มาออกเดินทางกันเลยค่าาาา
8 เมษายน 2017
เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 02.50 น. ไปถึงสนามบินอินชอน 10.05 น.
เวลาเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง
สิ่งที่ทุกคนในทริปนี้กลัวและลุ้นมากที่สุดคือการผ่าน ตม. ไปให้ได้
1 คนมาเกาหลีเป็นครั้งที่ 2 สอง
3 คน เคยเดินทางมาหลายประเทศ
และ 1 คน พาสปอร์ตหน้าขาว
4 คนแรก ผ่าน ตม. หมด ไม่มีใครโดนถามคำถามอะไรเลย
ยกเว้นที่เป็นพาสปอร์ตหน้าขาว คำถามคือ มาเที่ยวกับใคร เพื่อนอยู่ไหน ซึ่ง ณ ตอนนั้น 3 คนได้ผ่าน ตม. ไปแล้ว
เหลือเรา ที่ยังเข้าแถว ก็รอสังเกตการณ์อยู่
พี่เค้าเลยหยิบสำเนาพาสปอร์ตของทุกคนที่เตรียมส่งให้ ตม.
นางก็พิมพ์ๆ คีย์ๆ ข้อมูล แล้วก็ให้ผ่านค่ะ
พอถึงคิว จขกท. นางไม่ถามอะไรเลย ปั้มๆ สแกนนิ้ว เวลคั้มทูโคเรียจ้าาาา
ออกจาก ตม. เราก็เดินลงไปหาร้านเพื่อซื้อบัตร T-Money กันเลยค่ะ
ไม่ต้องไปรอรับกระเป๋า เพราะไม่ได้โหลดมา เอาเสื้อผ้ามา 3 ชุด คือกะจะมาซื้อที่นี่กันเลย
T-Money คือบัตรเงินสดที่อำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้า บริการต่าง
ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน
รถเมล์ แท็กซี่ หรือซื้อของในร้านสะดวกซื้อ Gs25 Se7en Familymart
สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ก่อนใช้ก็ให้เติมเงินในบัตรก่อน
โดยเติมได้ที่ตู้เติมงานตามสถานีต่างๆ หรือจะเติมในร้านสะดวกซื้อก็ได้
แต่บัตรที่พนักงานเซเว่น ที่สนามบินหยิบมาให้เราคือบัตร Cash Bee
ก็ใช้เหมือนบัตร T-Money เลยค่ะ
สงสัยว่าร้าน Se7en สาขานี้น่าจะมาลายเดียว ลายโดเรม่อน จ้าาาาา ทั้ง 5 คน ได้ลายเดียวกันหมด 55555
จริงๆ เราอยากได้ลายอื่น อย่างพวก ตัวการ์ตูนจาก Line หรือ Kakao Friend แต่โอเค เอาโดเรม่อนก็ได้
ได้บัตรมาก็มาเติบเงินกันก่อน ครั้งแรกลองเติมไปก่อน 20,000 won ค่ะ
ตู้เติมเงินที่สนามบินหน้าตาก็จะประมาณนี้ค่ะ แถมมันก็จะยาวๆ หน่อย
วิธีเติมเงินไม่ยากเลย คือดูคนข้างหน้าว่าเค้าทำไง จำไว้ แล้วเติมเองค่ะ
มีโหมดภาษาอังกฤษให้เลือก สบายมากกกกกก
หลังจากนั้นก็เอาเอกสารการจอง KTX มาที่เคาน์เตอร์ Airport Railroad Travel Center
เพื่อรับบัตร KR Pass โดยใช้เอกสารการจอง Passport ของทุกคน บัตรเครดิตที่ใช้จอง
KTX (Korea Train express) หรือรถไฟความเร็วสูง
ที่ใช้สำหรับวิ่งไปยังหัวเมืองต่างๆ ในเกาหลีใต้ ซึ่งวิ่งได้เร็วกว่า 300 กม./ชั่วโมง
สามารถจองล่วงหน้าใน 30 วันก่อนเดินทาง
คุณมิน Seoul Cafe ได้อธิบายไว้ละเอียดมาก ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
http://seoulcafe2013.blogspot.com/2016/03/ktx-kr-pass.html
ขั้นตอนการรับบัตร KR PASS และแลกตั๋วรถไฟ KTX
http://seoulcafe2013.blogspot.com/2016/11/kr-pass-ktx.html
เราจอง KR Pass แบบ Fiexible 2 Day
สามารถระบุกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ได้เลยว่าจะใช้วันไหนบ้าง
ซึ่งเราจะใช้วันแรกของการเดินทางไปปูซานเลย
KR Pass คือตั๋วเดินทางแบบเหมาทั้งวัน ซึ่งสามารถใช้บริการได้กับรถไฟทุกประเภท ยกเว้นรถไฟฟ้าใต้ดิน
พนักงานก็อธิบายให้ฟังว่าขึ้นขบวนไหนยังไง แต่เราต้องนั่งจากสนามบิน แล้วไปเปลี่ยนขบวนที่ Seoul Station
แล้วก็นั่งกันยาวๆ ไปปูซานเลยค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้วก็ไปที่ ทางเข้า KTX ลงบันได้เลื่อนไปอีกนิดนึงก็ถึงแล้วค่ะ ขบวนที่เราจะขึ้นนั้นจอดรอเราอยู่แล้ว
แต่ที่เราชอบมากเลยคือ เป็นสถานีที่สวยมากกกกจริงๆ
รถไฟยังไม่ออกค่ะ ลงมาถ่ายรูปกันก่อน เหมือนในขบวนยังไม่เปิดแอร์เลย ร้อนมาก
อากาศข้างนอกรถไฟ เย็นกว่าเยอะ
ขบวนที่ 15 คือ ขบวนที่เรานั่งเข้าโซลกัน
บนรถไฟมี Free Wifi ให้เล่นแถมมีปลั๊กไฟให้ชาร์ต ห้องน้ำสะอาด และมีที่ให้วางกระเป๋าเดินทางด้วย
[CR] Korea Blooming [ Busan-Jinhea-Jeonju-Seoul-Incheon ] หลงๆ ลุยๆ 8 คืน 9 วัน !!
ทริปนี้เป็นการเดินทางไปเกาหลีครั้งแรกของเราค่ะ
9 วัน 8 คืน กับ 5 สาว ที่ได้ไปท่องโลกกว้างที่เกาหลีใต้ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า
มีทั้งสุข เศร้า หลงทาง กระเป๋าหาย พาสปอตก็หาย!! เอ้า!!
แต่สุดท้ายเราก็ผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาด้วยกัน ถือเป็นประสบการณ์การเดินทางที่คุ้มค่ามากจริงๆ
จนมีความรู้สึกชั้นรักประเทศนี้จัง ชั้นอยากมาเที่ยวที่นี่อีก ! และจะมาอีกให้ได้!
เราออกเดินทางเมื่อวันที่ 8-16 เมษายน แน่นอนว่าช่วงนั้นคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บาน
จุดมุ่งหมายของการเดินทางคือ ออกตามหา Cherry Blossom หรือดอกซากุระ หรือ ดอกพ็อตกต (벚꽃) ในภาษาเกาหลีนั่นเอง
โปรแกรมการเดินทางคร่าวๆ ที่วางไว้
วันที่ 1 เดินทางไป Busan
วันที่ 2 เที่ยว Jinhea เทศกาลดอก Cherry Blossom
วันที่ 3 เที่ยวใน Busan และเดินทางไป Jeonju
วันที่ 4 เที่ยวใน Jeonju
วันที่ 5 Shopping ใน Seoul
วันที่ 6 ตามหา Cherry Blossom ที่ InCheon
วันที่ 7 เที่ยวแลนมาร์ก ดูดอกไม้ ใน Seoul (พัง)
วันที่ 8 ไปดูดอกไม้ที่ BuCheon และ ที่ใน Seoul
วันที่ 9 เดินทางกลับไทย
สรุปรวมค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน
ไป Airasia 5910 บาท / ไม่โหลดกระเป๋า , ไม่มีอาหาร
กลับ Jeju Air 5,300 บาท / โหลดกระเป๋าได้ 15 kg
KTX 2 Fiexible 2 Day (KRW 455,000 = 13,833 บาท/ 5 คน )
คนละ 2,766 บาท
ที่พักที่ Busan 2 คืน
Popcorn Hostel Nampo 809 บาท
ที่พักที่ Jeonju 1 คืน
Gaeuchae (KRW 100,000) คนละ 612 บาท
ที่พัก Seoul 5 คืน
