สวัสดีครับวันนี้ผมได้มีโอกาสไปดู Dunkirk มาครับจะลองเขียนรีวิวดูครับ
ผู้กำกับ
-Christopher Nolan
นักแสดง
-Fionn Whitehead
-Aneurin Barnard
-Jack Lowden
-Tom Hardy
เนื้อเรื่อง เกี่ยวกับ ทหารเกือบ 400,000 นายถูกทหารนาซีล้อมไว้ที่ชายฝั่ง Dunkirk พวกเขาหวังว่าจะเกิดปาฏิหารย์ขึ้น พวกเขาต้องการกลับบ้าน และบ้านก็เป็นฝ่ายมาช่วยพวกเขาเอง ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงในเหตุการณ์ Dunkirk evacuation หรือ Operation Dynamo ระหว่าง 24 พฤษภา - 4 มิถุนา ปี 1940
*อ้างอิงจาก wikipedia จ้า
หนังเรื่องนี้ขอเกริ่นก่อนเลยครับว่าแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลาคือ
1.The Mole/1 week
2.The Sea/1 Day
3.Air/1 Hour
ซึ่งแต่ละช่วงเวลาจะมีเหตุการณ์แตกต่างกัน ผมจะเริ่มจาก The Mole ก่อนละกันนะครับ 5555 ซึ่งในตอนนี้จะเล่าเกี่ยวกับทหารภาคพื้นดินที่หลบหนีนาซีเพื่อเอาชีวิตรอดและต้องการอยากกลับบ้าน ซึ่งตัวละครเด่นๆในเรื่องนี้คือ Tommy (Fionn Whitehead) เป็นนายทหารอังกฤษธรรมดาทั่วไปที่ต้องการกลับบ้านเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งระหว่างทางก็เจอ Gibson (Aneurin Barnard) และ Alex (Harry Styles) ซึ่งพวกเขาต้องดิ้นรนหาทางกลับบ้าน ผมขอเตือนสาวๆไว้ก่อนเลยนะครับ ว่า Harry Styles เรื่องนี้ความหล่อออกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ 5555 แต่ก็ยังออร่าความหล่ออยู่ดีครับ ดังนั้นถ้าสาวๆไปอาจจะผิดหวังนิดหน่อยครับ
Debut ครั้งแรกกับการแสดงผมถือว่าผ่านนะครับ แสดงได้ขนาดนี้ในเรื่องแรกผมถือว่าไม่ธรรมดาครับ Fionn Whitehead เช่นกันครับ ซึ่งโลเคชั่นเรื่องนี้ยกกองไปถ่ายกันที่สถานที่จริงอย่าง
Dunkirk ตามประวัติศาสตร์เรื่องจริง สภาพอากาศ/สภาพแวดล้อม เข้ากับบรรยากาศเรื่องมากๆครับ เพลงประกอบเรื่องนี้ประพันธ์โดย Hans Zimmer ซึ่งนำเสียงนาฬิกามาทำเป็นเพลงประกอบทำให้เราลุ้นได้ อันนี้ผมชอบมากๆครับ หนังให้ฟีลสงครามได้สมจริงมากครับ หากดูใน IMAX เสียงกระหึ่มจริงๆ
ต่อมามาที่ The Sea/1 Day เล่าเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งครอบครัวหนึ่ง ที่อาสาไปช่วยพวกทหารที่ Dunkirk โดยได้นักแสดงระดับออสการ์อย่าง
Mark Rylance เป็น Mr.Dawson ตามด้วย Peter (Tom Glynn-Carney) และ George (Barry Keoghan) ที่กำลังออกเรือไปช่วยเหล่าทหารที่ Dunkirk อย่างที่ว่าแหละครับ ซึ่งในพาร์ทนี้ ผมแพ้ Tom Glynn-Carney มากๆครับ หล่อมากกกกกก ขนาดเป็นผช ด้วยกันยังแพ้เลยครับ ซึ่งพาร์ทนี้เหมือนจะดูน่าเบื่อแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงเลยครับ 5555 หลงไหลใน Tom มากๆ หนุ่มชุดไหมพรมสีแดง แอร๊ย (ไม่ใช่ละ 55) ดูมีเสน่ห์ ละมุนมากๆ ยอมใจ ส่วนลุง Mark ผมคงไม่ต้องพูดถึงละเนอะ ระดับออสการ์ แม้เรื่องนี้จะมีฉากพูดไม่มาก แต่การแสดงอารมณ์/สีหน้า ของลุงก็ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ ถึงแม้จะออกไม่มากก็ตามครับ แต่น่าเสียดายที่หนู George แทบจะไม่ค่อยมีบทอะไรมากเหมือนกันครับ ระหว่างทางครอบครัวนี้ได้พบกับ Cillian Murphy ซึ่งรับบทเป็นทหารที่เพิ่งผ่านสงครามไปหมาดๆ น่าเสียดายที่ภาคนี้แกดูเป็นตัวประกอบมากๆ แทบไม่มีบทอะไรเลย จะเรียกว่าตัวประกอบจะดูไร้น้ำใจไปไหม 5555 ไม่เหมือน Batman Begins/The Dark Knight/The Dark Knight Rises ที่ยังพอออกมาแล้วดูมีบทมีอะไรกว่าเรื่องนี้มากๆครับ
และพาร์ทสุดท้ายคือ The Air/1 Hour เป็นเกี่ยวกับกองกำลังบินที่คอยยิงคุ้มกันเครื่องบินจากนาซีที่จะคอยบุกรุกซึ่งพาร์ทนี้ Tom Hardy คนเดียวแทบเอาอยู่ครับ และมีหนุ่มหล่อใจละลายอย่าง Collins (Jack Lowden) มาสมทบเช่นกันครับ ซึ่งพาร์ทนี้ถ้าดูแบบ IMAX เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมมากๆครับ Nolan เล่นใหญ่ติดกล้องไว้ที่ข้างเครื่องบินเลยครับ สมจริงมากๆ และ Nolan บอกว่า
เรื่องนี้เขาพยายามใช้ CG ให้น้อยที่สุดเพื่อความสมจริง ซึ่งผลออกมาถือว่าดีมากๆครับ สมจริงตามแกบอกเลยครับผม
**เรื่องนี้ดำเนินเรื่องสลับไปมาระหว่าง 3 พาร์ทสลับไปมาซึ่งอาจจะต้องใช้ความจำพอสมควรครับผม ตามสไตล์ Christopher Nolan แก (หากใครดู Memento แล้วชิลๆ เรื่องนี้ผมว่าก็ไม่น่ายากนะครับ) และสุดท้าย เนื้อเรื่องทั้ง 3 อันจะมารวมกันเป็นปัจจุบันครับผม หนังเรื่องนี้ 1 ชั่วโมง 47 นาทีผมว่าคุ้มมากๆครับ นั่งไม่ติดเบาะเก้าอี้เลย ลุ้นมากๆ 55
สำหรับเรื่องนี้ผมขอให้คะแนนเรื่องนี้ไว้ที่ 9/10 ครับ
(อันนี้คะแนนความคิดเห็นของผมนะครับ 5555 อย่าว่าผมอวยเลย ชอบจริงๆครับ แนะนำให้ไปพิสูจน์เองดีกว่าครับ) มีโอกาสแอดมินจะไปจัดรอบ 2 อีกจ้า แนะนำให้ดู IMAX เพื่ออรรถรสที่สมจริงที่สุดจ้าา
**สำหรับผู้ที่อยู่กทม แนะนำว่าควรไปดูที่ IMAX ของ Paragon เพราะที่นั่นฉายเป็นระบบ IMAX 70mm ซึ่งเห็นภาพได้กว้างกว่า IMAX Digital และเห็นภาพได้กว้างมากๆครับ**
ละก็อย่าลืมฝากกดไลค์แฟนเพจรีวิวหนังมือใหม่ด้วยนะครับ หากตกบกพร่องอะไรตรงไหนก็ขออภัยด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ
https://www.facebook.com/CriticizeReview/
#Dunkirk
#ดันเคิร์ก