24 Guesthouse Edae (KRW 601,500) คนละ 3,680 บาท
Sim2fly 399 บาท (แบบ 8 วัน)
wifibank (1,980 บาท) คนละ 396 บาท
เติมเงินในบัตร T-Money , CashBee (50,000 won)
ประมาณ 1,500 บาท/คน
ค่ากิน / Shopping ทะลุมิติ
ค่าเงินเกาหลี 0.031 ถ้าใครมาแลกสนามบิน เรท 0.040
หลายเดือนก่อนออกเดินทาง ข่าวนักท่องเที่ยวไทยโดนส่งตัวกลับกันบ่อยมาก
เราก็เริ่มใจคอไม่ได้ อ่านมาก กลัวมาก เลยเมล์เข้าไปสอบถามกับทางสถานฑูตเกาหลีในไทย
สอบถามเรื่องการขอวีซ่าท่องเที่ยว C-39 ทางสถานฑูตบอกมาว่า
ไม่มีการออกวีซ่าท่องเที่ยวให้คนไทยค่ะเนื่องจากคนไทยได้รับการยกเว้นวีซ่า และสามารถพำนักได้ไม่เกิน 90 วันอยู่แล้วค่ะ
การเตรียมตัวสำหรับการผ่าน ตม. (ที่เราเตรียมไป)
1 หนังสือรับรองการทำงานและเงินเดือน
2 โปรแกรมเที่ยว (ทุกคนต้องรู้ว่าไปไหนบ้าง)
3 Booking ที่พักที่จองไว้
4 เอกสารการจองรถไฟ KTX
5 ตั๋วเครื่องบินขากลับ 6 บัตรพนักงาน/นามบัตร
7 สำเนาพาสปอร์ตของทุกคนในทริป
คำแนะนำการเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลีใต้
โดย กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง
1 การอนุญาตเข้าเมืองระยะเวลา 90 วัน จะต้องไม่ใช่การเดินทางเพื่อไปทำงาน เนื่องจากในแต่ละปี
ตม.เกาหลีใต้ ปฏิเสธการเข้าเมืองและส่งคนไทยกลับ 8,000-9,000 คน
2 เตรียมสอบข้อซักถามของ ตม.เกาหลี ตามสมควร เช่น วัตถุประสงค์การมาเกาหลี
ระยะเวลา สถานที่ท่องเที่ยวที่จะไป ที่พัก เป็นต้น
3 แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เป็นสากล
4 หากอยู่เกินกำหนดอนุญาต หรือ ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วถูกจับกุม
ทาง ตม.เกาหลีใต้ะขึ้นบัญชีห้ามเข้าประเทศ และอาจถูกห้ามเข้าประเทศในการเดินทางครั้งต่อไป
5 ทางเดินทางเป็นหมู่คณะ ควรพิจารณาบริษัทนำเที่ยวที่น่าเชื่อถือ
ทริปนี้เราเอาทั้งกล้องฟิล์มและกล้องมิลเลอเลสไปด้วย
กล้องที่ใช้ Nikon1 J5 เลนส์ 32mm F1.2 และ เลนส์ 6.7-13mm f/3.5-5.6 VR
กล้องฟิล์ม Nikon AD3 ฟิล์ม Fujicolor 200 , Prolmage , Koduk Gold200
พร้อมแล้วววววว มาออกเดินทางกันเลยค่าาาา
เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 02.50 น. ไปถึงสนามบินอินชอน 10.05 น.
เวลาเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง
สิ่งที่ทุกคนในทริปนี้กลัวและลุ้นมากที่สุดคือการผ่าน ตม. ไปให้ได้
1 คนมาเกาหลีเป็นครั้งที่ 2 สอง
3 คน เคยเดินทางมาหลายประเทศ
และ 1 คน พาสปอร์ตหน้าขาว
4 คนแรก ผ่าน ตม. หมด ไม่มีใครโดนถามคำถามอะไรเลย
ยกเว้นที่เป็นพาสปอร์ตหน้าขาว คำถามคือ มาเที่ยวกับใคร เพื่อนอยู่ไหน ซึ่ง ณ ตอนนั้น 3 คนได้ผ่าน ตม. ไปแล้ว
เหลือเรา ที่ยังเข้าแถว ก็รอสังเกตการณ์อยู่ พี่เค้าเลยหยิบสำเนาพาสปอร์ตของทุกคนที่เตรียมส่งให้ ตม.