[รีวิว #17] Dunkirk - ดูจบแล้วขอกราบนอบน้อมเป็นสาวก Christopher Nolan ด่วนเลยครับ 5555
ผู้กำกับ
-Christopher Nolan
นักแสดง
-Fionn Whitehead
-Aneurin Barnard
-Jack Lowden
-Tom Hardy
เนื้อเรื่อง เกี่ยวกับ ทหารเกือบ 400,000 นายถูกทหารนาซีล้อมไว้ที่ชายฝั่ง Dunkirk พวกเขาหวังว่าจะเกิดปาฏิหารย์ขึ้น พวกเขาต้องการกลับบ้าน และบ้านก็เป็นฝ่ายมาช่วยพวกเขาเอง ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงในเหตุการณ์ Dunkirk evacuation หรือ Operation Dynamo ระหว่าง 24 พฤษภา - 4 มิถุนา ปี 1940
*อ้างอิงจาก wikipedia จ้า
หนังเรื่องนี้ขอเกริ่นก่อนเลยครับว่าแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลาคือ
1.The Mole/1 week
2.The Sea/1 Day
3.Air/1 Hour
ซึ่งแต่ละช่วงเวลาจะมีเหตุการณ์แตกต่างกัน ผมจะเริ่มจาก The Mole ก่อนละกันนะครับ 5555 ซึ่งในตอนนี้จะเล่าเกี่ยวกับทหารภาคพื้นดินที่หลบหนีนาซีเพื่อเอาชีวิตรอดและต้องการอยากกลับบ้าน ซึ่งตัวละครเด่นๆในเรื่องนี้คือ Tommy (Fionn Whitehead) เป็นนายทหารอังกฤษธรรมดาทั่วไปที่ต้องการกลับบ้านเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งระหว่างทางก็เจอ Gibson (Aneurin Barnard) และ Alex (Harry Styles) ซึ่งพวกเขาต้องดิ้นรนหาทางกลับบ้าน ผมขอเตือนสาวๆไว้ก่อนเลยนะครับ ว่า Harry Styles เรื่องนี้ความหล่อออกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ 5555 แต่ก็ยังออร่าความหล่ออยู่ดีครับ ดังนั้นถ้าสาวๆไปอาจจะผิดหวังนิดหน่อยครับ Debut ครั้งแรกกับการแสดงผมถือว่าผ่านนะครับ แสดงได้ขนาดนี้ในเรื่องแรกผมถือว่าไม่ธรรมดาครับ Fionn Whitehead เช่นกันครับ ซึ่งโลเคชั่นเรื่องนี้ยกกองไปถ่ายกันที่สถานที่จริงอย่าง Dunkirk ตามประวัติศาสตร์เรื่องจริง สภาพอากาศ/สภาพแวดล้อม เข้ากับบรรยากาศเรื่องมากๆครับ เพลงประกอบเรื่องนี้ประพันธ์โดย Hans Zimmer ซึ่งนำเสียงนาฬิกามาทำเป็นเพลงประกอบทำให้เราลุ้นได้ อันนี้ผมชอบมากๆครับ หนังให้ฟีลสงครามได้สมจริงมากครับ หากดูใน IMAX เสียงกระหึ่มจริงๆ
ต่อมามาที่ The Sea/1 Day เล่าเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งครอบครัวหนึ่ง ที่อาสาไปช่วยพวกทหารที่ Dunkirk โดยได้นักแสดงระดับออสการ์อย่าง Mark Rylance เป็น Mr.Dawson ตามด้วย Peter (Tom Glynn-Carney) และ George (Barry Keoghan) ที่กำลังออกเรือไปช่วยเหล่าทหารที่ Dunkirk อย่างที่ว่าแหละครับ ซึ่งในพาร์ทนี้ ผมแพ้ Tom Glynn-Carney มากๆครับ หล่อมากกกกกก ขนาดเป็นผช ด้วยกันยังแพ้เลยครับ ซึ่งพาร์ทนี้เหมือนจะดูน่าเบื่อแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงเลยครับ 5555 หลงไหลใน Tom มากๆ หนุ่มชุดไหมพรมสีแดง แอร๊ย (ไม่ใช่ละ 55) ดูมีเสน่ห์ ละมุนมากๆ ยอมใจ ส่วนลุง Mark ผมคงไม่ต้องพูดถึงละเนอะ ระดับออสการ์ แม้เรื่องนี้จะมีฉากพูดไม่มาก แต่การแสดงอารมณ์/สีหน้า ของลุงก็ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ ถึงแม้จะออกไม่มากก็ตามครับ แต่น่าเสียดายที่หนู George แทบจะไม่ค่อยมีบทอะไรมากเหมือนกันครับ ระหว่างทางครอบครัวนี้ได้พบกับ Cillian Murphy ซึ่งรับบทเป็นทหารที่เพิ่งผ่านสงครามไปหมาดๆ น่าเสียดายที่ภาคนี้แกดูเป็นตัวประกอบมากๆ แทบไม่มีบทอะไรเลย จะเรียกว่าตัวประกอบจะดูไร้น้ำใจไปไหม 5555 ไม่เหมือน Batman Begins/The Dark Knight/The Dark Knight Rises ที่ยังพอออกมาแล้วดูมีบทมีอะไรกว่าเรื่องนี้มากๆครับ
และพาร์ทสุดท้ายคือ The Air/1 Hour เป็นเกี่ยวกับกองกำลังบินที่คอยยิงคุ้มกันเครื่องบินจากนาซีที่จะคอยบุกรุกซึ่งพาร์ทนี้ Tom Hardy คนเดียวแทบเอาอยู่ครับ และมีหนุ่มหล่อใจละลายอย่าง Collins (Jack Lowden) มาสมทบเช่นกันครับ ซึ่งพาร์ทนี้ถ้าดูแบบ IMAX เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมมากๆครับ Nolan เล่นใหญ่ติดกล้องไว้ที่ข้างเครื่องบินเลยครับ สมจริงมากๆ และ Nolan บอกว่า เรื่องนี้เขาพยายามใช้ CG ให้น้อยที่สุดเพื่อความสมจริง ซึ่งผลออกมาถือว่าดีมากๆครับ สมจริงตามแกบอกเลยครับผม
**เรื่องนี้ดำเนินเรื่องสลับไปมาระหว่าง 3 พาร์ทสลับไปมาซึ่งอาจจะต้องใช้ความจำพอสมควรครับผม ตามสไตล์ Christopher Nolan แก (หากใครดู Memento แล้วชิลๆ เรื่องนี้ผมว่าก็ไม่น่ายากนะครับ) และสุดท้าย เนื้อเรื่องทั้ง 3 อันจะมารวมกันเป็นปัจจุบันครับผม หนังเรื่องนี้ 1 ชั่วโมง 47 นาทีผมว่าคุ้มมากๆครับ นั่งไม่ติดเบาะเก้าอี้เลย ลุ้นมากๆ 55
สำหรับเรื่องนี้ผมขอให้คะแนนเรื่องนี้ไว้ที่ 9/10 ครับ
(อันนี้คะแนนความคิดเห็นของผมนะครับ 5555 อย่าว่าผมอวยเลย ชอบจริงๆครับ แนะนำให้ไปพิสูจน์เองดีกว่าครับ) มีโอกาสแอดมินจะไปจัดรอบ 2 อีกจ้า แนะนำให้ดู IMAX เพื่ออรรถรสที่สมจริงที่สุดจ้าา **สำหรับผู้ที่อยู่กทม แนะนำว่าควรไปดูที่ IMAX ของ Paragon เพราะที่นั่นฉายเป็นระบบ IMAX 70mm ซึ่งเห็นภาพได้กว้างกว่า IMAX Digital และเห็นภาพได้กว้างมากๆครับ**
ละก็อย่าลืมฝากกดไลค์แฟนเพจรีวิวหนังมือใหม่ด้วยนะครับ หากตกบกพร่องอะไรตรงไหนก็ขออภัยด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ
https://www.facebook.com/CriticizeReview/
#Dunkirk
#ดันเคิร์ก