นางก็พิมพ์ๆ คีย์ๆ ข้อมูล แล้วก็ให้ผ่านค่ะ พอถึงคิว จขกท. นางไม่ถามอะไรเลย ปั้มๆ สแกนนิ้ว เวลคั้มทูโคเรียจ้าาาา
ออกจาก ตม. เราก็เดินลงไปหาร้านเพื่อซื้อบัตร T-Money กันเลยค่ะ
ไม่ต้องไปรอรับกระเป๋า เพราะไม่ได้โหลดมา เอาเสื้อผ้ามา 3 ชุด คือกะจะมาซื้อที่นี่กันเลย
T-Money คือบัตรเงินสดที่อำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้า บริการต่าง
ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ แท็กซี่ หรือซื้อของในร้านสะดวกซื้อ Gs25 Se7en Familymart
สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ก่อนใช้ก็ให้เติมเงินในบัตรก่อน
โดยเติมได้ที่ตู้เติมงานตามสถานีต่างๆ หรือจะเติมในร้านสะดวกซื้อก็ได้
แต่บัตรที่พนักงานเซเว่น ที่สนามบินหยิบมาให้เราคือบัตร Cash Bee ก็ใช้เหมือนบัตร T-Money เลยค่ะ
สงสัยว่าร้าน Se7en สาขานี้น่าจะมาลายเดียว ลายโดเรม่อน จ้าาาาา ทั้ง 5 คน ได้ลายเดียวกันหมด 55555
จริงๆ เราอยากได้ลายอื่น อย่างพวก ตัวการ์ตูนจาก Line หรือ Kakao Friend แต่โอเค เอาโดเรม่อนก็ได้
ได้บัตรมาก็มาเติบเงินกันก่อน ครั้งแรกลองเติมไปก่อน 20,000 won ค่ะ
ตู้เติมเงินที่สนามบินหน้าตาก็จะประมาณนี้ค่ะ แถมมันก็จะยาวๆ หน่อย
วิธีเติมเงินไม่ยากเลย คือดูคนข้างหน้าว่าเค้าทำไง จำไว้ แล้วเติมเองค่ะ
มีโหมดภาษาอังกฤษให้เลือก สบายมากกกกกก
หลังจากนั้นก็เอาเอกสารการจอง KTX มาที่เคาน์เตอร์ Airport Railroad Travel Center
เพื่อรับบัตร KR Pass โดยใช้เอกสารการจอง Passport ของทุกคน บัตรเครดิตที่ใช้จอง
KTX (Korea Train express) หรือรถไฟความเร็วสูง
ที่ใช้สำหรับวิ่งไปยังหัวเมืองต่างๆ ในเกาหลีใต้ ซึ่งวิ่งได้เร็วกว่า 300 กม./ชั่วโมง
สามารถจองล่วงหน้าใน 30 วันก่อนเดินทาง
คุณมิน Seoul Cafe ได้อธิบายไว้ละเอียดมาก ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
http://seoulcafe2013.blogspot.com/2016/03/ktx-kr-pass.html
ขั้นตอนการรับบัตร KR PASS และแลกตั๋วรถไฟ KTX
http://seoulcafe2013.blogspot.com/2016/11/kr-pass-ktx.html
เราจอง KR Pass แบบ Fiexible 2 Day
สามารถระบุกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ได้เลยว่าจะใช้วันไหนบ้าง
ซึ่งเราจะใช้วันแรกของการเดินทางไปปูซานเลย
KR Pass คือตั๋วเดินทางแบบเหมาทั้งวัน ซึ่งสามารถใช้บริการได้กับรถไฟทุกประเภท ยกเว้นรถไฟฟ้าใต้ดิน
พนักงานก็อธิบายให้ฟังว่าขึ้นขบวนไหนยังไง แต่เราต้องนั่งจากสนามบิน แล้วไปเปลี่ยนขบวนที่ Seoul Station
แล้วก็นั่งกันยาวๆ ไปปูซานเลยค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้วก็ไปที่ ทางเข้า KTX ลงบันได้เลื่อนไปอีกนิดนึงก็ถึงแล้วค่ะ ขบวนที่เราจะขึ้นนั้นจอดรอเราอยู่แล้ว
แต่ที่เราชอบมากเลยคือ เป็นสถานีที่สวยมากกกกจริงๆ
รถไฟยังไม่ออกค่ะ ลงมาถ่ายรูปกันก่อน เหมือนในขบวนยังไม่เปิดแอร์เลย ร้อนมาก
อากาศข้างนอกรถไฟ เย็นกว่าเยอะ
ขบวนที่ 15 คือ ขบวนที่เรานั่งเข้าโซลกัน
บนรถไฟมี Free Wifi ให้เล่นแถมมีปลั๊กไฟให้ชาร์ต ห้องน้ำสะอาด และมีที่ให้วางกระเป๋าเดินทางด้วย